5 กุมภาพันธ์ 2549 13:53 น.
อินทรีน้อย
เหน็บหนาว ณ ราวป่า................หมู่พฤกษาต้องลมไหว
หรีดหริ่งและเรไร......................กล่อมแนวไพรด้วยบทเพลง
จันทร์เจ้าสาดแสงอ่อน...............และโคจรลอยเท้งเต้ง
ขุนเขาเหงาวังเวง........................หรือข้าเองที่เหงาใจ
หวีดหวิวแว่วแว่วเสียง................ศัพท์สำเนียงลมต้องไม้
คลับคล้ายเสียงหนึ่งใคร..............มาร่ำไห้และครางครวญ
ลองลองตั้งใจฟัง.........................เสียงกลับดังคล้ายเสียงสรวล
เริงร่าหัวเราะร่วน........................แล้วก็หวลเป็นโหยหา
ค่ำคืนที่มีดมิด..............................ยิ่งดลจิตให้เหว่ว้า
เรี่ยวแรงก็โรยรา..........................เหน็ดเหนื่อยล้ากับเดินทาง
ดุ่มเดินไปตามฝัน........................ใต้แสงจันทร์จันทร์กระจ่าง
เหน็บหนาวหนาวน้ำค้าง..............ท่ามเส้นทางที่ทอดยาว
ทดท้อในบ้างครั้ง..........................แต่ไม่ยั้งไม่หยุดก้าว
ปลุกปลอบใจทุกคราว...................แม้ปวดร้าวจะก้าวไป
เพียงเพื่อพิสูจน์ค่า..........................แห่งชีวาแห่งหัวใจ
ก่อเกิดเจริญวัย................................ก่อนสิ้นไร้ไม่เปล่าดาย
เหน็บหนาว ณ ราวป่า.....................แสงจันทรายังเฉิดฉาย
เดินดุ่มไปเดียวดาย..........................มุ่งจุดหมายแม้เลือนลาง
3 กุมภาพันธ์ 2549 11:25 น.
อินทรีน้อย
สุรีย์ยังผ่องแผ้ว แผดแสง
หน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง เจิดจ้า
บ้างหลบหมอกเมฆแฝง หลังม่าน
สูรย์กลับยังแผดกล้า ส่องหล้ามิคลาย
จันทร์ฉายยังแจ่มแจ้ง ตามกาล
บ้างหลบหายไม่นาน เจิดจ้า
แม้เป็นแค่บริวาร แห่งโลก
ยังสาดแสงเด่นฟ้า แต่งแต้มราตรี
คนที่มีทุกข์ท้อ ท่ามทาง
อุปสรรคมากมายขวาง ต่อหน้า
ฝั่งฝันยิ่งเลือนลาง พร่าพร่า
ขอเถิดนะมิตรข้า อย่าได้ท้อเลย