3 ตุลาคม 2551 19:34 น.
อินสวน
สงัดงันเงียบหงอยเดือนคล้อยดับ
ดาวลาลับนับดวงร่วงหลับใหล
ค่อนคืนค้างเคลือบแคลงแสลงใจ
เหตุไฉนไยอับแสงกลั่นแกล้งกัน
แผ่วเพลงไหวสัมผัสใจใบไม้ร่วง
โน้มเหนี่ยวหน่วงห่วงใยใครคนนั้น
แม้ล่วงเลยไม่เคยร้างจางสัมพันธ์
อยากย้อนวันสุขสันต์หวนกลับคืน
กลางดึกดื่นคืนเศร้าเหงาลึกเร้น
สุขที่เห็นกลายเป็นความขมขื่น
ภาพที่เห็นสิ่งที่เป็นไม่กลมกลืน
ยิ้มระรื่นเก็บสะอื้นฝืนข่มใจ
หลังพวงมาลัยมองไปไร้จุดหมาย
คนเดียวดายทายท้าเที่ยวคว้าไขว่
บนเส้นทางอ้างว้างจางเยื่อใย
ไม่มีใครร่วมทางร้างสัญจร
เพียงลมเพ้อละเมอเผลอพ้อหา
ย้อนกลับมาถวิลหวังคราวครั้งก่อน
มาทวงถามตามสัญญามาอ้อนวอน
มาขอพรก่อนเดือนดับจะลับลา
1 ตุลาคม 2551 09:44 น.
อินสวน
หากมีอันเป็นไปให้พลัดพราก
จำต้องจากร้างไกลไร้วาสนา
ไฟโชนแสงแห่งชีวีริบหรี่ลา
ท่ามกลางปรารถนาค้างคาใจ
ฝากพสุธานำวาจาว่าขอโทษ
เคยเคืองโกรธก่อกรรมกระทำไว้
ขัดข้องขุ่นวุ่นวายทำร้ายใคร
ให้อภัยวางไว้บนแผ่นดิน
ฝากความรักห่วงใยไว้แผ่นฟ้า
แฝงเมฆาเอาใจใส่ไม่สร่างสิ้น
ความหวังดีมีมากมายสายฝนริน
จากดวงจินต์อินสวนล้วนจริงใจ
ฝากดวงดาว พราวนภา สบตาเศร้า
คลายเงียบเหงา บรรเทา เอาใจใส่
บอกข่าวว่า แม้ร่ำลา หาร้างไกล
ยังเยื่อใย ไมตรี ไม่มีจาง
ฝากดวงจันทร์ เจ้าเอ๋ย เชยส่องพักตร์
สื่อนำรัก ละมุนไป โลมไล้ร่าง
ถนอมนวล ชวนชิด สนิทข้าง
อย่าแรมร้าง สร่างสิ้น ถวิลนิรันดร์
ฝากสุริยา เถิดหนา อย่าทอดทิ้ง
ถ้อยคำจริง ยิ่งใหญ่ กว่าในฝัน
ยามเหน็บหนาว ปวดร้าว เฝ้าแบ่งปัน
ให้จอมขวัญ อวลกรุ่น อบอุ่นใจ
ขอขอบคุณ ที่เกื้อกูล หนุนดวงจิต
จากกัลยาณมิตรที่มีให้
ความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อด้วยเยื่อใย
ขอชดใช้ด้วยดวงใจกตัญญู
28 กันยายน 2551 10:26 น.
อินสวน
เสียงโห่ดัง ฟังก้องกึก เข้มคึกคัก
อนุรักษ์ ประเพณี ที่สืบสาน
พลังรัก สามัคคี ที่เนานาน
งามตระการ ท้องธาร น่านนที
เป็นเส้นสาย ล่องลาย สายชีวิต
สายโลหิต เลี้ยงหล่อ ต่อวิถี
โขดขุนน่าน ผ่านไพร ให้ชีวี
หลอมฤดี รี่ไหล น้ำใจริน
หลังหลากลา ล่องไหล ใจเริงรื่น
คระครึกครื้น วัฒนธรรม ประจำถิ่น
แม่คงคา แม่ย่านาง ไม่สร่างสิ้น
ด้วยดวงจินต์ ถวิลนึก ระลึกคุณ
สองฝั่งน่าน ละลาน ละเลงสุข
สนั่นสนุก เสนาะเสียง เพียงเคยคุ้น
เรือแข่งเรือ เอื้อเฟื้อ ใจเจือจุน
สายน้ำขุ่น ขุ่นนอกใจ ไม่ขุ่นเคือง
เสียงโห่คึก แรงผนึก ศึกเรือแข่ง
มัดกล้ามแกร่ง เข้มแข็ง เสื้อแดงเหลือง
ชวนตื่นตา ฟ้าคราม งามเมลือง
ฟ่องฟูเฟื่อง เรืองรอง ท้องธารา
บนสะพาน เหนือน่าน เดินผ่านเที่ยว
บ้างเกาะเกี่ยว ควงแขน แฟนจ๊ะจ๋า
บ้างมากลุ่ม หนุ่มสาวแข่ง แต่งกายา
ทั้งยายย่า ป้าน้า มาประชัน
ทั้งลูกเล็ก เด็กแดง เยาวชน
หลากหลายล้น ลานฝั่ง นั่งลดหลั่น
งามวิถี ประเพณี ที่ผูกพัน
เหมือนสวรรค์ บันดาล น่านนที
26 กันยายน 2551 20:17 น.
อินสวน
ท่ามรุ้งราง ฟ้าสาง กลางนคร
กับภาพหลอน ซ้อนซับ แสนสับสน
บนตึกต่าง กลางกรุงไกล ไร้ผู้คน
แววตาหม่น เอ่อล้น จนเดียวดาย
สูงเสียดฟ้า ว้าเหว่ หันเหห่าง
ด้วยอ้างว้าง จางใจ ให้ขวัญหาย
หมดโอกาส วาดหวัง พังทลาย
ฉากสุดท้าย โหดร้าย ทรมาน
ฟ้าสาง อ้างว้าง กลางมหานคร
กับภาพหลอน ตอนดึก นึกฟุ้งซ่าน
หวั่นวิตก อกสะอื้น คืนร้าวลาญ
ยังสะท้าน สะท้อนไหว ใจสะเทือน
หันหน้าชิด ทิศบูรพา วันทากราบ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดทราบ เพียงภาพเหมือน
พระธาตุพูสี ดลฤดี ที่ลืมเลือน
ช่วยย้ำเตือน เดือนวัน ที่สัญญา
พุทธรูปหนัก สักขี ที่อธิษฐาน
กราบสักการ ผ่านอุปสรรค รักเถิดหนา
โปรดประคอง ป้องปัก อีกสักครา
ภาพมายา คราฝัน นั้นมลาย
20 กันยายน 2551 15:58 น.
อินสวน
สุดแดนใจกว้างไกลเกินฟ้ากั้น
สุดแดนฝันบันดาลให้ใจปรารถนา
สุดแดนรักนักฝันแดนสัญญา
ไกลเกินกว่าคำว่าประเพณี
ด้วยแน่นหนักรักมั่นเกินหวั่นไหว
พื้นที่ใจเต็มอัตราหนาแน่นถี่
หน่วยบันทึกรู้สึกได้เท่าใจมี
มอบคนดีไม่เหลือที่ให้กังวล
สัญญาใจใช้ศักดิ์ศรีค้ำประกัน
วางเดิมพันด้วยวิญญาณ์ค่าสูงล้น
ใช้หลักฐานพยานความเป็นคน
ทดแทนความสับสนหมองหม่นใจ
สุดแดนใจของใครอาจใกล้นัก
สุดแดนรักคนดีอยู่ที่ไหน
สุดแดนฝันบันดาลสุดแดนใจ
ความห่างไกลไม่อาจกั้นปักปันแดน