1 พฤษภาคม 2551 10:39 น.
อิงภู
ฟังเสียงไก่ขัน ยามตะวันขึ้นขอบฟ้า
ร่ำร้องสกุณา บินถลาด้วยความหวัง
เวลาทินาคม ยังสุขสมมีพลัง
น้ำค้างยังคงพร่าง วะวับแวมแต้มดอกใบ
จวบจนทินาวสาน
ราตรีกาลช่างหลงใหล
กลิ่นหอมยั่วยวนใจ
เสียงเพรียกไพรแห่งพงพฤกษ์
บัดนี้วิปโยค ภาวะโลก-ร้อนบ่อนทำลาย
ไก่ขันตะวันสาย แดดเหลืองลายให้ลุ่มลึก
สายวสันต์อันชุ่มฉ่ำ กลับกระหน่ำโปรยแผ่นผลึก
ส่งเสียงสะอื้นสะอึก ในยามดึกกลับวังเวง
มนุษย์ทำลายโลก จึงต้องโศกทุรวรรณ
ทมิฬในถิ่นชั้น โลกจำนรรจ์โดนข่มเหง
ความโลภละโมบนำ ธรรมชาติโดนละเลง
หยุดเถิดจงกริ่งเกรง เพื่อบทเพลงบทต่อไป.
30 เมษายน 2551 10:46 น.
อิงภู
ล.ลิงโดนหลอกเลยลังเล
ทำหน้าเหยเกมือหายไปไหน
มืออยู่ในมะพร้าวเอาออกไม่ได้
มือกำถั่วไว้อยากได้ไปกิน
ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก
จนมือถลอกก็ยังถวิล
เพียงแค่ปล่อยวางทางเลือกหลั่งริน
จะเด็ดไม้กินพืชผลนานา
เฉกเช่นคนเราเอาใจจดจำ
ความทุกข์หมองคล้ำกักเก็บปัญหา
ไม่ยอมปล่อยวางใช้สติปัญญา
อย่าแบกเอามาทุกข์เข็ญเป็นใจ
โอ้เจ้าลิงน้อยไม่เคยฝึกจิต
มือมันเลยติดหมดทางแก้ไข
แต่คนพวกเรารู้เท่าทันใจ
ฝึกจิตดูไซร์ใช้ได้ทุกทาง.
20 เมษายน 2551 19:58 น.
อิงภู
จันทร์กระจ่างกลางเวิ้งฟ้าเวหาหาว
วะวิบวาวเวิ้งสมุทรไกลสุดแสน
อยู่ใต้หล้าสองฝากฝั่งดั่งสองแดน
แต่หากแหงนมองกันก็จันทร์เดียว
อยู่ตรงนี้กลางสายลมห่มดารา
สุดเหว่หว้าท่ามทะเลมิแลเหลียว
ฟังสะอื้นคลื่นทะเลม้วนเห่เกลียว
ระบัดเรียวระบายฟ้ามานั่งลอย
นั่งจิบชาชมจันทร์แล้วฟังแจ๊ส
อารมณ์แซดซึมเศร้าและเหงาหงอย
เสียงดนตรีเคียงข้างคนนั่งคอย
ใจดวงน้อยสุดคำนึงคิดถึงเธอ
ยามสายลมห่มฟ้าดาราพราว
ฉันปวดร้าวปล่อยเธอไปเพราะไผลเผลอ
จึงอยากย้อนในวานวันจันทร์ละเมอ
ได้แต่เพ้อในเพลงแจ๊สแผดผ่านลม.
(จะมีไหมใครใครชอบฟังแจ๊ส)
(ฟังเสียงแปร็ดจากทองเหลืองเฟื่องสุขสม)
(ยิ่งจิบชามาคลอเคล้าแสงจันทร์ชม)
(เอมอารมณ์ห่มใจให้ละลาย).
19 เมษายน 2551 15:09 น.
อิงภู
ตะไคร่เขียวครึ้มเข้มเต็มแผ่นหิน
ราววิจิตรบรรจงจินต์ถิ่นสวรรค์
เป็นผืนแผ่นแท่นทัดอัฒจันทร์
เขียวลาวัณย์มรกตสดพิไล
น้ำจากเขาไหลคดและลดหลั่น
ตกเป็นชั้นแตกละอองฟองไสว
สะท้อนแดดแผดริ้วรุ้งอำไพ
กระเซ็นซ่าในผืนไพรชอุ่มงาม
จักจั่นกรีดร้องก้องพงพฤกษ์
จากวิหารหาวลึกในเขตขาม
ในถิ่นนี้ถิ่นที่นิรนาม
ถึงกี่โมงกี่ยามแต่ตามกัลป์
นี่คือโลกที่คลายร้อนซ่อนในหนึ่ง
ทุกข์เทวษจะมาถึงก็ผ่อนผัน
ขอคงอยู่คู่ป่าในนานวัน
จะเสพสันต์วิลาวัณย์ตามธรรมทาง.
14 เมษายน 2551 08:51 น.
อิงภู
พริ้งเพราเจ้าพุ่มพวง
เป็นดั่งรวงระย้าย้อย
กลีบเหลืองระเห็จห้อย
ร่วมร้อยโรยโปรยประชัน
ดอกงามตามลมแล้ง
ลมร้อนแปลงออกสีสัน
เหลืองคูณพูนเพิ่มพลัน
สงบงันเสงี่ยมงาม
สายลมขับพยับโพยม
ลมร้อนโลมแดดเหลืองหลาม
อ้าวอบตลบตาม
ทุกเขตคามตามสุรีย์
สุริเยศในเขตฟ้า
คงศักดิ์ดาตามศักดิ์ศรี
แผดร้อนมิผ่อนพลี
เบื้องล่างนี้จะมลาย
เหลืองคูณที่หลงคอย
วันเคลื่อนคล้อยพลอยเหือดหาย
ฤดูฤดีดาย
เพียงเม็ดทรายที่พัดปลิว
ดอกคูณคงเดินเคียง
ฟังสำเนียงเสียงลมหวิว
ดอกเหลืองเมลืองริ้ว
เป็นดั่งทิวดั่งทองทา
เม็ดทรายที่จากบ้าน
ยามถึงกาลก็โหยหา
ตรากงานที่ทำมา
ไร้เวลาที่เดินทาง
สงกรานต์คู่ดอกคูณ
ใจอาดูรหม่นหมองหมาง
เพียงเสี้ยวเวลาบาง
คิดถึงบ้างคนจากมา.