วันนี้ ฉัน คนไกลบ้าน ที่สานฝัน เขียนรำพันกวีกลอน มาบ้านท่าน อยากขอบคุณ ในน้ำใจ ที่ให้กัน เพราะทุกวันฉันส่งกลอน ด้วยสุขใจ ขอขอบคุณเจ้าของเว็บกวีนี้ และน้องพี่ เหล่านักกลอน ล้วนใจใส ร่วมทักทาย มาตอบกลอน ให้อุ่นใจ สว่างสไว ด้วยศัทรา แห่งไมตรี ยังไม่รู้ ว่าใคร เป็นใครบ้าง ฉันอ้างว้าง เพราะอยู่ไกล หลายหมื่นลี้ จากบ้านเกิด เมืองนอน หลายสิบปี ฉันคนนี้ ยังรัก ความเป็นไทย ขอคุณครูทั้งหลาย รับเป็นเพื่อน ฉันจะเยือน ด้วยบทกลอน อันอ่อนหวาน แต่งกลอนร่วม กับคุณครู วิชาการ ก็ชื่นบาน แสนสุขใจ กับพวกคุณ ....................................................... อยากขอบคุณ เจ้าของเว็บ และเพื่อนๆพี่น้องกวีทุกคน ในไมตรีที่อบอุ่น เพิ่งเข้ามาเล่น ยังไม่รู้จักใคร อาจทักทาย ไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยด้วย
กรีดเกล็ดหยดอังสุชลระคนหมอง เอื้อนทำนอง ของลาจาก ไปภพใหม่ ร่ำโหยหา ชีวาวาตแทบขาดใจ ทำฉันใด จึงจะได้ เธอกลับมา การลาจาก ครั้งนี้ แสนโหดร้าย สิ้นสูญหายเลือนลับ ไม่หวนหา ยังมิได้ อันใด แม้สั่งลา ก็ด่วนมาจากกัน นั่นหรือจริง แหวนวงน้อยฉันยังสวม ประดับก้อย พลอยแพรวพร้อยแววระยับ ในอกหญิง เธอเคยจูบลูบแหวนแล้วแอบอิง แล้วทุกสิ่งที่เธอทำ กลับไม่มี โอ้อกเอ๋ย ใจจะขาด แล้วรู้ไหม แห่งหนใหน ทุกๆที่มีเราสอง แต่นี้ไป จะมีใคร มาเกี่ยวคล้อง เป็นเราสอง ของห้องใจ ฉันกับเธอ
มะลิขาว อบอวลดูนวลผ่อง มือทั้งสอง ประนมหัตร อยู่เหนือเศียร ถึงวาระวันแม่ครบวารเวียน จุดธูปเทียน สักการะ ระลึกคุณ รักที่ได้จากหญิงหนึ่ง ซึ่งซึ้งนัก เพราะให้รัก และปกป้อง อีกเกื้อหนุน อกแอบอุ่น หนุนบารมี ที่ค้ำจุน โอ้พระคุณ จากหญิงนี้ คือแม่เรา
ณ ตรงนี้ ที่ตรงทางดาวกลางฟ้า จันทร์ส่องหล้า พราวกระพิบ วาววิบไหว แล้วเราสอง คล้องแอบอิงพักพิงใจ ดอกไม้ไกว แกว่งบรรเลง เพลงรัติกาล.. คืนขับขาน หยาดน้ำค้าง หยดหญ้าคา ดาวบนฟ้า ลอยลงมาช่วยฝันสาน ฉันกรีดเกล็ด จากดาวน้อย สู่ดวงมาลย์ แล้วเบ่งบาน สว่างสไวในทางเดิน มาวันนี้ ณ ที่นี้ มันมืดมิด ฉันคนผิด นั่งเหงาๆ ในเงาฝัน ปาดน้ำค้าง ยอดหญ้าคา อย่างจาบัลย์ และแสงจันทร์ พลันหนีไป ในเมฆดำ เอื้อมมือคลำ เศษของดาว ที่อาจเหลือ เพื่อจุนเจือหวังเก่าๆเคยถลำ เดินคนเดียวสู่ทางที่ฉันเคยจำ โหยไห้ คำค่ำคืนวัน ฉันคนเดียว...
หนาวเอ๋ย หนาวที่สุด ยากจะหยุด หักห้ามได้ ในยามนี้ แม้จะมี กองไฟ ไหม้โลก ทั้งปฐพี ก็สุดที่ ดับหนาวได้ ในห้องใจ จะมีใคร มาหยั่งใจ ของใครได้ จะดีร้าย อย่างไร ก็สุดรู้ ผิดที่เกิด คอยเตือนใจ เหมือนเป็นครู ทำเหมือนรู้ แต่บางที ก็เหมือนลืม เจ็บที่ผ่าน นานเนาว์ เขลา คราวก่อน ตามสั่งสอน เตือนจิตร คิดผวา เริ่มใจง่าย เริ่มใจอ่อน ย้อนเวลา เหมือนโหยหา อยากเจ็บซ้ำ ให้หนำใจ รู้ใช่ไหม รักไม่ได้ อย่ารักอีก เคยหลบหลีกเลี่ยงรัก อย่างไรเล่า รักกี่ครั้ง ก็ไม่เคย เป็นรักเรา ก็แค่เงา ที่มืดมิด แสนน่ากลัว ต้องเตือนใจ ต้องเตือนซ้ำ อีกกี่หน ลืมหมองหม่น ปักที่ใจ หรือไรเล่า ลืมฝันร้าย คนไร้ใจ ที่ทำเรา ลืมแม้เงา อันมืดมิด พิษ๋โปรยปราย อยาก เดินออก จากวังวน ทนเวียนว่าย เพื่อผ่อนคลาย หาแสงสี ที่อบอุ่น อยากหลุดพ้น ความฝังใจที่เร้ารุม ที่เฝ้าสุม ความหนาวเย็นเป็นนับปี ก็แค่อยาก ก็แค่ คิด ก็เท่านั้น แค่ทุกวัน มันผ่านไป ก็ดีแล้ว คนสิ้นหวัง อย่างฉัน มันหมดแวว หมดทางแล้ว หมดทางไป เพราะสิ้นใจ