8 ตุลาคม 2552 20:32 น.
อินสวน
อยากจะเป็นคนดีที่อบอุ่น
เพื่อให้คุณพิงพักหนุนตักฝัน
อยากเป็นหลักไม้เลื้อยให้ผูกพัน
เพื่อแบ่งปันคุณค่าปรารถนาดี
อยากเป็นคนปลอบโยนที่โอนอ่อน
คอยอาทรถามทุกข์และสุขศรี
อยากทะนุถนอมกล่อมชีวี
ขวัญฤดีสุขสบอบอุ่นใจ
แต่ฉันไม่ดีเด่นเช่นที่คิด
ในชีวิตเคยเลวและเหลวไหล
เคยก่อกรรมทำร้ายใครต่อใคร
เป็นคนไร้คุณธรรมความปรานี
ฉันก้าวร้าวรุนแรงแข็งกระด้าง
ชอบเมินหมางมักง่ายแล้วหน่ายหนี
ไม่เหมาะคำผู้นำที่แสนดี
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ไม่บังควร
ให้ฉันจมถมทับกับห้วงวาร
ในจินตนาการนามอินสวน
สิ่งที่เห็นนั้นเป็นมายาล้วน
อย่ารีบด่วนตีความตามอักษรา
4 ตุลาคม 2552 08:35 น.
อินสวน
ลมเหนือพรมห่มหนาวจากราวฟ้า
ไพรพฤกษาบอกลาอาลัยฝน
ตะแบกบานม่วงขาวพราวกมล
ขอบคุณฝนพอเพียงเลี้ยงพนา
ในม่านหมอกดอกเหมยเริ่มเผยแย้ม
เตรียมแต่งแต้มเหมันต์ให้หรรษา
ทั้ง ดอกหญ้า ดอกดินดาดระดา
ต่างพร้อมหน้าเข้าสู่ฤดูกาล
ราศีตุลย์หมุนมาฟ้าเริ่มเปลี่ยน
นางแอ่นเวียนแวะมาอย่างกล้าหาญ
มาเชยชิดมิตรรักดอกไม้บาน
ร่วมขับขานเพลงหวานกล่อมราวไพร
ตะวันอ้อมเหลี่ยมเขาเป็นเงาทอด
แสงสาดสอดรอดเมฆมาลูบไล้
ทาบทุ่งทองผ่องเหลืองเรืองวิไล
ความหวังใหม่ฝากพวงกับรวงงาม
รีบร้อยรวงเรียงรายเป็นสายช่อ
งามลออทอประเทืองเรืองอร่าม
ต่างตระเตรียมศาลาและอาราม
ทุกผู้นามรื่นรมย์ระดมบุญ
ก่อนวันเพ็ญสิบสองฉลองกฐิน
ทั่วทุกถิ่นลูกหลานกลับบ้านหนุน
อานิสงส์ก่อเกื้อเนื้อนาบุญ
กลิ่นอบอุ่นกรุ่นอวลล้วนเบิกบาน
เหนือท้องน่านสายธารอันศักดิ์สิทธิ์
เทพเนรมิตชื่นสุขสนุกสนาน
แข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน
งามตระการสืบสานประเพณี
ออกพรรษาหน้าหนาวส่งข่าวผ่าน
รีบกลับบ้านเถิดหนามารศรี
มาทำบุญเป็นทุนบารมี
สืบชีวีล้านนาสถาพร
4 ตุลาคม 2552 06:38 น.
อินสวน
พระอภัยมณีศรีชายชาญ
ดนตรีกาลวิเศษพระเชษฐา
ใช้ป้องกันอันตรายนัครา
เป็นหน่อเนื้อขัติยาเลอเลิศองค์
หรือพะนอพระลอราชเลอลักษณ์
ผู้ผ่องพักตร์พริ้มพรายซ่อนประสงค์
ร่างกลมกล้องแกล้งจำแลงลง
พระผู้ทรงเอวอ่อนอรอรร
อีกพระรามนารายณ์อวตาร
หล่อสะท้านเป็นเอกดังเสกสรร
ทั้งนวลนิลอินทรีย์ที่ผิวพรรณ
จากสวรรค์ปลายฟ้าน่าเคียงควง
ชอบมาดเข้มคมคายสไตล์อิเหนา
ผู้หล่อเหลาเรื่องรบไม่ต้องห่วง
กริชเทวาอาวุธระเด่นดวง
ชายทั้งปวงอย่าหมายเทียบได้เลย
คนสุดท้ายหล่อตี๋เกาหลีนิดนิด
หล่อรวมมิตรหล่อเริดอย่างเปิดเผย
ชื่ออินสวนใครสนคนคุ้นเคย
เออ..เอ้อ..เอิง..เอย รีบจับจอง
3 ตุลาคม 2552 04:20 น.
อินสวน
ใครเคยไหมไปเที่ยวแดนนรก
ใช่โกหกผมไปมาหลายหน
อนาถจิตชีวิตที่ทุกข์ทน
แต่ละคนหมองหม่นกังวลใจ
บ้างกรีดร้องโหยหวนชวนสยอง
น้ำตานองคร่ำครวญชวนสงสัย
ล้วนผ่ายผอมซูบซมจมโรคภัย
หมดอาลัยไร้หวังซังกะตาย
เป็นภาวะทุพโภชนา
ต่างบอกว่าไส้กิ่วหิวกระหาย
แม้ข้าวปลาอาหารมีมากมาย
วางเรียงรายในรั้วล้อมแข็งแรง
เขาแจกช้อนงอนยาวเท่าสิบวา
ถึงเวลาต่างพากันแก่งแย่ง
รุมจ้วงตักควักไขว้หงายตะแคง
ช้อนกวัดแกว่งกรอกปากแสนยากเย็น
ทั้งข้าวปลาสกปรกตกเลอะเทอะ
แม้มีเยอะช้อนยาวจึงร้าวเข็น
จึงผอมแห้งหมดหวังดังที่เป็น
ทุกข์ลำเค็ญที่เห็นจำติดตา
วันเดียวกันบนสวรรค์นั้นแตกต่าง
มีแต่คนรูปร่างงามสง่า
บ้างเต้นรำร้องเพลงตะเลงลีลา
ด้วยทีท่าเป็นมิตรน่าชิดชม
ถึงเวลาอาหารสำราญยิ่ง
ทั้งชายหญิงสดชื่นไม่ขื่นขม
เดินเป็นแถวรอบแนวรั้ววงกลม
ไม่ระทมช้อนยาวยิ่งยินดี
ต่างตักแบ่งทแยงยื่นส่งป้อน
ไม่เร่งร้อนบนสวรรค์นั้นสุขศรี
เอื้ออาทรรวยรื่นชื่นชีวี
เพราะต่างมีน้ำใจให้แก่กัน.....
30 กันยายน 2552 07:46 น.
อินสวน
เมื่อลมหนาวล่องมาจากป่าเหนือ
แปลกใจเหลือทุกเมื่อไยสับสน
ลมหนาวหอบเรื่องราวร้าวกมล
หอบหมองหม่นเจ็บจำซ้ำซากจริง
หอบความหลังฝังใจในส่วนลึก
ย้ำรู้สึกโหดร้ายจากฝ่ายหญิง
แว่วคำหวานสะท้านน่าชังชิง
ย้อนเหตุการณ์สลัดทิ้งที่แยบยล
เรื่องงี่เง่างมงายในความหลัง
ประดาประดังพร่างพรมไม่ผ่านพ้น
ให้สะท้านสะทกและวกวน
กับเหตุผลเก่าเก่าเน่าสิ้นดี
ลมหนาวล่องครานี้ปีสุดท้าย
พร้อมเย้ยฟ้าท้าทายไม่หลีกหนี
ไร้สาระเสียเวลามาหลายปี
จะหนาวนี้หนาวไหน.....ไม่สำคัญ