31 กรกฎาคม 2550 22:11 น.
อารีณา
ก่อนอื่น รีณาต้องเรียนให้เพื่อนๆเข้าใจก่อนค่ะว่ากลอนภาษาอังกฤษ ที่เอามาลง ที่กะทู้ What a wonderful world ไม่ใช่ที่ รีณาแต่ง เพราะไม่มีจุดประสงค์ จะลงกลอน ภาษา อังกฤษ ค่ะ กลอนที่ตอบคุณ ยาแก้ปวด เป็นกลอน อุดมคติของรีณา และ กลอนอันนี้เป็นอีกอัน มันfamouseมากชื่อ What a Wonderful world เหมือนกัน แต่แต่งโดยWilliam Brighty Rands เป็นกลอนแม่แบบ ที่นักศึกษา ใช้เป็นตัวอย่างเวลาแต่งกลอนกันค่ะ ซึ่งจะมีหลาย กลอนที่ใช้เรียนกัน รีณาแค่มีเจตนาจะแปลเพลงน่ะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะลงกลอน ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ เอากลอนที่แต่งลงใน เว็บไซด์ @poetrypoem.com ของออสเตรเลียค่ะ
กลอนที่ลงหน้านี้ อันนี้ แต่งเองค่ะ
I HAVE TO GO'
Was it was my fault
Was it was somethings I said
Tell me what make you turn away
And ignore what I will say'
Do I did go around'
Do I deserve the pain.?
Cause you never emagine.
What you are putting me through.
I guess I pain enough.
Going to cried alone.
My friends always told me.
Please stop suffered from you.
29 กรกฎาคม 2550 16:53 น.
อารีณา
โอ้สายรุ่ง พาดยาวจรดปลายฟ้า
รวมใบหน้าแห่งมิตร คนทั้งหลาย
ทั้งพวกเขาจับมือกัน จากหัวใจ
ทักทายกัน เหมือนดั่ง บอกรักกัน
The colours of the rainbow, so pretty in the sky
Are also on the faces of people going by
I see friends shakin' hands,
sayin' "How do you do?"
They're really saying "I love you"
เสียงทารกตัวน้อย ร้องออดอ้อน
ช่างเว้าวอน บอกสัญญาน เมื่อหิวโหย
วันเลาผ่านไป ติดปีกโบย
และก็ โดยปริยาย เด็กโตพลัน
โอ้แท้จริงอีกมากมายในโลกนี้
สรรพสิ่งมากเกินกว่าฉันจะรู้
ฉันคำนึงครวญคิด พินิจดู
โลกน่ารู้ น่าสนใจ น่า มหัศจรรย์
I hear babies cryin', I watch them grow
They'll learn much more than I'll ever know
And I think to myself, what a wonderful world
29 กรกฎาคม 2550 16:31 น.
อารีณา
โอ้สวนสวย พฤษาเขียว กุหลาบแดง
เจ้าส่องแสงสว่างสไวให้เธอฉัน
ล้วนรอบกายดั่งเนรมิตร ชื่นชีวัน
โอ้ดั่งฝัน งดงาม สุด พรรณา..
I see trees of green, red roses too
I see them bloom for me and you
And I think to myself, what a wonderful world
ฟ้าสีใส เมฆสีขาว ปุยลอยล่อง
เหมือนแซ่ซร้องสรรเสิญ วันสดใส
อันราตรีมืดมิด ถวายใจ
ล้วนอันใด สรรพสิ่ง ช่างอัศจรรย์
I see skies of blue and clouds of white
The bright blessed day, the dark sacred night
And I think to myself, what a wonderful world
28 กรกฎาคม 2550 22:44 น.
อารีณา
หากพบกันอีกครั้งที่กลางฟ้า
ในเวลาคืนค่ำเงียบสงัด
เสียงแผ่วๆวอนกระซิบ เมื่อลมพัด
น้ำค้างจัด หนาวเย็น ก็โปรยปราย
จะอิงแอบแนบแก้มที่อกอุ่น
ไออุ่นคุ้น กับสัมผัสที่อ่อนหวาน
สิ่งเหล่านี้ เหมือนเกิดขึ้น ดั่งวันวาน
แม้ว่านานแสนนาน ไม่เคยลืม
เสียงหริ่งหรีดเรไร ประโคมร้อง
น้ำค้างพรัองสะอื้นหยดรดหญ้าสวย
ลมหายใจ สองเรา อ่อนระรวย
ดอกไม้ ด้วยร่วมเรียงรายเริงระบำ
อยากรู้จัง คืนอย่างนี้เธออยู่ใหน
อยู่กับใคร เมื่อคิดไป ก็ใจหาย
อันคืนวันที่ผ่านไป แสนเสียดาย
รู้ว่าสาย เกินกว่าที่ จะคืนกัน
อยากพบกันอีกครั้งแม้แค่ฝัน
จูงมือกัน เดินสู่ดาวที่กลางฟ้า
ทาบแสงทอง ของดวงจันทร์และดารา
เหมือนสัญญาเมื่อแรกรัก ระหว่างเรา
ใจเหงาๆอยากต่อฝัน เพราะหวั่นไหว
ตัองตัดใจ หยุดนิ่ง หยุดโหยไห้
ทำสีหน้า เหมือนหนึ่ง หญิงไร้ใจ
เพราะเห็นใคร ของเธอสบตามา
26 กรกฎาคม 2550 20:54 น.
อารีณา
เคยตั้งค่าความรักเป็นเส้นตรง
และสูงส่ง ฝันใฝ่ ดั่งวาดหวัง
เป็นสิ่งที่ สองคน ต้องจีรัง
มิใช่หวังอย่างลมแล้ง แค่ผ่านไป
ในหัวใจทั้งดวงมีแต่ห่วง
และทั้งหวง ของส่วนตัว อยากถนอม
มิชอบให้ ใครๆมา ดมดอม
เธออดออม หยิ่งทนง และไว้ตัว
เธอมิได้เป็นไป อย่างที่คิด
ฉันคนผิด จึงใจหาย อยู่เสมอ
เพราะทุกครั้งกับเรื่องราวที่ต้องเจอ
ก็คือเธอ กับเพื่อนที่มากมาย
เหมือนเดินคนเดียว ทางมืดมิด
จึงจมพิษขมขื่นอย่างโหยไห้
คนมีความรักแต่เดียวดาย
มันคล้ายๆอยู่คนเดียวตรงปลายทาง
จะเดินออกหนีไป ก็ใจขาด
สิ่งที่วาด สิ่งที่หวังก็สลาย
หากคบกันต่อไป ก็เหมือนตาย
ความช้ำใจ ก็จะมีทุกวี่วัน
เราทั้งสองมีรักที่ต่างมุม
ความร้อนรุ่มและห่วงใยมันคือฉัน
เธอไม่ผิดหรอกนะยอดชีวัน
เพราะถึงวัน ฉันเลือกเจ็บตรงต้องไป