30 มกราคม 2548 18:17 น.
อาภาภัส
มองฟ้านะ ฉันจะอยู่เคียงคุณ
กว่าทุกชีวิตจะผ่านวัยแต่ละช่วง ทุกคนก็จะพบเจอ อะไรมากมาย ทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ มีทั้งดีที่สุด ปานกลาง หรือไม่ดีเลย และในคำว่าดีหรือไม่ดีเหล่านั้น มาตรฐานวัดคำว่าดี มาจากตัวกำหนดมาตรฐานในสังคม
ที่อาจสรุปว่าดีคืออย่างนี้ อย่างกรอบที่เขาวางกำหนด แต่คงมิใช่ให้ผู้ที่มีลมหายใจทุกคนเห็นด้วยหรอกนะ เพราะถ้าหากหลายอย่างในโลกมีมาตรฐานไปทางเดียวกันหมด ก็คงไม่เห็นปัญหามากมายอย่างที่เกิดขึ้นทุกวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะคนแต่ละคนใช้สิทธิ์ของการเกิดมาเป็นคนอย่างเต็มที่ องค์ประกอบสำคัญ คือใจ
ใจฉัน ใจเรา ใจ เขา ใจใครๆ ใจแบบไหน ตอนตัดสินใจ เลือกที่จะใช้และจะเป็นไป จะมากหรือน้อย เจ้าของใจมีส่วนรับผิดชอบทั้งสิ้น แล้วก็จะมีสภาวะแวดล้อมเป็นองค์ประกอบเพิ่มขึ้นมาอีก หมายถึง การเชื่อฟังผู้อื่น ความเกรงใจ หรือการที่สังคมเดิมๆของไทย กำหนดบทบาทค่อนข้างสูงให้ต้องปฏิบัติตามและเชื่อฟังบุคคลที่ให้กำเนิดสูงสุด ท่านจะชี้กำหนดทุกอย่าง แม้กระทั่งการเลือกคู่ครอง
ไม่เคยมีใครทำสำรวจว่าคู่ครองที่อยู่ร่วมกันโดยการเลือกของผู้ใหญ่ นั้น อยู่ร่วมกันได้จริงๆ โดยรักกันชนิดเป็นเนื้อเดียวกันมีจำนวนเท่าไร หรืออาจมี แต่เท่าที่สังเกตจากคนรุ่นปู่ย่า เดาว่าประเภทเนื้อเดียวกันนี่คงหายากมาก คนที่ไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอกัน แล้วถูกเลี้ยงมาต่างมุม ต่างเผ่า ต่างเหล่า ต่างที่ การได้เรียนรู้ประสบการณ์ก็
สะสมมาคนละแบบ หากมาอยู่ร่วมกัน แค่ร่วมคิดและแสดงความคิดเห็น ก็เริ่มต้นปัญหาเสียแล้ว ถ้าไม่รู้จักคำว่ายอม
ยอม คำคำนี้ จะถูกใช้อย่างมีศักดิ์ศรี และไม่มีศักดิ์ศรี ถ้าผู้นำไปใช้คำนึงถึงผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง
อยากเขียนเรื่องนี้ให้เป็นอย่างความรู้สึกที่งดงาม ใครๆอ่านจะรู้สึกมีความสุข เมื่อเขาได้เห็นชื่อเรื่องว่า
มองฟ้านะ ฉันจะอยู่เคียงคุณ
คุณคะ ฉันยังไม่รู้ว่าคุณที่เป็นตัวจริงของฉันนั้นอยู่ที่ไหน และฉันจะได้พบคุณหรือไม่ สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ แต่ฉันจะสร้างภาพของคุณ เป็น คนที่ฉันต้องการในหัวใจ คุณจะเป็นแบบไหนดีนะ อ๋อ ก็เป็น แบบที่คุณเป็นไงคะ เพราะมันคงทำให้คุณได้รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด หากคุณมีความรัก รักของคุณอาจมีมากมาย
แต่ตอนสุดท้าย ฉันอยากให้คุณเจอความหมายว่า คนที่คุณรักนั้นคือฉัน คนที่คุณรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ รู้สึกสบายใจแค่เราได้คุยกัน หรือแค่เอนไหล่เคียงกันแล้วไม่ต้องพูดสิ่งใด แต่หัวใจคุณก็รู้สึกและเป็นสุข
มีผู้รู้กล่าวว่าความรู้สึกแบบที่ฉันกล่าวมาแล้วนี้ เป็นความรู้สึกแค่ของผู้ที่อยู่ในวัยรุ่นเท่านั้น หรือผู้ที่กำลังมีความรักใหม่ๆ คุณว่าจริงหรือคะ
ฉันถามคำนี้ เพราะฉันไม่แน่ใจนะ ความรักต้องเลือกวัยจะเกิดด้วยหรือคะ ฉันคิดว่า หากผู้คนต้องการให้สังคมอยู่ต่อไปมีการสืบสานทางพันธุกรรม รักก็คงต้องเลือกวัย และเมื่อใครเห็นความสำคัญอย่างนั้น เขาก็เลือกอย่างนั้น และเช่นนั้น แล้วก็ถูกต้องแล้ว ที่เขาจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาปั้นขึ้นมา แล้วเขาก็ต้องรู้สึกให้มีความสุขให้ได้ ต่อการต่อชีวิตในทุกๆด้าน แล้วเขาก็ต้องเตรียมแผนให้ผู้ที่จะสืบต่อจากเขาเรียนรู้การต่อสู้อย่างที่เขาดำเนินมา แล้วก็วางแนวต่อๆไป พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับฉัน ฉันว่าหากต้องการมีรัก อยู่กับการที่ต้องการมีความสุขตามแนวของตน คงไม่ต้องมีวัยกำหนดนะที่ฉันพูดเช่นนี้ ก็เพราะ มาตั้งครึ่งชีวิตแล้ว ไม่ได้เห็นอะไรที่ ทนถาวร เลย การทุ่มเททำงานอย่างเสียสละ ก็ไม่ได้มีคำตอบรอออกมาว่า นี่......รางวัลแห่งความดี และความอดทนของเจ้า ฉันกลับพบว่ามีแต่จริงที่ไม่จริง ต้องใช่กลับไม่ใช่
คุณคะความจริงเมื่อฉันเข้าใจชีวิตเช่นนี้ มันควรจะเป็นการปลงใช่ไหม คะ ครึ่งหนึ่งนะใช่ อีกครึ่งไม่ใช่ ทำไมหรือคะ ก็เพราะฉันยังไม่บรรลุไงคะ หัวใจของฉัน ยังอยากที่จะกระโดดเพื่อการเรียนรู้และค้นหา เพราะบางฉากบางตอนของชีวิต มันเปรียบเป็นอาหารละก็ฉันก็คงว่าเป็นไข่ดาวกระมัง ตั้งกระทะ รอน้ำมันร้อนก็ได้ไข่ฟูหน่อย
แต่ ก็ไม่แน่ เผลอก็ไหม้ น้ำมันเพิ่งเริ่มก็ได้อะไรที่มันด้านๆ แถมขั้นตอนการทำ เหมือนง่ายๆ เอาน้ำมันวักสาดๆ เข้าไป นานไปไข่ก็สุก น้อยไป ไข่แดงก็รอสีน่ากิน แล้วถ้าไม่ใช่กระบวนการนี้ทั้งหมดละ
คุณอย่าเพิ่งงงนะคะ ฉันหมายถึง ว่า ลองตั้งน้ำมันร้อน แล้วคุณก็ต่อยไข่ลงไปเลย อย่าใช้ตะหลิวทำอะไรกับมันเลยนะ ยกเว้นตอนเดียวตอนต้องตักมันขึ้นจากกระทะ คุณเห็นภาพไหม เคยทดลองไหม คุณว่าผลเป็นอย่างไร
อย่าบอกล่ะ ว่าเขาไม่เรียกไข่ดาว เคยทดลองไหม จะได้รูปแบบดังนี้นะ ถ้ากระทะร้อน น้ำมันใส่ น้ำมันไม่ร้อนเท่าไรใส่ไข่ลงไป คุณคะเนสิคะว่าผลที่เกิดเป็นอย่างไร ต้องลองทำดูใช่ไหม ขนาดลองทำดูแล้ว รูปแบบที่ได้เหมือนกันไหม เอาใหม่ให้กระทะร้อนจริงๆ น้ำมันร้อนด้วย ร้อนจะเดือดเชียวนะ ต่อยไข่ลงไป คุณว่าผลเป็นยังไงอีก ถ้าคุณตักขึ้นเลย เป็นแบบหนึ่ง ถ้าคุณรอไปอีกหน่อย อือ ..ไข่เริ่มสีเหลืองเกรียมขึ้น ถ้าคุณหลงให้มันเกรียมขึ้นเรื่อยไม่ถึงขนาดไหม้นะ คุณเอ๋ย คุณคิดว่ากินเข้าไปแล้วมันจะกรอบนะเปล่าเลยมันเหนียวอย่าบอกใครตรงที่มันเกรียมๆนะ ไข่แดงก็อาจสุกเกินไป
คุณเข้าใจชีวิตแบบไข่ดาวแล้วยัง
วันนี้ ก็เป็นวันเดิมๆ ที่ต้องเขียนถึงคุณ ไม่ว่าแดดจะร้อน ฉันก็ยังมองฟ้า แดดดูสีเหลืองนวลตาเมื่อมองผ่าน
กระจกบ้าน มิรู้ว่าร้อน มีแต่ความสว่าง คงเหมือนคุณนั่นเองที่สว่างอยู่ในใจฉันนะเวลานี้ คุณที่ฉันยังไม่รู้ว่าใคร
แต่ยามที่ฉันอยู่คนเดียว ฉันก็จะเลี้ยวหัวใจจอดแวะที่คุณ มันเป็นมุมใจที่ฉันสร้างไว้ คงจะดีมากเลยนะ ถ้าคุณกระโดดให้เห็น ยิ้มอีกนิดอย่างขำๆ แล้วคุณก็กอดฉันไว้ กอดไว้ด้วยความรู้สึกจริงแท้ของหัวใจคุณ
คุณคะ คุณสร้างความเป็นคุณแบบไหนคะ แต่หวังไว้ว่า ยามที่เราอยู่ใกล้กัน เราจะรู้สึกอบอุ่น เราจะคุยกันด้วยความรู้สึกที่ละมุน ขอให้ฉันได้มี โอกาสกอดคุณสักครั้ง กอดด้วยความรู้สึกนิ่งๆ กอดโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ ยกเว้นหัวใจที่ถ่ายทอดความรู้สึกดีๆนั้นให้แก่คุณ
คุณหรือฉันดีล่ะคะ ที่จะบอกว่าเรารักกัน ฉันขอให้เป็นคุณบอกได้ไหม ฉันขอมากไปไหม มากไปจนคุณสูญเสียความเป็นตัวคุณหรือเปล่า คงไม่นะ เพราะคุณ คงพร้อมมอบความรู้สึกที่ดีๆให้กับฉัน
มองฟ้านะ ฉันอยู่เคียงคุณ แล้วฉัน ก็บอกผ่านสายลมไป ณ วันนี้ ฉัน ..คิดถึงคุณ
คุณคะฉันเกือบจะจบถ้อยคำที่เขียนถึงคุณอยู่แล้ว หากไม่ได้ยินเสียงดังโครม ฉันออกไปดูที่ด้านข้างตัวบ้านอย่างเงียบๆ เพราะฉันเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ชายฉันล้มฟาดอยู่กับพื้น ตู้ที่เขาเก็บของใส่สัมภาระ ฉันว่าสัม
พารก มากกว่ามันฟาดอยู่บนตัวเขา ฉันค่อยๆ เอาน้ำลูบหน้าเขา ในขณะที่พี่เขายังชักอยู่ ของทั้งหมดจากตู้ก็ท่วมตัวเขา ฉันค่อยๆงัดตู้ขึ้น และค่อยๆเก็บของไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพี่ชายค่อยมีสติ ฉันจึงบอกเขาว่าลุกไหวไหม ไปล้างหน้าเสียก่อน เขาจึงลุกเดินหายเข้าไปในบ้าน แล้วเข้าไปในห้องนอนของเขานานชั่วโมง นานพอที่ฉันจะรื้อของๆเขา แล้วจับโยนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป การเป็นคนป่วยแบบพี่ชายฉัน เขามักสะสมของที่ห่อไว้หลายๆชั้น หลายๆที่ ฉันเก็บเฉพาะขยะออก จนเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว แต่พอพี่ชายฉันเขาอาการดีขึ้น ของที่ฉันทิ้งถังขยะข้างนอก เขาก็ไปเก็บสิ่งนั้นมาอีก มันคงเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้เถียง ฉันจึงหยุดการทำงานตรงนั้น และมาเขียนถึงคุณต่อ ฉันอยากถามคุณว่า คราวนี้ เมื่อคุณฟังเพียงเรื่องเดียว ที่เกิดขึ้น คุณเข้าใจไหมว่า ทำไม ฉันต้องถามคุณว่า คุณของฉันมีตัวตนอยู่ไหม
คุณรู้ไหม ในชีวิตของคนแต่ละคนไม่มีใครอยากได้ปัญหา และถ้า เมื่อพบปัญหา ทำไมใครคนหนึ่งถึงอยากมีใครคนหนึ่งเอาไว้เป็นกำลังใจ และอยากมีคนที่เข้าใจ คราวนี้คงรู้แล้วสินะว่าทำไม หลายครั้งที่ฉันปฏิเสธ
บางอย่างไปก่อน ก่อนที่ฉันจะตอบรับโดยทันที เพราะหากลำพังตัวฉันเอง ฉันคงอ่อนหวาน และ เอาใจได้ แม้เราจะต้องจากกัน ณ ลมหายใจสุดท้าย แต่ที่ฉันเล่า เป็นหนึ่งเหตุผลที่เกิดกับฉันทุกบ่อย ทุกบ่อย ทุกซ้ำ ที่ฉันจะต้องคอยควบคุมจิตใจให้ดี และสงบ คุณบอกฉันสิคะว่า เมื่อคุณฟังปัญหาแบบนี้ คุณ ยังจะกระโดดออกมา ยื่นมามา แล้วกอดฉัน แล้ว พูดว่า ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ คุณ ว่าคุณจะมีตัวตนขึ้นมาจริงไหม
ฉันไม่อาจเห็นแก่ตัวที่จะละทุกสิ่ง ยังมีอะไรลึกๆที่คุณยังไม่รู้อีกมาก คุณรู้ไหม หากใครสักคนอยากบอกว่าจะรักเราจะอยู่กับเรา มันไม่ใช่แค่คำพูดนะคะ ฉากของวัตถุ สิ่งที่มองเห็นในครั้งแรก มันย่อมดูดี แต่สิ่งเหล่านั้นจะมาเป็นองค์ประกอบให้เห็นคุณค่าแห่งความสุขชัดเจน เมื่อ เราต่างมองเห็นบางอย่าง แล้วเรายอมรับมันได้
แล้วหากเรารักเขา เราก็ยอม แล้วก็พร้อม ที่จะเข้าใจเขาในทุกทาง
สำหรับฉัน ฉันมีหัวใจตรงนี้ ฉันมีความเข้าใจที่พร้อมจะมอบกับใครสักคน แต่ใครสักคน จะมีตัวตนและคิดแบบฉันหรือเปล่า นั่นคือ สิ่งที่เป็นคำถาม
คุณรู้ไหม ปัญหา ของการควบคุมจิตใจ มิใช่เพียงเกิดขึ้น เพียงฉากตรงหน้าที่เราเผชิญเหตุการณ์นะ แต่ตามภาวะที่ฉันพบ ฉันจะต้องควบคุมจิตใจให้เย็นได้มากที่สุด เพราะ เมื่อพี่ชายเขาดูเหมือนปรกติ สิ่งที่เราหวังดี หรือจัดทำให้เขา เขาจะรับไม่ได้ เพราะเขาจำไม่ได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาจะคิดแต่เพียงว่า ของเขาที่เสีย หรือที่ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปนั้น เขาจะโทษว่า ฉัน เป็นคนทำ แล้วฉันน่ะแหละ ที่ไป ยุ่งกับเขา รับได้ไหมคะคนดี คุณยังอยากบอกว่ารักฉันอีกไหม
คุณอย่าบอกว่าปัญหามันคลายได้นะ เพราะฉันก็เข้าใจเช่นนั้นเช่นกัน แต่ไม่ใช่จุดที่ฉันยืนอยู่หรอกนะ
โดยอาชีพ โดยความไม่มีใครอื่นอีกในครอบครัว นอกจากฉัน ฉัน ฉัน คุณ ว่า ฉันหัวเราะเก่ง คุยได้สนุก
แล้วก็จะอ่อนหวานตลอดไป แล้วก็จะให้ใครๆไม่ต้องอึดอัดใจ ฉันทำได้คุณ ใส่คะแนนสักนิดดีไหมคะ
ให้คะแนน ใจของคุณ ต่อความรู้สึกห่วงใยและรักของคุณ มาเป็นกำลังใจ ในฟากฟ้า
มองฟ้านะ ฉันจะอยู่เคียงคุณ เป็นคำที่ ฉันส่งความหมายไปทั้งใจแม้ว่าสิ่งที่ฉันเจอะเจอ มันมิได้เอื้อต่อฉัน
เท่าไร และในทางกลับกัน ฉันหวังว่า คุณ นะแหละ จะยังคงพูด และโอบกอดฉันไว้ พร้อม บอกว่า
ฉันจะอยู่เคียงคุณ
25 มกราคม 2548 14:22 น.
อาภาภัส
และแล้ว วันแห่งการประกาศว่า เสียงใครไพเราะกว่ากัน ก็ ได้เวียนมาถึง อีกวาระหนึ่ง แห่งหมู่นก เต่า ตะพาบ งูดิน ม้า หนู แมว มด ตั๊กแตน และสัตว์ทุกตัว ทุกตัวต่างเตรียมฝึกเสียงมา
เจ้านก ก็อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน บินเอาปากรอ น้ำค้างจากต้น ปาริชาต
เต่า กับ ตะพาบ ดำดิ่งไปในเมืองบาดาล ไป ขอพิษ พญานาค
งูดิน ก็มุดไปที่โพรงต้นไทร แล้ว วนขอจากรุกขเทวา
ม้า เหาะไปหา พระนารายณ์ ขอ พร
หนู ..ไม่รู้จะไปไหน ก็ซ่อนตัวอยู่ในห้อง รอเวลา
แมว .. ก็ออกตามล่าหนูให้จ้าละหวั่น เพื่อจะได้เป็นพลังฝึกเสียง
มด ก็อดทน ลากเอาใบไม้ มาเป่าลม ให้เกิดเสียงเพลง จะได้มีกำลังปอดเยอะๆ
ตั๊กแตน ก็บินหาต้นอ้อ เสียจนเหนื่อย เพื่อฟังเสียงหวีดหวิว ให้ มัน หว่าว ว๊าว
ทุกตัว ต่างเตรียมตัวเอง ยกเว้น เจ้าชายกบ
เจ้าชายกบ ไม่ทำอะไรเลย
วันๆ ก็ มองฟ้า แมกไม้ ดวงตะวัน สลับกันอยู่อย่างนั้น นิ่งไว้ ไม่ทำอะไรจริงๆ
วันแข่งขัน พิธีกร ประจำรายการก็ประกาศเรียกทุกตัวตน มาเปล่งเสียง ลืมบอกไป ผู้รับหน้าที่ผู้ประกาศได้แก่ พญาฮูก
กรรมการแต่ละคน ต่างมุ่งหน้า คอยฟัง เสียง ผู้ดูทั้งหลาย ก็ส่งเสียงร้องเชียร์กันจ้าละหวั่น
ถึงคราว เจ้าชายออก เจ้า กบ เขามาไม่เหมือนใคร
ก้าวทุกฝีก้าว ต้องกางฉีก ง่ามเท้า เข้าไว้ ลำตัว เติมไฝให้ทั่ว มากกว่าแถวๆคาง เจ้าชายพาร่างอันสง่าที่สุด กระโดดไปทีละก้าว หนึ่ง ก้าว ผู้ชม ก็กรีด กระแทกเสียงและปรบมือ เสียงที่ทุกผู้ชมตื่นเต้นในลีลาของเจ้าชาย
ทำให้ สายฝน ซัดกระหน่ำ กลางเวทีประกวด ทุกกรรมการ ต่างมองมุ่งสู่เจ้าชาย
มาดูเหตุผลที่เจ้าชายไม่ทำอะไรเลย มองฟ้า แมกไม้ และดวงตะวัน เพราะเจ้าชาย ฝึกรับส่ง สายตา สะกดมนต์ต่อทุกสรรพสิ่ง ทุกผู้ต่างตะลึงในสายตา อันพราวพราย โดยเฉพาะ พญาฮูก ตาโต โดนมนต์สะกด เจ้าชาย เศษตาฮูก ร่วงลอย ไป แหมะติดที่เจ้าชายกบ กรรมการลืมหายใจ เผลอตัว ใส่คะแนนให้เจ้าชายโดย ไม่รู้ตัว
ผู้ดู ตบมือกันกราวไม่ยอมหยุด ตีเกราะเคาะไม้ ร่วมไปในลีลา ตามองกระแว๊บๆๆ แบบ แดดส่องบนผืนน้ำ ยังไงยังงั้นแหละ ของเจ้าชายกบ ด้วยเสียงที่ดังยาวนานราวห่าฝน เจ้าชายกบ จึงหมดมาดอย่างช่วยไม่ได้
และ เปล่งเสียงออกมา อ่บ อ่บ อ่บ อ่บ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราจึงเห็น กบเป็นดังนี้
ความไม่แน่นอนเกิดขึ้น มาแบบไม่ตั้งใจ พญาฮูกเทใจเทคะแนนให้เจ้าชายกบ กบจึง มีตาโต และพองตั้งแต่นั้น ส่วนผิวกายแปลก เพราะ รับ ของที่ผู้ชมขว้างปามา และที่ มาแต่เดิมของเสียงกบ ก็คือ โอย อูย อูย เพราะโดนโจมตีไม่เจตนา
เฮ้อ ....นี่เป็นการล้อเล่นของนักเล่า นิทาน ไม่เอาไหน ที่จะบอกว่ายุคใหม่ เราผลิตตรงลูกตาให้มัน โต เพราะไว้เหลาดินสอ ตรงพุงของมัน ก็ใส่เงิน เก็บเป็นคลังออมสิน
เห็นไหมล่ะ ความดีความน่ารักของเจ้าชาย ใครเลยจะไม่ประทับใจละนี่ โอ้..กบ สารพัดนึก.กบ ก๊บ กบ
ช่า แว๊บ ช่า แว๊บ ชอบแอบมองดู ทำหน้ามูทู ริมจอโกหก ทำตลกยู้ฮู ฉันเลยแกล้งวู้ นะเจ้าชายกบ
แปะเปาะ แปะเปาะ อย่าทำหน้าเยาะ แล้วรีบแอบหลบ เห็นอยู่ทุกที ผ่าซีน่าซบ แล้วทำให้ครบ กบทอดกระเทียม
เอ้า เย้ เย แย เจอกบขี้แง มาแลมาเยี่ยม หล่อเหลาเอาเรื่อง ดังเฟื่องรูปเฟี้ยม คงต้องตระเตรียม
กระเพราห่อหมก
กบ กบ ก๊บ กรอบ ใครๆชื่นชอบ ลักษณะนบนอบ อยู่ในกอ กก
บางครั้งแปลงกาย ดังสายพันธุ์ดก ลูกอ๊อดกอดอก โอ๊ะกบเท่งทึง
เอ้า แง้ แง แง อย่ามาแกล้งแหย่ จะไปฟ้องแม่ ทำท่าขังขึง
โอเจ้าชายเอย มิเคยลงถึง ว่าแล้วเลยดึง ถลกหนังกบ .........อบไฟซะเลย
............ อิอิ..555555.... น่านะ
อาภาภัส 25 มกราคม 2548