27 มิถุนายน 2546 23:32 น.
อาร์ม ภูบดินทร์
ตอนที่ 4 เหนือคำรัก
ประโยคที่ลูกตัดพ้อ มันทำให้แม่กำลังรู้สึก
รู้สึกได้คิด คิดว่าทำอะไรลงไป
คีรินยืนนิ่ง หล่อนกำลังสับสนถึงการกระทำเมื่อครู่ หล่อนผิดหรือที่ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ลมที่จะก่อตัวเป็นพายุร้ายทำลายชีวิต
ชีวิตของเรา แต่ถูกต้องแล้วฤาที่ต้องทำร้ายจิตใจของลูกถึงเพียงนี้ คีรินมองไป
ยังแม่ของหล่อนด้วยสายตาวิงวอน เมื่อเห็นอากัปกิริยาของผู้เป็นแม่เริ่มไม่เห็นด้วยกับการกระทำอย่างนั้นเช่นกัน
แม่ไม่คิด รินจะเห็นแก่ตัวเองถึงขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ภาพที่รินบรรจงวาดลงกับมือมานานเกือบยี่สิบปี จะถูกลบด้วยอารมณ์
เพียงชั่ววูบ แม่ก็เสียใจ .. เสียใจไม่แพ้อาร์มเหมือนกัน
มันเป็นใบเบิกทางที่แสนอดสูใจยิ่ง ..
บัตรประจำตัวสอบที่ถูกแยกชิ้นด้วยมือของแม่ ด้วยเหตุผลที่อามรินทร์ไม่รู้สาเหตุ
กำลังปะติดให้สมบูรณ์อีกครั้ง อาร์มพยายามใช้เวลาเพียงครู่นั้น ทำให้ความหวังกลับขึ้นมาอีกครั้ง แม้มันจะเป็นบัตรประจำตัวสอบที่ชำรุด น่าเวทนายิ่งนัก
แต่ยังดีที่มันยังเหลือความหวังให้ฝันต่อ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกันกับที่อาร์มกำลังจะเปิดประตูออกไป
แม่ อาร์มอุทานเบา ๆ ก่อนพยายามจะเลี่ยงผู้เป็นแม่ที่ยืนหน้าประตูห้อง รีบวิ่งลงบันไดออกจากบ้าน แต่มิวายที่คีริน
จะคว้าตัวไว้ได้
ทำไมอาร์มต้องทำกับแม่อย่างนี้ล่ะลูก อาร์มไม่เข้า
ใจความรู้สึกของแม่เหรอ แม่ไม่อยากให้อาร์มต้องลำบาก อาร์มไม่รู้หรอกว่าสังคมภายนอกมันเป็นยังไง อาร์มไม่เคยเจอนะลูก แม่ห้ามเพราะแม่รักอาร์ม แม่คงทนไม่ได้หรอกนะที่จะเห็นอาร์มอยู่ในสภาพเหล่านั้น
คีรินเอ่ยกับอาร์มเพื่อให้อาร์มเปลี่ยนใจ
อามรินทร์ยืนนิ่ง ไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น
คีรินแข็งใจต่อพฤติกรรมที่ลูกแสดงต่อหล่อน ถึงแม้มันจะขัดต่อความรู้สึกของหล่อนที่อยากจะบังคับให้อาร์มเป็นอย่างที่เคยทำมา
แต่ครั้งนี้ หล่อนจำต้องอ่อนข้อลงให้มากที่สุด
หน้าใสยังเรียบตึง นิ่ง และเงียบงัน
เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรแทบทั้งนั้น
ประติมากรรมที่หล่อนสร้างกับมือ
ทำไม จึงผิดแบบผิดโครงสร้างอย่างนั้น
หล่อนไม่เข้าใจ
อาร์ม พูดอะไรบ้างสิลูก คีรินถอนใจเพื่อคลายความอึดอัด ก่อนจะโอบกอดลูกชายเบา ๆ หากแต่อาร์มพยายามเดินหนีจากหล่อนอยู่ทุกที
ถึงอาร์มพูด แม่คงไม่เข้าใจอาร์มอยู่ดี อาร์มไม่พูดดีกว่า
อามรินทร์รู้ดี ถึงแม้เขาจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ
ให้แม่ฟัง .. แม่คงไม่เข้าใจ สู้ทำเฉยและทำตามใจอย่างนี้คงดีกว่า
ทำไมแม่จะไม่เข้าใจ อาร์มเป็นลูกของแม่
แม่เข้าใจทุกอย่าง ขอเพียง ขอเพียงอาร์มบอกกับแม่
แม่ฮะ ไม่มีใครที่จะเข้าใจเรื่องของอาร์มหรอกฮะ แม้แต่อาร์มเอง .. ยังไม่เข้าใจ
อามรินทร์บอกได้เพียงแค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ
น้ำที่ไหลเชี่ยวปานนี้
แม้ซุงใหญ่ปานไหนคงทัดทานไว้มิได้
คีรินใกล้จะสิ้นความอดทนต่อพฤติกรรม
เบื้องหน้าแล้ว
หล่อนถอนหายใจยาว ก่อนที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่เคยทำมาตลอด
แม่ขอใช้สิทธิ์ความเป็นแม่ อาร์มต้องทำตามที่แม่สั่งทุกอย่าง
อามรินทร์หันมาหาแม่ช้า ๆ หน้าใสยังไม่เปลี่ยน หากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน จะแสดงให้คีรินรู้ว่า เขาไม่ต้องการ
ไม่ฮะแม่ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจอาร์มได้ อาร์มตัดสินใจแล้ว อาร์มจะไปสอบ
เสียงที่ดังขึ้น หน้าใสเริ่มเปลี่ยน ตาสวยคู่นั้นที่จ้องมองหล่อนอย่างขัดตา เป็นภาพที่คีรินไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ยิ่งกับลูกชาย
ที่สุดรัก เป็นไปไม่ได้ แต่นี่
ใบหน้าเขม็งกร้าวของหล่อนบ่งบอกให้รู้ว่าหล่อน
ก็ไม่พอใจเหมือนกัน
อามรินทร์เองก็เข้าใจดีถึงความรู้สึกนั้น หากแต่เขาต้องทำเช่นนั้นมิใช่หรือ
อวดดี
เสียงที่ดังขึ้นกว่า พร้อมกับมือที่ฟาดลงบนใบหน้าของลูกชายจนสะบัด ริ้วแดงจากรอยนิ้วมือปรากฏบนผืนหน้าดวงน้อยของ
เด็กหนุ่ม น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มเป็นทางโดยทันใด หากดูเหมือน
ไม่สะทกสะท้านกับกิริยาของผู้กระทำแม้สักน้อย
ยัยริน เสียงของยายร้องเสียงหลง
ก่อนถลามาหาหลานชายทันที คีรินจ้องมองภาพข้างหน้าด้วยความสับสนระคน
กับการเข้าข้างตัวเอง หล่อนทำไปได้อย่างไร ลูกที่หล่อนสร้างกับมือ ประติมากรรมที่หล่อนสร้างด้วยหัวใจ ทำไมถึงได้แปรเปลี่ยนเช่นนี้
หล่อนทำถูกแล้วใช่มั๊ย!
ไม่เป็นไรหรอกฮะยาย แม่เค้าไม่รักอาร์มแล้ว แม่ไม่เคยทำอย่างนี้กับอาร์ม เพราะอาร์มเป็นลูกที่ไม่รักดีของแม่
ไม่เชื่อฟังแม่ .. แต่แม่ฮะ
อามรินทร์ทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะคลานไปกราบเท้าของผู้เป็นแม่อย่างช้า ๆ
การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นความหวังของอาร์ม อาร์มอยากสร้างฝันของอาร์มบ้าง แม่เคยสอนให้อาร์มรู้จักคำว่าอดทนและต่อสู้
กับทุกอย่าง แม่เคยสอนให้อาร์มได้รู้จักโลกของภายนอกที่วันหนึ่งอาร์มก็ไม่รู้ว่า จะมีโอกาสสักครั้งไหมที่จะเจอกับมัน วันนี้ .. เป็นวันหนึ่งที่อาร์มจะมีโอกาส
ค้นหาฝัน ฝันซึ่งวันนั้นอาร์มจะประสบความสำเร็จและนำความสุขกลับมา
ให้กับแม่และยาย ก็เรามีกันอยู่เพียงเท่านี้ไม่ใช่หรือฮะแม่ อาร์มขอนะ
คีรินก้มมองลูกชายของหล่อนอย่างนิ่งเงียบ
แม่ของหล่อนยืนนิ่งน้ำตาอาบแก้ม ก่อนที่จะเดินเข้ามาสวมกอดอาร์ม .
ก็เรามีกันอยู่เพียงเท่านี้ไม่ใช่หรือ ?
เจ็บมั๊ยลูก .. แม่ยอมแพ้อาร์มแล้วล่ะ
**********************************************
นับจากวันนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครเอ่ยปากพูดถึงเรื่องเหล่านี้อีก ตรงกันข้ามความอบอุ่นและความเข้าใจเริ่มมีบทบาทอย่างเข้มข้น และแล้ววันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของอาร์มก็มาถึง .
ผู้ผ่านการคัดเลือกนักเรียนโควต้าเข้ามหาวิทยาลัย หมายเลข 3853181169 นายอามรินทร์ กสินันท์
รอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนดวงหน้าของเด็กหนุ่มนั้น
มันแสดงให้เห็นถึงความดีใจเป็นที่สุด การเริ่มต้นในสิ่งที่ได้เลือก สิ่งที่จะค้นหา และกลับกัน สิ่งที่เป็นความขัดแย้งกำลังดำเนินขึ้นแล้ว
****************************************************
(โปรดติดตามตอนที่ 5 ต่อไปครับ)
24 มิถุนายน 2546 22:15 น.
อาร์ม ภูบดินทร์
ตอนที่ 3 ดอกหญ้ากับพายุ
แม้เหตุการณ์มันผ่านไปนานเกือบยี่สิบปีแล้ว เมื่อเทียบกับอายุของลูกชายฝาแฝดของคีรินและภูชิชย์ แต่เชื่อว่าทุกอย่างอยู่ในความทรงจำและความนึกคิดของทั้งสองอยู่ตลอดเวลา ทุกอณูแห่งความรู้สึกยังคงซ่านซึมด้วยอดีตที่ขมขื่น
อาร์ทจะรู้ไม่ได้ว่าเขามีแม่ และอาร์มก็จะไม่รู้ว่าเขามีพ่อ
คำสัญญาที่ให้ไว้ต่อกันก่อนจะจาก .. เมื่อครั้งรับรู้ต่อพันธะที่ต้องโบกมือลา ยังคงดังก้องในโสตประสาทของคู่ คีรินอุ้มลูกชายฝาแฝดคนโต
อทิตาทร กสินันท์ เอาไว้แนบอก เมื่อหล่อนรู้ว่าจะได้กอดลูกคนนี้
เป็นครั้งสุดท้าย
อาร์ท เป็นเด็กดีนะลูก แม่ทำหน้าที่ของแม่ได้เพียงเท่านี้
แม่รักลูกนะอาร์ท
หล่อนก้มจูบหน้าผากของลูกน้อยด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม ความเจ็บปวดใดใดในโลกที่เคยได้รับ มันไม่โหดร้ายเท่ากับครั้งนี้ ความผูกพันของความเป็นแม่ลูกที่เกี่ยวแน่นต้องพลัดพรากจากกันไปตลอดชีวิตที่ยังมีลมหายใจ
เช่นกัน ภูชิชย์มองดูดวงหน้าน้อย ๆ ของลูกชายฝาแฝดคนเล็ก อามรินทร์ กสินันท์ ด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไม่แพ้กัน
เราพบกันครึ่งทางนะ อาร์ทอยู่กับผม อาร์มอยู่กับคุณ ผมฝาก
ลูกด้วย คุณจะโกหกลูกยังไงก็ได้ แต่อย่าลืมบอกเขาด้วย ว่าพ่อคนนี้ยังรักเขา
อยู่ทุกลมหายใจ
เราคิดถูกแล้ว เราคงมีความสุขมากขึ้น จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว
ให้ทุกอย่างมันอวสานไปกับเวลา
คีรินเอื้อมมือไปแตะมือภูชิชย์เบา ๆ เขาก้มมองถึงสัมผัสนั้นด้วยความห่วงหายิ่ง รอยยิ้มบนดวงหน้าของคีรินที่เขาได้เห็นในขณะนี้ คงเหลือเพียงเป็นความทรงจำของเขาแค่ฝ่ายเดียว ฝ่ายเดียวเท่านั้น
คุณคงดูแลเขาให้เป็นคนดีได้ โชคดี
คำร่ำลาของคีรินประโยคนั้น มันคือการกล่าวลาครั้งสุดท้ายแล้ว
ภูชิชย์ยังคงนิ่งเงียบและพยักหน้าแสดงการรับรู้ เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไร
ในเมื่อทุกอย่างมันจบแล้ว อวสานไปกับเวลาแล้ว
ประสบการณ์ที่สั่งสมในชีวิตที่ไม่สมหวัง สอนให้คีรินประคับ
ประคองชีวิตอีกชีวิตด้วยความระวังยิ่งก้าวที่พลาดและพลั้งไปเหมือนสัญญาณเตือน เตือนมิให้กลับหลัง ทุกอย่างจะเป็นไปไม่เหมือนก่อน
ฉันจะดับอดีต อดีตที่โชกโชนด้วยสมรภูมิแห่งความรักและ
ความหวัง
หวังไว้สุดปลายฟ้า สุดปลายฝัน
ณ เบื้องบนแห่งบรรยากาศของกาลเวลา
หากทว่า มันหลุดลอยไปสุดมือคว้า
.. และจากสองสายตาที่แลเห็น
มันคือความหยาบทั้งพฤติกรรมและความนึกคิด
ผู้ชาย เพศแห่งความหยาบ
มุมมองนี้อาจสร้างความอยุติธรรมให้ชายทั้งโลก แต่สำหรับคีริน ทุกอย่างเป็นไปด้วยเหตุผลและประสบการณ์ เพราะไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นหรอกหรือ ทุกวินาทีของวันนี้จึงเป็นไป หล่อนไม่ไว้ใจใครอีกเลยถ้าขึ้นชื่อว่า ผู้ชาย
หล่อนเหมือน พายุร้า ย ที่พร้อมเสมอ ที่จะทำลายมิตรภาพของ
ชายทั้งโลก
หล่อนเกลียด..ผู้ชาย
แต่หล่อนมีลูกชาย
หลายครั้งที่แม่ของคีรินทักท้วงถึงความคิดนี้
ริน แม่ว่าปล่อยให้อาร์มไปสนุกกับเพื่อน ๆ บ้างสิลูก เห็นขลุกอยู่กับบ้านทั้งวัน อาร์มคงเหงา
สนุกกับเพื่อน หมายความว่าไงคะ
อาร์มเป็นเด็กผู้ชาย ออกไปเล่นฟุตบอลหรือออกกำลังกับเพื่อน ๆ บ้างสิลูก แม่เห็นรินให้อาร์มอยู่แต่ในบ้าน มันไม่ใช่วิสัยของเด็กชาย มันจะดีหรือลูก เด็กผู้ชายต้องผาดโผนบ้าง โน่นแน่ะ แม่เห็นพวกเจ้าโอ๊ด เจ้าเอก ลูกยายปิ่นข้างตลาด มันเล่นฟุตบอลที่สนามกันทุกเย็น ดีไหมลูก
ไม่ค่ะ ไม่มีทาง รินจะไม่ยอมให้ลูกของรินไปเต้นแร้งเต้นกา
กรำแดดกรำฝน แบบนั้นแน่ สกปรกปานนี้ เกเรออกปานนั้น ขืนให้เจ้าอาร์ม
ไปสุงสิงด้วย ไม่ช้าคงเสียคน ไม่มีวัน
มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกลูก เด็กชายมันไม่เหมือนกับเด็กหญิง หากมันจะผาดโผนโจนทะยานยังไงมันก็เป็นวิสัยธรรมดาของเด็กชาย จะให้มันเรียบร้อยเหมือนผ้าที่พับไว้น่ะ มันคงไม่ได้ แม่เห็นใจและเข้าใจว่ารินเป็นห่วงลูก แต่ถ้ารินจะให้ทุกอย่างเป็นเหมือนที่รินคิดทุกอย่างมันคงไม่ได้ อาร์มน่ะ
มันเหมือนดอกหญ้าในป่าใหญ่ อันตรายร้ายแรงรอบตัว ให้มันรู้จักบ้าง เรียนรู้ชีวิตบ้าง ดอกหญ้าดอกนี้ก็คงแข็งแกร่ง ที่การเรียนรู้นั้นเสมือนเกราะป้องกัน
ตัวเองได้ แม่อยากให้รินเข้าใจความรู้สึกลูกบ้าง
คีรินนิ่งไปครู่หนึ่ง.
แต่แม่คะ ในเมื่อทุกอย่างที่รินสอน รินให้อาร์ม คือสิ่งที่วิเศษสุด แล้วเราจะกลัวอะไรอีกล่ะคะ
แม่กลัว ว่ามันจะดีเกินไป เกินกว่า และไม่ถูกต้องนักกับเด็กผู้ชายอย่างอาร์ม
*********************************************************
กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งยามเช้าโชยขึ้นไปยังห้องนอนของ
อามรินทร์ หนุ่มน้อยหน้าตาสดใสน่ารัก มีเสน่ห์ ผิวพรรณดูสะอาดสะอ้าน
รูปร่างสูงโปร่งหากบางไปสักนิด อาร์มรีบเดินลงมายังโต๊ะอาหารข้างล่าง
อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่วายที่จะสำรวจความเรียบร้อยของห้องนอนและตัวเอง
จนมั่นใจก่อน
คีรินเงยหน้ามองอาร์มเพื่อสำรวจความเรียบร้อยในการแต่งตัว
ครู่หนึ่ง ก่อนให้อาร์มนั่งลง หล่อนทำแบบนี้แทบทุกครั้ง ทุกเช้าที่ไปและทุกเย็น
ที่กลับถึงบ้าน ทุกอย่างต้องอยู่ในสายตาและกฎเกณฑ์ที่หล่อนกำหนดวางเป็นกิจวัตร เพื่อความสบายใจของหล่อนเอง
นอนดึกหรือลูก หล่อนเอ่ยถามอาร์มเบา ๆ เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างของลูก
มีอะไรเหรอฮะ อาร์มรีบสำรวจการแต่งตัวของเขาทันที
คีรินมองไปยังนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ตรงฝาผนังบ้าน อาร์มจึงเข้าใจและรับรู้ถึงเหตุผลจากคำถามของแม่ในเช้านี้ เขาลงมาทานข้าวช้ากว่าเวลาที่แม่กำหนดไว้ในแต่ละวัน
ไม่มีคำตอบจากคำถาม หากกิริยาที่แม่แสดงออกมันบ่งบอกว่าใช่
อาร์มขอโทษฮะแม่
อามรินทร์ นั่งนิ่งไม่มีคำอธิบายใดใดออกจากปากแม้สักนิด บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในเช้านี้ ทำไมถึงได้เนิ่นนานนัก วินาทีของเวลา
เชื่องช้าเหมือนการลงโทษ อาร์มไม่กล้าสบสายตาของแม่
การตรงต่อเวลาเป็นสมบัติของผู้ดี อาร์มควรฝึกเอาไว้ จะมัวให้ใครมารอแล้วรอเล่า มันน่าเกลียด จำเอาไว้
อาร์มได้แต่พยักหน้ารับคำเหมือนทุกครั้ง ยายบอกให้รีบทานข้าว จะได้ไปเรียน
อาร์มยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร
เดี๋ยวอาร์ม วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือ แม่ได้ยินอาจารย์
ธัญญาบอกว่า วันนี้มีแค่สอบนักเรียนโควต้าของที่อื่น แล้ววันนี้อาร์มไปทำไม
อาร์ม
อาร์มไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างที่แม่พูดคือ
ความจริงทั้งหมด ถูกแล้วที่แม่พูด วันนี้ที่โรงเรียนมีการสอบนักเรียนโควต้า
ของที่อื่นเพียงเท่านั้น
แล้วอาร์ม อาร์มไปทำไม
ในเมื่อแม่รู้ อาร์มได้โควต้าเรียนของสถาบันภายในจังหวัดแล้ว
อาร์ม อาร์ม นัดแก้ไขรายงานกับเพื่อนฮะ
อาร์มแสร้งทำเป็นปกติ แต่ไม่วายที่คีรินจะสังเกตเห็น อะไรบางอย่างผุดในความนึกคิดของหล่อน หล่อนลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินมาหาลูกชาย ก่อนจะเอื้อมไปดึงกระเป๋านักเรียนจากมืออาร์ม
หล่อนเปิดกระเป๋าและค้นทุกอย่างในกระเป๋าใบนั้น บัตรสีเหลี่ยมเล็กสีฟ้าติดรูปอาร์มไว้บนมุมขวาแสดงให้รู้ว่า นายอามรินทร์ กสินันท์ จะเข้ารับการทดสอบนักเรียนโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ วันนี้ ถูกหยิบขึ้นมาดูอย่างช้า ๆ
หมายความว่ายังไงอาร์ม ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย
คีรินโกรธอาร์มนัก ตะคอกใส่อาร์มจนเสียงดัง จนยายต้องเข้ามาปลอบให้เบา ๆ
อาร์ม อาร์มไม่อยากเรียนที่นี่
ทำไมถึงไม่อยากเรียนที่นี่ เหตุผล ไม่รู้หรือไงว่าแม่เสียใจนะที่อาร์มทำแบบนี้ อาร์มก็รู้ว่าแม่ไม่อยากให้อาร์มไปเรียนกรุงเทพฯ ทำไมอาร์ม
ไม่เชื่อแม่ แม่ผิดหวังในตัวของอาร์มเหลือเกิน
อาร์มยังคงนิ่งเงียบ หากสายตาจดจ้องบัตรสีฟ้าในมือของแม่ตลอดเวลา
อาร์มรู้ว่า แม่กำลังคิดอะไรในตอนนี้ ห้วงเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาอาร์มไม่เคยขัดใจแม่สักครั้ง ทุกอย่างยังคงเป็นไปดังที่แม่หวัง หากครั้งนี้ .
ในที่สุด อาร์มก็ไม่มีเหตุผลให้แม่ใช่ไหม
แม่ฮะ อาร์มมีเหตุผลให้แม่เสมอ แต่แม่จะเข้าใจอาร์มหรือเปล่า อาร์ม อาร์มขอบัตรนะแม่
คำร้องขอของอาร์มเหมือนเชื้อไฟชั้นดีที่สุมให้ไฟในใจของคีริน
ลุกโชน
อาร์มไม่เชื่อแม่ ทำไมอาร์มเป็นแบบนี้ อาร์มสอบได้ อาร์มต้องจากแม่ไป อาร์มไม่รักแม่แล้วเหรอ ไม่นะอาร์มต้องไม่ทำอย่างนั้น
ขาดคำพูดของคีริน บัตรสีฟ้าสี่เหลี่ยมเล็กนั้น บัดนี้มันถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ ก่อนหล่นลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
แม่ .. อย่า
อามรินทร์ร้องเสียงหลง เมื่อบัตรประจำตัวสอบของเขาถูกผู้เป็นแม่ฉีกต่อหน้าเป็นชิ้น ๆ ยายรู้สึกตกใจที่คีรินทำแบบนี้เหมือนกัน
ภาพของอาร์มที่ก้มเก็บเศษของบัตรสีฟ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้น มันเหมือนสภาพของคนที่กำลังสูญเสียของรักของหวงไปจากชีวิต สองมือเก็บกระดาษที่คือความหวังของลูก น้ำตาแห่งความเสียใจที่เริ่มไหลริน
มันทำให้ผู้เป็นแม่เริ่มคิดและเริ่มรู้สึก
อาร์มถือเศษกระดาษเหล่านั้นเอาไว้ในสองมือน้อยอย่างระวังที่สุด อาร์มมองไปยังแม่ด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นที่สุด ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน
แม่ทำให้อาร์มไม่มีความหวัง แม่ทำร้ายอาร์ม อาร์มเสียใจ
(โปรดติดตามตอนที่ 4 ต่อไปครับ)
*************************************************************
22 มิถุนายน 2546 16:57 น.
อาร์ม ภูบดินทร์
ตอนที่ 2 แล้ววันหนึ่ง .. ซึ่งเคยรอ
รถยุโรปคันงามสีเงินแล่นเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้านอย่างช้า ๆ
คีรินละความสนใจจากนึกคิด มองร่างที่กำลังก้าวเดินเข้ามาหาหล่อน ทุกอย่าง
ยังคงเป็นเขาคนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ความเรียบง่ายและเงียบงันยังคงแฝงไปด้วยความลึกลับในความคิด ยากจะคาดเดา
เป็นไงบ้าง ภูชิชย์เอ่ยถามคีริน ก่อนทรุดร่างลงบนเก้าอี้อีกตัวตรงข้ามหล่อน
ก็ดี หล่อนตอบคำถามสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ภูชิชย์พยักหน้าแสดงการรับรู้ ก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองดูภรรยาของเขาแปลกไปกว่าทุกครั้ง เพราะทุกครั้งที่เขากลับบ้าน หล่อนจะต้องซักถามถึงเหตุผลที่เขาหายไป แต่วันนี้
รินไม่ถามผมเหรอ ผมหายไปไหนมา
คีรินเจ็บแปลบในหัวใจขึ้นมาทันที เขาจำได้แค่สิ่งที่หล่อนเคยบ่นให้ฟังแค่นั้นนะหรือ ทำไมเขาไม่ถามถึงลูกของหล่อนบ้างเล่า ..
ลูกของหล่อนที่เป็นลูกของเขาด้วย
หล่อนจ้องเขาเขม็ง ก่อนจะยิ้มที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน
สำคัญถึงขนาดที่ฉันจะต้องถามด้วยเหรอ เวลาเกือบเดือนฉันก็
ไม่เคยคิดว่าคุณหายไปไหน เพราะฉันรู้ไงว่าคุณก็อยู่ที่บ้านของเมียน้อยของ
คุณนั่นแหละ
ภูชิชย์เริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวภรรยาของเขา คีรินเปลี่ยนไปทั้งกริยาและการพูดจา หล่อนไม่เคยใช้คำแทนตัวเองว่า ฉันหรือคุณ กับเขา มันทำให้เขารู้สึกห่างเหินอย่างบอกไม่ถูก เขานิ่งไปนานพอสมควร ก่อนลุกขึ้นและจะก้าวเดินจากที่ตรงนั้น
แทงใจดำน่ะสิ คีรินทอดเสียงหนักเพื่อย้ำให้เขาได้รับรู้
ภูชิชย์หยุดเดิน
รินคิดมาก
ฉันไม่ได้คิดมาก แต่ฉันคิดมามากต่างหาก
คีรินเดินไปยังตรงหน้าเขา ความน้อยใจมันประดังเข้ามาเหมือนคลื่นลูกใหญ่กระทบฝั่ง ฝั่งที่บอบบางและอ่อนไหว . มันจะทานแรงกระทบ
ได้ฤา .. ไม่ไหวแล้วนะ น้ำตาของคีรินไหลรินอาบแก้มเป็นทางยาว หล่อน
ไม่สนใจว่าเขาจะมองหล่อนเช่นไร .. แค่ตอนนี้หล่อนอยากให้เขาได้รับรู้ว่า หล่อนเสียใจ
เวลาทำให้คุณเปลี่ยน เปลี่ยนทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวฉัน
หล่อนเอ่ยถึงตัวเองทีไร อดสมเพชในชะตาชีวิตเหลือเกิน ชีวิตที่คือความฝันเพียงช่วงเวลา
ผมไม่เข้าใจ ภูชิชย์ยังเฉยเหมือนเดิม
สายตาของเขาที่มองภรรยาในขณะนี้ อยากให้หล่อนได้รับรู้ว่า
เขาไม่เคยเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เขายังเหมือนเดิม ทุกอย่างก่อนชีวิตแต่งงาน
และหลังแต่งงาน วันนี้ นาทีนี้ เขาก็ยังเป็นเขา แต่หล่อนล่ะ หล่อนเปลี่ยน
ไปมากไม่เหมือนคีรินคนก่อนที่เขาเคยรู้จัก มันเพราะอะไร
ฉันคิดว่าคุณเข้าใจ เรากำลังมีลูกนะ ฉันอยากให้คุณเอาใจใส่ฉันบ้าง วันนี้ฉันเป็นยังไง รู้สึกอะไร ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันคิด
ในส่วนของความน่าจะเป็น .. มันน่าจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ แต่นี่ .. คุณ
ไม่เคยมีเวลาให้ฉันเลย ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาที่คุณจะนำมาตั้งไว้ที่บ้าน จะจับให้นั่งตรงนี้ ยืนตรงนั้น หรือเก็บไว้ในห้องโชว์ แต่นี่ฉันเป็นคนนะ
ผมทำงาน รินก็รู้
ถ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงมันคือชีวิตคุณ คุณก็น่าที่จะเลือกมันมาร่วมทางเดินชีวิตมากกว่าฉัน
แก้วที่ร้าวนับวันจะยิ่งร้าวหนักขึ้นทุกที คงไม่มีวันที่จะประสาน
รอยร้าวนั้นให้เรียบลงรอยดังเก่า คงได้แต่เพียงคอยว่าวันหนึ่งวันใด มันจะ
แตกสลายลงเท่านั้น .
คีรินก็เช่นกัน หล่อนรู้ว่าชีวิตคู่ของหล่อนกำลังปริร้าวเหมือนแก้วบางใส รอวันเวลาที่รอยร้าวนั้นจะแตกสลายลง มันจะไม่ใช่แตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่มันจะแตกละเอียด ไม่เหลือร่องรอยของความรู้สึกใดใดให้จำจดในความ
ทรงจำอีกเลย วันเวลาที่รอคอยนั้น จะอีกนานเท่าไหร่ แล้วหัวใจดวงนี้
จะทนได้ฤา .
จากฝันเบื้องฟ้า
ทอดสู่สายธาราลงเบื้องต่ำ
เมฆขาวปุยนุ่นน่าสัมผัสในสายตาของเด็กสาว
แท้จริงคือความว่างเปล่าที่น่ากลัวนัก รสสัมผัสได้แค่การมองเห็น
ไร้ความรู้สึกที่ซึมซับ อบอุ่น ดังเคยฝัน
ความกดดันในความคิดแทบทุกอย่างกำลังกลั่นแกล้งหล่อนอย่างไร้ความปราณีม่มีอะไรที่ดีกว่านี้อีกแล้วใช่มั้ย
สายเลือกที่ฟูมฟักทนุถนอมดังแก้วเจียรไนอันหวงแหน กำลังจะออกมารับรู้ชะตาชีวิตจากผู้สร้างให้เขาเกิด มันคงจะเลวร้ายสำหรับเขา .. แต่หากจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อวัฎจักรแห่งโลกและชีวิตต้องดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ที่ต้องเป็น แม้ว่าหล่อนอยากให้ทุกอย่างหยุดลงตรงนี้ จบลงเดี๋ยวนี้ บัดนี้ ก็ตามที
ไม่นานแล้วสินะ
พยานแห่งรักจะลืมตามองโลก
โลกที่จะไม่มีพ่อ
คีรินพยายามลืมเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา เพื่อคลายความเครียดที่สะสม ถ้าขืนหล่อนต้องเครียดหนักไปกว่านี้ หล่อนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก ลูกที่คือความหวัง ความตั้งใจและความรักของหล่อนคนเดียว
ร่างอุ้ยอ้ายเดินลงจากรถแท๊กซี่บริเวณประตูหน้าบ้านด้วยความระมัดระวัง คีรินเพิ่งกลับจากทำบุญที่วัดโดยมีสาวใช้เดินประคองอย่างช้า ๆ
คีรินแปลกใจนักเมื่อเห็นรถยุโรปของภูชิชย์จอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน
เขากลับมาทำไมเช้านี้ น่าสงสัย
ม่านสีครีมที่หน้าต่างห้องนอนถูกเปิดออกเล็กน้อย แสดงว่าเขานอนอยู่ในห้องอย่างนั้นหรือ เขาไม่สบายหรืออย่างไร แม้คีรินจะมีอคติกับเขา แต่ภายใต้นั้นยังมีเยื่อใยอยู่บาง ๆ คีรินบอกให้สาวใช้นำข้าวของไปเก็บใน
ห้องครัวและเตรียมกาแฟขึ้นไปให้ภูชิชย์
เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า หล่อนคิดอยู่ในใจ ภูชิชย์ไม่เคยกลับบ้านในตอนเช้าอย่างนี้ แล้วทำไมวันนี้
คีรินก้าวเดินขึ้นไปยังห้องนอนของหล่อนอย่างช้า ๆ หล่อนหยุด
ที่หน้าห้องก่อนตัดสินใจเคาะประตูเพื่อมารยาท
มารยาทของภรรยาที่แสนดีที่มีต่อสามีสุดที่รัก
พลันสายตาหยุดชะงักที่ขอบประตูซึ่งแง้มอยู่
เขาไม่ได้ล๊อคประตู
หล่อนค่อย ๆ ผลักประตูเบา ๆ ก่อนเยื้องกายเข้าไปในห้องนั้น
ห้องที่เคยเป็นของหล่อนและเขาในวันแต่งงาน
แต่นานมาแล้ว เหมือนกาลครั้งหนึ่ง
เตียงนอนขนาดใหญ่ตรงหน้าคลุมไว้ด้วยผ้าแพรสีเงินนุ่มอ่อน ปักฉลุด้วยลูกไม้จากช่างฝีมือที่เลือกสรร ความนุ่มนวลเมื่อได้สัมผัสชวนหลับไหล
ได้นานเท่านาน .. หล่อนรู้
ก็หล่อนเคยได้รับรู้ถึงรสสัมผัสนั้นด้วยความอบอุ่นมาแล้วนี่
หากจะมีสองมือของเขามาตะกรองกอดด้วยรักอีกสักนิด ..
เช่นวันวาน โลกทั้งโลก .. มันก็คือฝันอันสวยงามยามนิทรา ดีดีนี่เอง
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจที่ร้าวเจ็บของคีริน เมื่อสองสายตามองไปยังเบื้องหน้า ภาพของภูชิชย์นอนกอดหญิงสาวคนหนึ่งบนเตียงนั้น เตียงของหล่อนและเขาเท่านั้นมิใช่หรือ หญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่ใน
อ้อมกอดของภูชิชย์ ดูเธอช่างมีความสุขเหลือเกิน คงเหมือนอยู่ในความฝันอย่างที่หล่อนเคยได้รู้สึกมาก่อน แต่ครั้งนี้ เธอคงไม่รู้หรอกว่าความสุขที่เธอรู้สึก
ขณะนี้ มันกำลังประหารความรู้สึกทุกอย่างของหล่อน อย่างไร้ความปราณี
หล่อนผู้เป็นเมียของเขา
ร่างที่ตะลึงงันไปชั่วขณะกำลังจะทรุดลงตรงหน้าประตูนั้น คีรินหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมบทสรุปที่แน่ชัด ภูชิชย์หมดสิ้นรักให้หล่อน
แน่แล้ว .. หากเป็นเมื่อก่อนหล่อนคงกรีดร้องและทวงสิทธิ์ความเป็นเมียของเขา แต่ขณะนี้ เดี๋ยวนี้
ไม่ ไม่ ฉันต้องไม่เสียใจ หล่อนบอกกับตัวเองอย่างนั้น
เรี่ยวแรงที่มีอยู่มันไม่มีเหลือพอที่จะพยุงร่างนั้นแล้ว คีรินเบือนหน้าจากภาพเบื้องหน้า หล่อนหลับตาและควบคุมสติ อารมณ์ ที่กำลังปรวนแปรอย่างหนัก อารมณ์สองอารมณ์กำลังปะทะกันอย่างรุนแรง
ฉันจะไม่เสียใจ ฉันจะไม่เสียใจ
คิดอย่างนั้นแล้วไย .. ทำไมหัวใจมันหวิวหวิว
แต่เขาเป็นสามีของฉันนะ ฉันเป็นเมียเขา ลืมไปแล้วหรือคีริน ฉันเป็นเมียเขา
เมีย เมียที่เขาไม่รัก
คีรินลืมตาขึ้นอย่างยากเย็นเพื่อสู้กับความจริง ณ เบื้องหน้า หล่อนสะกัดกั้นอารมณ์สองอารมณ์นั้นอย่างหนักหน่วง ท่วงทีเมินเฉยต่อภาพที่เห็นเหมือนหล่อนมิได้รู้สึกอะไร หากความจริงที่ได้รับ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วย
ผลสรุปของตัวมันเอง
จะเสียใจไปใยเล่า เมื่อเขาไม่รัก
จะโกรธเคืองไปใย เมื่อหัวใจดวงนี้ไม่มีสิทธิ์
สมเพชตัวเองเหลือเกินนะคีริน
หล่อนถอนหายใจยาว คล้ายดังว่าปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่างออกไปจากชีวิต
น่าแปลกนัก ! ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดไหลรินเหมือนแต่ก่อน
(โปรดติดตามตอนที่ 3 ครับ)
**********************************************************************
22 มิถุนายน 2546 15:04 น.
อาร์ม ภูบดินทร์
ตอนที่ 1 วันที่หัวใจ ... กลายเป็นศูนย์
ลานจอดรถหน้าบ้านหลังงามยังคงว่างเปล่า ไร้เจ้าของพื้นที่ที่เคยอาศัยอยู่เป็นประจำ มันไม่ใช่เพียงแค่วันนี้เท่านั้นนะ แต่มันปาเข้าไปเกือบเดือนแล้วที่เหตุการณ์เหล่านั้นเวียนวนเป็นเช่นนี้และก็คงจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป
ใบไม้ที่ปลิดปลิวจากต้นสูงตระหง่านตรงหน้าบ้าน ลอยละล่องลงสู่พื้น
ผิวถนนใบแล้ว ใบเล่า บางใบถึงกาลอันควรเป็นใบแก่ที่ถึงกาลร่วงหล่น
ตามวันเวลา แต่หากบางใบนั้นเป็นใบอ่อนที่เพิ่งผลิใบ กลับร่วงหล่นก่อนกาล
อันควร .. เหมือนชีวิตของผู้คนที่มีเกิด แก่ เจ็บ และตาย คนบางคนใช้ชีวิต
ตามขั้นตอนที่สวรรค์สั่งให้เป็น แต่บางคนโชคร้ายที่ชีวิตพลิกผันไม่เป็นไป
ตามขั้นตอน .. ทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง
สายตาที่จดจ้องของคีรินกำลังเชื่อมโยงถึงความนึกคิดหลาย ๆ อย่างที่
เกิดขึ้นกับตัวของหล่อน ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานอาจกำลังร่วงหล่นและ
ปลิดปลิวจากทางที่ควรจะเป็น เหมือนกับใบไม้ .
ใบไม้ใบอ่อนที่เพิ่งผลิใบและกำลังร่วงหล่นลงบนผืนดิน
ภาพอดีตที่เริ่มต้นเมื่อไม่นานกำลังฉายภาพวันวานที่ชื่นสุข ทุกอย่าง
เริ่มต้นด้วยความรักและความเข้าใจ ชีวิตทั้งชีวิตที่หล่อนถอดวางไว้และมอบให้กับชายคนหนึ่ง คนที่คือความหวังและทุก ๆ อย่างของชีวิต ชีวิตที่มองความรัก
คือ ความสวยงามและเป็นนิรันดร์
รู้จักเขาดีแล้วหรือลูก คำถามนี้คีรินอยากจะกลับไปตอบแม่ของหล่อนอีกสักครั้ง คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบเดิม ด้วยเหตุผลข้อใหม่ที่หล่อนได้ค้นพบและน่าที่จะค้นพบมานานแล้ว
ลูกดูเขาผิดไป คำตอบนี้เป็นคำตอบใหม่ที่น่าจะทำให้ชีวิตของหล่อนมีความสุขมากกว่านี้ และแม่ของหล่อนคงชื่นใจ แต่ด้วยวันเวลาที่มันผ่านไปแล้ว มันจะมีความหมายอะไร นอกจากความขื่นขมใจอยู่อย่างนั้น
คีรินพบกับผู้ชายคนนี้ในงานวันรับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันสำเร็จการศึกษา จากการแนะนำของเพื่อนสาว
นี่ คุณภูชิชย์ กสินันท์
คำแนะนำจากเพื่อนสาวมันทำให้โลกทั้งโลกมีแต่ความฝัน เขาคือสุภาพบุรุษที่วาดหวัง รูปงาม ร่ำรวย มีชื่อเสียง รอยยิ้มบนใบหน้าที่
เกลี้ยงเกลา จมูกคมสันได้รูป ดวงตาที่แลดูมีเสน่ห์มัดใจ ล้วนเป็นภาพสะกด
ที่ทำให้ลมหายใจของคีรินเข้าออกเป็นผู้ชายคนนี้
ความรักทำให้คนตาบอด จริงหรือ
ไม่หรอก ไม่ใช่
ความรักทำให้เห็นทางสว่างมากกว่า ทางที่จะก้าวไปสู่ความฝันที่
วาดหวัง ... วาดหวังให้เป็น . และจะเป็น
รินจะแต่งงานกับเขาค่ะแม่ คำพูดนี้คือการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของคีริน หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและเขาสานต่อเพียงช่วงเวลา
อันสั้น
ทุกอย่างคือความถูกต้องที่ควรตัดสินได้ ด้วยตัวของคีรินเอง
แน่ใจแล้วหรือลูก ลูกคบกับเขาได้ไม่เท่าไหร่เอง ความรักมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะลูก ให้เวลากับมันอีกสักหน่อย เรียนรู้กันไป มันไม่สายหรอก
เพื่อความมั่นใจของเรา
แม่ของหล่อนแย้งขึ้น เพราะมองลูกสาวของตัวเองออกว่าคีรินรัก
หรือหลงเขากันแน่
รินมั่นใจค่ะแม่ ภูรักริน เขาอยากจะสร้างอนาคตร่วมกับริน และริน
ก็มั่นใจ
คำพูดนี้ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความนึกคิดของคีรินได้ แม่ของหล่อนรู้ว่าถึงอย่างไรคีรินคงไม่ฟัง
แต่มาวันนี้ .. ถ้าแม่ได้มาเห็นสภาพของลูกสาวของแม่ แม่คงจะรู้ว่า ความล้มเหลวมันเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นเพราะ
แม่จ๋า รินไม่มั่นใจในตัวเขาเลย
คีรินสะกัดกั้นอารมณ์อย่างหนักหน่วง หล่อนบอกกับตัวเองว่า
จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะหล่อนเข้มแข็ง แต่เพียงเพราะว่าหล่อนร้องไห้มามากเหลือเกินแล้ว ตั้งแต่ได้รับรู้ว่า ภูชิชย์สามีของหล่อนกำลังนอกใจ
เขากำลังมีผู้หญิงใหม่ เมียน้อยที่สาวและสวยกว่าหล่อนนัก
หลายครั้งที่หล่อนกับเขาต้องมีปากเสียงกันเพราะเรื่องนี้
ภูหายไปไหนมา คำถามนี้หล่อนมักจะถามเขาทุกครั้งเมื่อภูชิชย์
กลับบ้าน
ไปติดต่องาน
แค่นั้น เขาตอบเพียงแค่นั้น
ติดต่องาน งานอะไรตั้งเกือบเดือน
ภูชิชย์เป็นคนพูดน้อย ทุกครั้งที่คีรินซักหนักถึงเหตุผล ความเงียบ
ไม่ปริปากแม้สักนิด คือ การแสดงออกแทนการตอบโต้นั้น คีรินรู้ว่าที่เขาเงียบ นั่นคือ คำตอบของเขา
ในที่สุดภูก็ตอบรินไม่ได้ ไปหาอีนังเมียน้อยมาใช่ไหม
เมียน้อยที่ไหนกัน รินอย่าคิดมากสิ
ภูตอบคำถามรินไม่ได้ จะให้รินคิดยังไง รินเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายก็จริง แต่ภูไม่รู้หรอกว่า ความช้ำใจเสียใจทิ่รินได้รับอยู่ตอนนี้ มันไม่มีกฎหมายบทไหนมารองรับได้เลย
คำตอบของภูชิชย์ในความคิดของคีริน มีเพียงอย่างเดียวคือการ
นอกใจ ถึงแม้หล่อนเคยนึกอยู่บางครั้งว่า หล่อนอาจให้ความอยุติธรรมแก่เขามากเกินไป แต่จะให้หล่อนคิดอะไรไปมากกว่านี้เล่า
ภูชิชย์ไม่ใช่คนที่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ร้ายในการแสดงออก
แต่อากัปกริยาที่ชินชาและเมินเฉยของเขา ไม่สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้
ได้เลยว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ ณ ขณะนั้น ทุกอย่างที่น่าใช่และไม่น่าใช่
จึงตกอยู่ที่อีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง
มิน่าเล่า ความเสียใจน้อยใจจึงประดังเข้ามาหาคีรินอย่างมากโขขนาดนั้น แม้ว่าหล่อนจะมีลูกกับเขา อย่างนั้นหรือ มันน่าน้อยใจนัก
เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ยังไม่ค่อยสนใจ นับประสาอะไรกับอีกชีวิตหนึ่ง ..
ที่กำลังเป็นส่วนเกินไปแล้วนั่น
มันจะมีความหมายอะไรขึ้นมา .
(โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไปครับ)
**************************************************************