20 สิงหาคม 2550 15:08 น.
อารีณา
เฉื่อยฉิว พริ้วลมพัด นกบินลัดคัดเลี้ยวไพร
กุหลาบ กิ่งแกว่งไกว หวิวไหวไหว สบายตา
ยอดหญ้าย้ายโยนโยก เกี่ยวกิ่งโศก โบกไปมา
รินรินจะร่ำลา ปริดังว่า จะไปไกล
หกเหินกลุ่มผึ้งน้อย ทำอ้อยสร้อย คล้อยเคลียใคร
น้ำหวานจากมาลัย เจ้าก็ไปไกลจากจร
บัญชรจากฟ้ากว้าง ส่องแสงทาง ดั่งแผลงศร
อาทิตย์ทรงอัสดร ลัดเลี้ยวรอญ ผ่านเมฆไป
พินิจ จิตตรึกตรอง ฟ้ารูปทองที่อยู่ไกล
แล้วเมฆปลิวโปรยไป จะมีใครบนฟ้านั่น
ทำดี หรือทำชั่ว ก็หวาดกลัวฟ้าจะหัน
พ่อแม่ สอนทุกวัน เป็นคนนั้น ควรกริ่งเกรง
อาทิตย์จะลาลับ แสงทองกลับมิครื้นเครง
พรุ่งนี้คงบรรเลง ่ สิ่งอันใดจะยืนยง
วันนี้เราทำดี ชีวิตนี้ ถ้าดำรง
พรุ่งนี้ชีพวายลง ใคร่ครวญอยู่รู้วันตาย
19 สิงหาคม 2550 14:29 น.
อารีณา
อันหนาวเหน็บเจ็บนัก จากตัวเรา
จะร้อยเหงา ถักใจ ใส่ความโศก
บรรจงหยดห้วงน้ำตา อันชุ่มโชก
ฝากลมโบก พัดปลิวไป ใกล้ใจเธอ
ฝากสะอื้น อันแผ่วแผ่ว ระริกหา
พ้อต่อว่า ที่ผ่านมา ลืมแล้วหรือ
ฝากรอยปวด จากหัวใจ ไปสู่มือ
จากคนซื่อ แสนมีกรรม มันเดียวดาย
เธอเจ็บปวด ในวันนี้ คงเหมือนฉัน
เมื่อเห็นมัน เกิดกับเธอ ฉันก็ปวด
ทางสีขาว กลับมืดมิด พิษร้าวรวด
ดั่งเดือนดวด ดิ่งลงดับ ลับลาไกล
จงยืนหยัด และยิ้มสู้ ให้เหมือนฉัน
และทุกวัน สบตาเขา ปลายตาใส่
ยิ้มหยันหยัน ที่มุมปาก เก่งเข้าไว้
รู้ใช่ไหม ของพวกนี้ ฉันเคยทำ
18 สิงหาคม 2550 00:50 น.
อารีณา
หวิว หวิว พริ้วอ่อนไหว แทบขาดใจก่นให้โหย
โปรยปราย สายลมโชย กลับอิดโรย ล้าแรงลง
เพ่งพิศเดือนดารา ประกายจ้าเจิดดำรง
น้ำค้าง เริ่มตกลง หล่นระลง ยอดหญ้าคา
เกศา ที่ดำขลับ วาวมันวับจับหัวใจ
ลืมแล้วหรืออย่างไร เคยให้ใครเคลียเคล้าคลึง
หริ่งหรีดเรไรร้อง ดั่งเตือนน้องให้นึกถึง
สัมผัสยังตราตรึง สุดซ่านซึ้ง ใจเจียนตาย
วาย วายดั่งสูญชีพ ดวงประทีปมอดไหม้หาย
โศกเจ้า บ่ รู้คลาย รักสลายสิ้นแดดวง
เกล็ดแก้วหล่นระริน แทบพังภิณฑ์ น้ำตาร่วง
เช่นนี้เขาเคยห่วง โอ้คนลวง มาร้างไกล
ราตรีจะลาโลก สาวยังโศกบ่รู้หาย
สะอื้นด้วยเดียวดาย สุดใจหายให้อาลัย
ฝากจันทร ก่อนลาลับ หากเขาหลับคู่กับใคร
ช่วยบอก ฉันฝากใจ อยากมอบให้ เขาฝันดี
15 สิงหาคม 2550 18:11 น.
อารีณา
วันนี้เป็นวันสุดท้าย ของลมหนาว
วันคืนยาวอันหนาวเหน็บจะลาจาก
ลมกรรโชก ครางหวีดหวิว ยามที่พราก
ทนกรำตาก สู้หนาวเย็น เช่นทุกปี
ฝนประพรำโปรยปราย ท้ายคิมหันต์
ในคืนวัน ที่อ่อนล้า ยามฟ้าปิด
จิตล่องลอย คล้อยคิด กับชีวิต
ที่ปกปิด ความอ่อนแอ และเดียวดาย
ช่างใจหาย กับคืนวัน ที่ล่วงลับ
จันทรยังกลับมาหวนทวนฟ้าใหม่
แต่ใจเรา เล่าดวงนี้ ไปแสนไกล
กู่เท่าไร ก็ไม่กลับ เหมือนลับเลย
มันไม่มีหรอกน้ำตา มันชาด้าน
ยุ่งกับงาน อยากจะลืม เรื่องทุกสิ่ง
นั่งเหงาๆตรงที่เราเคยนั่งอิง
หน้าเตาผิง คืนสุดท้าย ปลายหนาวลา.
11 สิงหาคม 2550 17:42 น.
อารีณา
ฉันเฝ้าเก็บ ดาวน้อย ร้อยด้วยรัก
จะทอถัก รักหวาน สานสวยสม
หยิบจันทร์เรียว เกี่ยวคลาย ที่เป็นปม
แล้วบรรจงลงสลัก .รัก. ให้เธอ.....
ดาวดวงหนึ่ง อยู่ปลายฟ้าแสงสุกใส
สว่างสไวระยิบระยับ จับตาฉัน
ในทุกคืน เจ้ารับฟัง คำรำพัน
คำเพ้อฝัน ถึงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกล
ร่ำโหยหา หลั่งน้ำตา จันทราลับ
ดั่งเดือนดับ ลับไปแล้ว สุดใจหาย
เดือนเคียงดาว เมื่อถึงคราวดาวห่างกาย
ใจแทบวาย คราลาลับ กับเดือนจร
โอ้อกเอ๋ย ร้าวราญ เหลือจะกล่าว
ด้วยดาวร้าว คราวเดือนลับ เหมือนจะหาย
รินรินรด หยดน้ำตา ดาราราย
ด้วยเดือนคลาย กลายเป็นอื่น สะอื้นตรม