6 กรกฎาคม 2550 10:09 น.
อารีณา
คอยอยู่ตรงนี้ แม้แสนเหงา จะเฝ้าคอย
ใจล่องลอย ทางอื่นบ้าง ยามพั้งเผลอ
แต่สิ่งหนึ่ง ที่มุ่งมั่นนั่นคือเธอ
เพราะอยากเจอ เพื่อปรับความเข้าใจ
แค่อยากบอก ให้ไว้ใจ ตัวฉันบ้าง
คนอ้างว้าง คนนี้อยอมรับผิด
ที่ผ่านมา ไม่เคยสุขเลยสักนิด
จมกับพิษที่ปวดร้าว ยามไร้เธอ
อย่าไปเลย อย่าไปนะ กลับมาเถิด
อย่าเพลินเพริด อยู่กับใคร ไม่ใช่ฉัน
อย่าเกี่ยวก้อย ร้อยชู้ชื่น แห่งคืนวัน
รู้ไหม มัน แทบขาดใจ ที่ได้ยล
จะอดทนทุกอย่าง ที่เธอโกรธ
จะไม่โทษทุกๆสิ่งที่เธอผิด
ขอเพียงแค่เพียงเธอไว้ชีวิต
ฉันคนผิด อยากเริ่มต้นรักอีกครา...
6 กรกฎาคม 2550 09:14 น.
อารีณา
>
ฉันเห็นดอกไม้หนึ่งซึ่งยับเยิน
ยามที่เดินในท่ามกลางพายุฝน
จึงก้มลงโอบกอด ดวงกมล
เจ้าทุกข์ทน ปวดร้าว จากเหตุใด
ดอกไม้น้อย หนาวสั่น หวั่นตระหนก
สะอื้นอก หวลระระริกอย่างโหยไห้
จึงจุมพิต ด้วยสงสาร สุดหัวใจ
หยุดหวั่นไหว ในปวดร้าว เถอะคนดี
โอ้เจ้าสวยด้วยสีสรร อันบรรเจิด
ซึ่งเป็นเลิศ สวยกว่าใคร ในสวนนี้
เจิดจรัส งามยิ่งนัก ยอดมาลี
ภุมรี ที่ใต่ตอม แล้วร้างรา
แสนเสียดาย คุณค่าที่สูงส่ง
สิ้นทะนง ด้วยศักดิ์ศรีแล้วสิหนา
ความสูงส่ง ก็ต่ำต้อย ด้อยราคา
สิ้นวาจาดอกไม้น้อย ก็สิ้นใจ
ฝนกระหน่ำ ดั่งตอกย้ำ ความอดสู
ลมพัดลู่ พากลีบใบ ดอกไม้ใส
สู่เส้นทาง ของวังร้าง อันปวดใจ
ทั้งกลีบใบ เจ้าน้องน้อย กระจัดกระจาย...
5 กรกฎาคม 2550 19:37 น.
อารีณา
ยามที่เจ็บฉันนึกถึงอกที่อุ่น
เปี่ยมการุณจากหัวใจคนเป็นแม่
เมื่อหกล้มฉันคิดถึงสองมือแท้
คอยเผื่อแผ่ ฉุดฉันลุก อย่างห่วงใย
ยามหิวโหยก็นึกถึงข้าวหอมกรุ่น
นุ่มละมุนที่คอยป้อนจากมือขาว
ยามประสพ พบกับเหต เป็นเรื่องราว
ในทุกคราวเคยมีแม่คอยป้องกัน
และทุกวัน ฉันเติบโต มาบัดนี้
เป็นคนดี เป็นเยี่ยงอย่างจากใครเล่า
ถ้ามิใช่ คนขึ้นชื่อ ว่าแม่เรา
ชั่วนานเนาว์จะไม่ลืมพระคุณเลย...
5 กรกฎาคม 2550 18:32 น.
อารีณา
มีวันหนึ่งหญิงชราเดินผ่านทาง
แสนอ้างว้างหามีใครเดินด้วยหนอ
แต่เธอนั้นเดินต่อไปเหมือนใครรอ
มิใช่ขอแค่เพียงวันให้หมดไป
ต้องหยุดเดินเพราะเจอลูกหมาน้อย
เดินต้อยๆอย่างเดียวดาย ทางกว้างใหญ่
หญิงแก่นั้นอดไม่ได้เพราะแปลกใจ
เป็นเช่นไรเจ้าหมาน้อย เดินคนเดียว
พ่อแม่เจ้าและปู่ย่า ไปใหนหมด
ดูเจ้าอดโซผอม อยู่นะนี่
ลูกหมาน้อย ก็เอื้อนตอบเอ่ยวจี
ทางสายนี้ หนูเดินมาอยู่หลายปี
ถ้าเช่นนั้นคืออะไร จุดประสงค์
เจ้าธุดงค์เดินเดี่ยว เพื่อไรเล่า
ทางเวิ้งว้าาง ที่ข้างหน้า เหมือนดั่งเงา
ให้คนเขลา อย่างข้าได้ใช้เดิน
ลูกหมาน้อยก็ตอบยาย อย่างมุ่งมั่น
เหตุที่ฉันเดินอย่างนี้ มีจุดประสงค์
หากว่ายาย อบากจะรู้ ความจำนงค์
ฉันประสงค์ อยากเป็น นายกไทย...
*************************************
แล้วต่อมาไม่นาน ทั้งสองก็ตาย..หามีใครได้ไปถึงดวงดาวไม่
จุนยายแกก็แก่ตาย ส่วนหมาน้อย ก็ตายอย่าง(น้อง) หมาๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..ไม่ว่าจะฝันอยากเป็นอะไร..ความเป็นไปได้
มันมีขีดจำกัด ตรงความสามารถด้วย..หาใช่ ความพยายาม อย่างเดียวไม่...เอ้อ หนักไปป่าวคะเนี่ย..แค่แง่คิด อ่ะนะ...
4 กรกฎาคม 2550 07:56 น.
อารีณา
วันนั้น ที่ใต้ฟ้า เราเปียกฝน
เราสองคนกุมมือกันยามร้องไห้
อยู่ด้วยกัน อย่างที่ไม่มีใคร
กำลังใจ เราก็ให้กันและกัน
วันนี้ ที่ใต้ฟ้า ฝนกระหน่ำ
พายุซ้ำ ลมกรรโชกปลายวสันต์
เสียงฟ้าก้อง ร้องหวีดหวิวไห้จาบัลย์
คล้ายกับวัน ครั้งก่อนนั้น ฉันมีเธอ
ณ.ยามนี้ เราสองคนเคยทนสู้
เราเคียงคู่ เราอดทน กันเสมอ
ฉันมั่นใจ ในตัวฉัน ฉันมีเธอ
แม้เจอะเจอ ร้ายปานใด ใจมั่นคง
แต่วันนี้ วันสับสน คนอ้างว้าง
เพราะข้างๆ มันหนาวเย็นเหมือนคนหลง
ที่เคยเดิน แต่ละครั้ง อย่างมั่นคง
ก็ทรุดลง ด้วยอ่อนแอ แพ้ทุกทาง
เพราะยังหวง และยังห่วงอยู่เสมอ
ทั้งที่เธอ ไปแสนไกล และหายห่าง
ทางมืดมิด ที่ทางนี้ เหมือนทางร้าง
สุดอ้างว้าง อย่างไร้ใคร ใต้ฝนพรำ