18 กรกฎาคม 2547 16:58 น.
อาภาภัส
ใครจะรักชูมือขึ้น
โดย อาภาภัส ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗
วันนี้วันที่หัวใจเบาๆอากาศกำลังสบาย หัวใจล่องลอย คุณยายก็ไม่รอช้า กระย่องกระแย่งออกจากบ้านไปนั่งใต้ต้นสนริมทะเล หาดทรายสีขาวละเอียดท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆขับแสงทีละนิดสาดส่องตกต้องผืนทราย ส่องประกายวับวาวในหัวใจให้รำลึกถึงแต่ธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์ ทรายขาวนวลริมทางเดินที่ไม่ไกลจากบ้านพัก เกาะหนูที่ผลุดขวางกางกั้นสายตาสู่กลางทะเล ยังงามล้ำอยู่เสมอและในใจ
มือรูปเรียวเกี่ยวฝันฝากโบยบิน กอบทรายรินผ่านลมพรมภาษา
ที่รดลึกคึกอยู่ในแววตา กาลเวลาผันเร้นยังเห็นดี
จดจำเสียงเซ็งแซ่ล้วนเด็กน้อย วิ่งหยอยหยอยหยอกเย้าริมสวนศรี
เขาตังกวนเบื้องหลังแนวขจี ยามราตรียังฝันมั่นมิเลือน
อยากผูกเรื่องประเทืองปัญญาฤทธิ์ แนวลิขิตนิทานสานเสมือน
คุณยายเฒ่าเล่าฝากในดาวเดือน อีกย้ำเยือนเลื่อนสุขมาปลุกทรวง
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
แต่ครั้งนานมา ยายอยู่สงขลา มาหลายแรมปี
นั่งมองน้ำฟ้า อุราสุขศรี ประเทืองเปรมปรีดิ์ ฤดีเริงรมย์
จวบเช้าเย็นย่ำ ฝนตกพรมพรำ ยายจำเชยชม
เกาะหนูขวางหน้า แมวมาคว้าดม ทะโลดโดดตม นำท่วมเจิ่งนอง
หนูนั้นความเดิม ยายมาเพิ่มเติม เล่าใหม่ประลอง
วันหนึ่งนั้นหนา วันฟ้าสีทอง เขาแดงเรืองรอง ผู้คนมากมาย
สัตว์ล้วนพาที ดั่งคนเรานี้ มากความหลากหลาย
หนูอวดเอ่ยอ้าง ฟ้ากว้างแค่กาย วิ่งแว๊บสุดสาย ถึงซึ่งตะวัน
แมวมองร้องว่า ข้าสิแน่กว่า วิ่งคว้าดวงจันทร์
ใส่ปากป้อนอิ่ม เพื่อลิ้มชิมฝัน แถมอีกร้อยพัน ดวงดาวเก็บโกย
เงือกน้อยฟังแล้ว หมั่นไส้เกลอแก้ว ละเลงคำโปรย
จึงกล่าวแกล้งว่า อย่าช้าเพื่อนเอย รีบไปได้เลย เรารอเมียงมอง
นับหนึ่งถึงสาม สองเพื่อนฮึกหยาม ลืมความครรลอง
น้ำใสใหญ่ยิ่ง ภูตสิงใจจอง ลืมพวกลืมพ้อง เพียงจ้องชนะเชิง
เอี้ยวตัวเลี้ยวลด หนูลอดคูคด แมวติดตรงเพิง
หนูหัวร่อร่า โห่ฮาแมวเหลิง แค้นคึกศึกเพลิง ไล่เปิงหวังกิน
ทั้งสองรุกรัน ลืมลดละกัน สุดฝันชีพสิ้น
ทะเลกว้างเหลือ มิเอื้อชีวิน ร่างสลายดับดิ้น ซากอยู่สอนคน
เกิดเกาะกลางสมุทร ใครอยากเยี่ยมรุด ดินแดนสถาผล
สงขลานทีไทย ภาคใต้ธราดล งามล้ำสลักกมล วางไว้ในจินต์
นิทานเรื่องนี้ บ่งชัดต้องมี อารีนิจสิน
จะใหญ่จะเล็ก จากเด็กฝึกชิน ความดีอาจิณ คงคู่ชีวา
คุณยายนั่งอยู่ใต้ต้นสนจากเช้าจนสาย จนบ่าย จนเกือบเย็น เสียงเด็กๆที่วิ่งไล่ วิ่งเล่นกันจนเหนื่อย เสียงนั้นค่อยๆห่างไกลออกไป ละอองทรายปลิวร่อนตามลมปะทะหน้าคุณยาย รอยยิ้มปรากฏในดวงตาของหญิงชรามองย้อนอดีตผ่านรอยทราย อยากตามฝันไปถามเพื่อนๆว่า มีใครจะรัก..ชูมือขึ้น แล้วส่งใจมาตามลมผสมความคิดถึงก็คงดีนะ อิ อิ อิ .รออยู่
เขียนที่บ้านพระประแดง
18 กรกฎาคม 2547 11:28 น.
อาภาภัส
อยากเอ่ยคำคำนี้ผ่านฟากฟ้า
คือคำว่าด้วยรักและคิดถึง
ให้มวลเหล่ากวีสานความตราตรึง
ดุจดั่งหนึ่งเพชรจรัสมนัสงาม
อยู่แห่งไหนแสนไกลใจจงรู้
นบพธูมิ่งมิตรชาวสยาม
อาสาชาติอีกมาดเพียงในนาม
หากใจความล้วนเทอดภาษาไทย
เราเกิดมาที่มาต่างพ่อแม่
แต่สิ่งแน่แม่เราชาติศรีใส
ชีวิตสุขใต้ร่มรัตนตรัย
เงาหัวใจไร้เหงา.อิ่มเริงชนม์
คราบรอยกาลวีระบุรุษสร้าง
อาณากว้างตกออกบอกมุ่งผล
ให้ลูกหลานสืบสานธราดล
เอาใจวนเหนือใต้คือหนึ่งเดียว
ท่านหลั่งเลือดเชือดสานผ่านความสุข
เราจงปลุกสามัคคีอย่างแน่นเหนียว
ร่วมแรงรักร้อยถักประสานเกลียว
ให้ดั่งเคียวคมฟาดอำนาจเพลิง
ทุกอณูผืนภพแผ่นดินทอง
ผูกจับจองพลีชีพเพื่อเถลิง
ชาติอยู่ยั้งพลังแกร่งเถกิง
บุญบันเทิงชโลมอาบคราบธุลี
โลหิตรดหยดหยาดครั้งโบราณ
จงผสานเสริมใจปลูกศักดิ์ศรี
ทุกจิตล้วนจงจำคุณความดี
อย่าหน่ายหนีหลีกบั่นฟันกันเอง
ตัวข้าน้อยแสดงบทพจนา
คงภาษาบรรพชนทั่วโลกเหยง
ไทยใหญ่ยิ่งเขาสยบเขายำเกรง
ลือระเบงเกริกกล้าสง่าธรรม
เราโอบเอื้อเจือจานทุกดวงจิต
รักสถิตย์ผนึกนานมิถลำ
คารวะบรรพบุรุษเป็นประจำ
สว่างล้ำเรืองสวรรค์ผดุงเมือง
เลือดทุกหยดรดชาติมิสาดเปล่า
ผองต่างเหล่าละออระเรื่อเหลือง
เทหัวใจผืนไทยยังประเทือง
เนานองเนืองเนื่องนับวะวับใจ
ด้วยความรักคิดถึงซึ่งตรงมั่น
ใครโรมรันคงคร้ามขยาดไถล
ด้วยไทยล้วนอวลรักภักดีไทย
หลอมดวงใจเทิดไทยไปนิรันดร์
ณ..ที่นี้พึงรู้พึงสดับ
ลำนำขับพลีมามอบมิ่งขวัญ
ขอดวงใจอย่าร้างอย่าลืมกัน
ดั่งทุกวันคงแสงอรุโณทัย
.. ด้วยรัก และคิดถึง..
อาภาภัส
15 กรกฎาคม 2547 21:47 น.
อาภาภัส
รักเจ้าเอยตัวตนเป็นแบบไหน
รักสีใสสวยสดหรือโศกศัลย์
รักสุกสว่างราวดวงแห่งวงจันทร์
รักงงงันรุ่มร้อนหรือรวนเร
คำกลอนข้างบนนั้นเป็นความคิดที่เด็กหญิงคนหนึ่งอยากเอ่ยถามกับฟากฟ้า เด็กหญิงคนนั้นเชื่อและมั่นใจเสมอว่า ดวงดาวที่ส่งประกายในฟากฟ้า
ดุงดังความสว่างในเรือนใจของมวลมนุษย์
หยาดนำฟ้าหลั่งลงตรงชานบ้าน
มือน้อยสานห่อรวมมิหันเห
ละอองทิพย์รสหวานสมคะเน
ไร้ร้อยเล่ห์สุขหนาพาใจเพลิน
ยามเยาว์วัยใจสดสะอาดเอื้อ
ชอบก่อเกื้อห่วงใยไม่ขัดเขิน
ฝันสุขซึ้งตรึงจิตให้ไกลเกิน
เหมือนเหาะเดินเหิรบินอินทรีย์เบา
สายฝนที่หลั่งลงดินวันแล้ววันเล่า เปลี่ยนกาลเวลาจากวันเป็นคืน
หลับใหลผ่านหลายราตรี เปลี่ยนเดือนเป็นปี และหลายปี ณ..ที่เก่าเวลาใหม่
พายุแรงพัดอลอยู่อึงมี่ ฟ้าคะนองฤทธีราวแผดเผา
สรรพสิ่งหลบสลายเห็นเพียงเงา ใจคนเราดำถึกราวฟ้ามัว
รองนำฝนรางเปื่อยทะลุขาด ฝนซัดสาดเปียกเหลือยามฟ้าหลัว
เวลาหนึ่งพึงอยู่อย่างหวาดกลัว หลังคารั่วอุดได้แต่ใจเอียน
ต้องก้มหน้ากอบนำมากำหนด อนาคตหดแสงจนปวดเศียร
อนาถหนอรอเพียงทางวงเวียน แม้พากเพียรเฆี่ยนยับพับรอยใจ
ความแปรปรวนจากฟ้าที่ปรวนแปร สอนไว้แน่นิ่งนึกเหตุไฉน
พรหมลิขิตขีดทางแค่บันได เหลือหวังไขว่คว้าหวังลงถังดอง
จะได้เก็บชื่นบ้างยามทางร้าง ที่เจือจางอารีทวีหมอง
แผ่นดินใหม่ใช้ฝันเข้าครอบครอง ดุจเรือนทองส่องสุขทุกเวลา
ฟากฟ้าที่มืดมิดไร้ดาว ละอองฝนยังสาดกระเซ็น หนาวใดคงไม่เท่า
หนาวในใจ ณ..ที่เก่าเวลาใหม่ สิ่งที่เหลือไว้ ..หญิงชราที่มีดวงตาฝ้าฟาง
มองหยาดฝนแห่งวันวานที่ใสสดเหลืออยู่ในรอยใจ
อากาศที่เปลี่ยนกระทันหัน พายุฟ้าคะนองซัดสาดหลังคาที่สกปรก..
ยามเอื้อมมือรองนำ...แม้ดำกระด่าง .ก็ต้องทนและเจียม
ขอชีวิตสร้างฝันวันละนิด ขอนำจิตผูกกลอนให้หรรษา
ขอให้รักคงอยู่อย่าโรยรา ขอฟากฟ้าห่มพักถักทอใจ
ขอวันคืนตื่นพบในสิ่งดี ขออย่ามีโศกตรมมาบ่งไข
ขอให้ฉันอย่าต้องระทมใด ขอเพียงให้ทุกสิ่งที่ขอเทอญ
15 กรกฎาคม 2547 20:32 น.
อาภาภัส
อาภาภัส
หยิบกอบใจใส่ใจให้ฮึดสู้
แม้นไม่รู้เร่งคิดให้หายฉงน
โลกใบนี้มีแปลกแยกปลอมปน
มันอลวนเหลือเราจะเข้าใจ
กว่าจะเปิดเน็ตได้แทบตายชัก
งงยิ่งนักคอมเราแน่ใช่ไหม
ถ้าหากแน่เจ้าของลองกดไป
เอ...ทำไมแค่พิมพ์ก็ทิ่มพัง
โอยขี้เกียจต่อยาวสาวให้ยืด
ไอ้ความฝืดจากเงาเราแทบฝัง
หมดลมไปกับโกรธโทษตุงนัง
ดีว่ายังกลั้นใจเหลือไว้เทียว
เอามาโปรยเป็นรักฝากฟากฟ้า
เผื่อเทวดามาเก็บไปแลเหลียว
คุณยายเชยไม่ต้องอยู่คนเดียว
จะเหาะเที่ยวเกี่ยวก้อยกับเทวดา
จะล่องเรื่อยเฉื่อยชมวังพรหมหรู
แวะสักครู่เอื่อยคล้อยลอยไปหา
พระอิศวรมวลเหล่าเทพธิดา
คุยบอกว่าชาวไทยสบายดี
พระนารายณ์ย้ายครุฑไปเฝ้าเงิน
ช่างเพลิดเพลินออมสินแสนสุขศรี
ประชากรทั่วไทยโพมกวี
ต่างทวีรักล้นบนทางวรรณ
พักนิดหนึ่งขอพึ่งเทพตัวน้อย
ช่วยเคลื่อนคล้อยศรเล็งเก็งสวรรค์
หล่นบนหัวขั้วใจใครนับพัน
ระทึกลั่นมั่นรักพักพิงทรวง
แล้วแถมยายเชยนิดติดทางสวย
ช่วยอำนวยเจอตาหน้าแบบหลวง
จะได้ยืมมาทำเป็นคู่ควง
เผลอดูดวงต๊ายตายยายลานะ
เหอๆๆๆ นานๆเจอ ขอทะลึ่งสักนิดนะ อย่าว่ากันเขียนหน้าคอมจ๊ะ คอมที่ไม่เอาไหนเสียด้วย
11 กรกฎาคม 2547 20:54 น.
อาภาภัส
ขอโทษโพสต์ใหม่ไม่เข้าหน้าส่วนตัว
กาพย์สุรางคนางค์
เรียงถ้อยรจนา สื่อความตามหา ผู้กล้าเกริกไกร
อ่อนโยนโอนอ่อน ราร้อนสดใส งามสุดจากใจ ยิ่งใหญ่ความดี
ดั้นด้นค้นหล้า จรทั่วฟากฟ้า ดาวเดือนเลื่อนหนี
ยังอยู่กู่ก้อง เพียรมองสุขี ดาวลาไม่มี ดาวดีลี่เลือน
ทอดถอนรอนจิต วาดหวังยังคิด ชีวิตเฉเชือน
ราตรีมืดมัว ฟ้าหลัวกลัวเกลื่อน พบคนงงเงือน มิเหมือนคนจริง
เจรจาจ้าแจ่ม หวานถ้อยร้อยแถม กลัยคล้ายโดนสิง
เงาวูบลูบลม คารมหนุงหนิง ฝากคำอ้อนอิง ท้ายทิ้งวิ่งหาย
หลายวันผ่านภพ สุดตาล้าลบ กลกลบกลับกลาย
เปลี่ยนแปรแก้ไข มิใช่ชัดฉาย ปล่อยเราเดียวดาย สิ้นสลายเริงรมย์
โอ้หนอองค์ฟ้า ท่านใหญ่เหนือธรา วานผูกปลูกพรหม
หากแม้นเทวฤทธ์ ยังสถิตย์คู่สม ขอรักเชยชม หวานชิดสนิทครอง
จารรักสลักคำ เพื่อเพลินลำนำ ให้ใจทั้งผอง
รวยรื่นสราญรัก พิงพักสมสอง หวังใดใครปอง จงพ้องพราวแพรว
วันนี้ลองเขียนดู ตามที่คุณ ม. อยากอ่าน แต่เป็นกาพย์สุรางคนางค์
เรื่องรัก .เขียนยากจังค่ะ
อรุโณทัย อาภาภัส