25 เมษายน 2547 01:30 น.

......สักวัน........

อาภาภัส

   

           
                เก็บอารมณ์ข่มใจในความรัก
                เทพพิทักษ์ท่านลืมเลือนลางหาย
                มิใยกู่เกริกฟ้าแทบวางวาย
                เงายังฉายฉาบเร้นเป็นแรมรา

                
               ใจยังด้นค้นตามพนาเนิน
                แลพิศเพลินมวลเหล่าภมรผา
                ล้วนโฉบฉิวปลิวส่ายบันเลงลา
                สุดเหลียวหาคราโศกทั้งโลกครวญ


               บุกยังแดนแมนสรวงบ่วงสวรรค์
               เข้าเขตฝันฝากพรหมยังผกผวน
               ด้วยนิทราลืมเปลี่ยนปรับกระบวน
               รักจึงรวนป่วนพิษฤทธิ์ราวเพลิง


               เริงโลดลิ่วลามเลียเพลียชีวิต
               หวังศรสิทธิ์สลักใจให้เถลิง
               ก่อเกิดเกลียวเหนี่ยวรัดกระหวัดเริง
               มิป่นเปิงคงมั่นมโนรมย์


                แต่อาเภทเมฆามามีดมิด
                กั้นบังทิศทางจรจิกถาถม
                จึงวอนลมผายผันเบิกทางตรม
                ช่วยชี้ชมนำชักรักมาเคียง


                 จารจดสาส์น สื่ออินทร์อิศวรสรวง
                  จงตักดวง หฤทัยมิเหเฉียง
                  โปรยพิภพ สยบรัก จัดรายเรียง
                  พร้อมพรักเพรียง เสียงพิณ  พรมประดัง

 
                  กล่อมเจ้าเอย หัวใจ  ให้หวานหวาม
                  ฟ้างดงาม เติมสี    ระวีหวัง
                  ผูกใจคู่   รัวพลัน  ลั่นระฆัง
                  สวรรค์ฟัง บพิตรเอื้อ  เกื้อ   สักวัน
                  



                 

               
				
23 เมษายน 2547 04:59 น.

@....ทะเลใจ....@

อาภาภัส

    ครึกครืนคลื่นทะเล
                                      ลีลาเร่อีกแปรปรวน
                                      ลมครางพลางคุมวล
                                      วารีตื่นโลดเริงชล
                                   
        ม้วนตัวเป็นเกลียวพัน
        กระแทกทั้นธราดล
        ย้อนคืนกลับเวียนวน
        ระลอกใหม่ในนที
            
                 ตราบโลกยังอยู่นาน
                 ทะเลซ่านก็ยังมี
                 บทบาทตามวิถี
                 แห่งชลธีทะเลทอง
     
       บางครามาท่วมท้น
       วารีวนทุกวันนอง
      เปรียบเรายามนึกมอง
      คนึงครวญในจิตใจ

                ว่ายล่องทะเลรัก
                เทพนำชักจริงฤาไกล
                ด้วยยลดวงหทัย
                มวลมนุษย์มากหลอกลวง

      ใจเรายังโลดแล่น
       ไหวตามแก่นก่อในทรวง
       งงงันหวั่นห่วงหวง
       เบื่อความลวงแห่งดวงมาลย์

               บางคราดูหวาหวือ
               บางครั้งคือดื้อดักดาน
               คึกเผ่นโผนทะยาน
               รินลาศเลื่อนบ่หยุดเชย
      
      ยอมเจ็บยอมกำหนด
      ยอมจำจดมิลาเลย
      ชะรอยใจเจ้าเอย
      ยังใฝ่หาอารมณ์ฝัน

               ราตรีล่วงเลยดึก
               จิตระทึกโลดผายผัน
               ล่องไปดุจตะวัน
               รี่รุดไหลดั่งวารี

      ทะเลไม่เคยหลับ
      ใจเจ้าพับจับชีวี
      มองหาไม่เห็นมี
     หทัยเลิศที่หวังครอง

                  ใจคนจ่อชนใคร
                   จิตนั้นไซร้ไคล้ใฝ่ปอง
                   มุ่งหมายและจับจอง
                   สมัครสมานสราญรวม

                                        ณ ถิ่นหทัยนวล
                                         อลรักล้วนบ่กำกวม
                                         ตาเอื้อเกื้อรักสวม
                                         จึ่งฝากไว้ในกานท์กลอน

                                         เป็นนัยทะเลใจ
                                         หากรักใครโฉมบังอร
                                          ต้องชิดต้องออดอ้อน
                                          มิอยากหลอนทะเลลวง
                 
                                                  				
22 เมษายน 2547 08:09 น.

.... รัก..ยามรัก..

อาภาภัส

สวัสดีค่ะทุกท่านเช้าวันนี้มีภาระงานเยอะ ก็เลยจะลองเขียนแบบที่เขาเรียกว่ากลอนเปล่า แต่นี่เป็นชิ้นแรก ถ้ามันไม่ใช่ ก็ให้ถีอเสมอว่ามาเดินเล่น แล้วอ่านหนังสือแล้วกัน  ลองชมนะคะ


    
  อารมณ์ที่ละเอียดอ่อน   หวาน นวล  อบอุ่น  กระโดดไปมา ...ใช่..
      อยากอยู่ใกล้  มองหน้าสลับไป ยิ้มด้วยสายตา  ...ให้
      แก่คนที่เรา..ซึ้ง   คนึงทุกเวลา .....เธอ
      ผู้งามประดุจ..ทิวา  .หรือราวจันทร์แจ่มฟ้าในราตรี ..เลิศเลอ
      

       สามลมที่วาบหวามยามนี้..กอบเอาดวงใจ ฉันไปเร็วรี่ ...มอบ
        แล้วเริงระบำคลี่ลีลา  จารึกเป็น  ภาษา  ว่า....ชอบ
        หัวใจใคร...ใครคนนั้น   รู้คำ....ตอบ
        กาลเวลา ทดสอบ มอบ ชอบ ตอบ ให้....ใจจริง


        แรงลมเริ่มรัวรัวอคร้าว
        ดุจจะสาวคว้าสุขมาปลุกสวรรค์
        ให้เมียงมองร่ายมนต์ประกอบพลัน
         รัก วางพลันช่องใจ ในทุกคน

          สรรพสำเนียงเรียงร้อยดนตรีรส
          จงสะกดทุกหทัย ให้ฉงน
          ยามมีรัก ..ลอยนิด..จิตกมล
          แล้วเวียนวน หล่นใจ ไปชิดเคียง

           คิดกลับไปแล้วมา ถ้ามีรัก
           ไม่เห็นพักตร์ สร้างพิมพ์  ริมเฉลียง
           ใจจ่อใจ ผูกใจ ไปวางเรียง
            มิเปล่งเสียง ยังรู้  ว่ารักกัน

            ผีเสื้อบิน อินทร์ท่านปั้นมาให้
            ดอกไม้ไหว  สายลม  ช่วยพรมฝัน
            ธาราเอื่อยเรื่อยใส  ในไพรวัน
            องค์พรหมท่าน ขีดรัก สลักงาน

            กามเทพ รุดเลื่อน  ไปเยือนเยี่ยม
            ศรรักเปี่ยม ปักลึก   ผนึกสาน
            ใครมีรัก  งายงง   ตรงดวงมาลย์
             คอยแต่หวาน หวั่นไหว ในเพลงพรหม

             โอ้ตัวเรา เล่าเอย  เคยวาดฝัน
             ขอมีวัน รวีใส  ไม่ร้าวขม
             องค์พรหมเอย  ช่วยนำ  ชื่นชอบชม
             มาผลิบ่ม  รมย์รื่น   ณ  ดวงใจ

             แม้นคู่กัน  ฝันดี  มีแต่สุข
             มิเข็ญขุก ทุกข์หน่าย หายร้างไหล
             อัญเชิญชิด คิดรวม ดวงหทัย
             ผูกรักไว้ แนบสนิท  นิจนิรันดร์


   ปล.  อาจไม่ค่อยดีนัก แต่คิดทันที แล้วจารลงมา  ปนๆกันนะคะ

             อรุโณทัย  อาภาภัส

           ๒๒ เมษายน    ๒๕๔๗

       
            




				
19 เมษายน 2547 19:19 น.

…+ สื่อ…หัวใจ.+ …..

อาภาภัส

                  

                      ตะวันลอยเลื่อนลับทับแนวไม้
                   พนาไพรไหวร่นระคนเหงา
                   สกุณาถลาร่อนเริ่มบางเบา
                   แสงทองเพลาโรยรอนอ่อนตามลม

                     ผีเสื้อน้อยอ้อยเอื่อยเรื่อยลงพัก
                  มดแดงกั๊กกลั่นแกล้งแซงผสม
                  มดดำจ้ำแบกหามความระบม
                  เหนื่อยตรอมตรมต่อสู้ไม่อู้งาน

                     เรไรร้องก้องป่าวนาสวรรค์
                  ราวปลอบขวัญหัวใจให้ฮึกหาญ
                  ฟ้าโปรยยิ้มพริ้มพยักเพลินสราญ
                  ไยดวงมาลย์ยามนี้หรี่ริบแรง

                     ลมรำเพยเชยกลิ่นกุหลาบหนาม
                  ใจวาบหวามตามลมใกล้สิ้นแสง
                  อ่อนระทวยทดท้อดุจแมลง
                  จรจากแหล่งเร่หาผกาเพลิน

                      อุราเราระทมทุกข์ท่วมท้น
                  ครวญค่นค้นคนซึ้งซึ่งเหาะเหิร
                  เมฆาเอ๋ยเฉยชาฤาหมางเมิน
                  แม้ไกลเกินเกี่ยวใจไว้ใกล้กัน
 
                     สายัณห์เตือนใช่เลือนความคิดถึง
                  เพลงรำพึงคำเดียวเกลียวสานฝัน
                  รักผุดผ่องล่องเหน็บเก็บตะวัน
                  เพียงรำพัน สันต์สุข  สื่อหัวใจ

                    ผูกคำกลอนราวอ้อนวอนความรัก
                  อีกทายทักเปรยเปรียบให้หวานไหว
                  รักนั้นหรือคือค่าแห่งฤทัย
                  งามยิ่งใหญ่ ก่องหล้าครายามรัก				
19 เมษายน 2547 08:21 น.

….@ อรุโณทัย @....

อาภาภัส



                  อินทรวิเชียรฉันท์    (เวลาอ่านเหมือน บท  องค์ใดพระสัมพุทธ)

                                             
            เรืองรุ้งระวีเรื่อ          วรเจือมหิครอง
        นวลตา ณ แสงทอง      กรเกื้อ  ธราดิน

             สีใส ธ  พราวพราย       ธ ประกาย นรามินทร์
         ลีลา ลุ วาริน                วิรเลิศประเสริฐงาม

              ลิ่วลอย เลาะ เมฆา      ชนพา วจีตาม
         แซ่ซ้องระบือนาม         ดนุองค์วโรดม

              ไออุ่นละมุนเริ่ม           พล เติม สง่าคม
          ยิ้มแย้ม และชวนชม    มนจิต วิรุฬห์ชน  (วิรุฬห์=  (ว)  เจริญ  งอกงาม )

                         ไมตรีดนุมอบ               วิภัชตอบ ณ กลางกมล  (วิภัช =แบ่ง)                  หวังเห็นหทัยคน             สุขเนืองระเริงใจ

               บำรุงอนันต์ฟ้า              ธุระหล้ามิเปลี่ยนไป
           ยามเช้าสว่างใส            วิมุตล่อง และเกื้อกาล       (วิมุต =  พ้น หลุดลอด 
มีอิสระ)

                พฤกษาไสวกิ่ง              รติยิ่งสุขใดปาน             (รติ=ความยินดี)
             คณานับประเทืองสาน       พิสุทธิ์ศรีรวีสรวง

       
                อรุโณทัย  อาภาภัส
                ๑๙  เมษายน  ๒๕๔๗
                        

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอาภาภัส