7 สิงหาคม 2547 07:12 น.
อาภาภัส
อารมณ์ พรมคำ ฉ่ำเศร้า ความเหงา เดียวดาย ปลายสาย
หวังฝัน มั่นรัก พรรณราย มิหน่าย ผูกซึ้ง พึงใจ
ลอยลม ล่องใจ ให้ฟ้า รู้ว่า ยามนึก คำไข
คือเธอ ฉันฝาก ความไป ภายใน คือเธอ เสมอมา
เธอครองหล้าโลกอนันต์กาล ยืนนานกว่าภพแผ่นผา
คลุมครอบมวลเหล่า สกุณา โสภาพราวเพริศภุมริน
พฤกษ์ไพร แกว่งไกว ไหวก้าน สดสคราญเขียวสี ริมสินธุ์
สดงามมิแพ้กายิน อัมรินทร์อินทร์องค์ทรงธรรม์
แต้มแต่ง ชมพู เหลืองขาว แพรวพราว ระดะ คละสรร
มาลีจรุงกลิ่นนับพัน เติมฝัน ผูกโบว์ โชว์คำ
นึกอย่างสกุณา เริงร่า เพลินหล้า เลื่อนผิน ถิ่นถนำ
บำรุงรากใจให้จำ ค่าล้ำ ความดี บรรพชน
วิชา พาตน ยลค่า วิชา รู้หนา สถาผล
วิชา สร้างความเป็นคน วิชา อยู่พ้น ห้วงอบาย
สืบสาน ผ่านกาล สั่งสม สังคม เปลี่ยนวัน เปลี่ยนสาย
ค่างาน เหมือนหาย กลับกลาย ขอบซ้าย วิ่งหน้า หาเงิน
เงิน เงิน เงินใจ ไร้เงา ดงเดา เดินเดียว ทางเถิน
เหนื่อยหนอ ทดท้อ กรรมเกิน มาดเมิน หมดรูป ซูบทรวง
ใครเลย เร่งเผย เจิดจรัส ชนมนัส ชนชื่น ชนหวง
ฉ่ำซึ้ง คำครู ทั้งปวง ท่านล่วง ค่าอยู่ ครูจริง
ปลวกเอย เจ้าเดินไปไหน กัดใบ กร่อนราก ตัดสิงห์
โอ้เอ๋ย โยนเพชรให้ลิง ลากวิ่ง ทิ้งเถื่อน เลื่อนลอย
อยากมีหัตถาวราฤทธ์ ลิขิตสั่งการ สับถอย
ฉลาดเหลือ เจือคน ควรคอย มากน้อย เชิดค่า ตราชู
มิเสีย แรงเปล่า เจ้าสร้าง วางรางมิให้ อดสู
โง่เง่า ขาดรู้ ขาดครู อย่างหมู พอกดิน ถิ่นแนว
อาจม อมจ้า อาเจียร พากเพียร เวียนวับ สับแถว
เหลือหลัง สิ่งหวัง มวลแมว นอนแห้ว ซมเซา เมายา
สายเอย สายน้ำ อำไพ เหลือใส สีดำ ใช่หนา
สะอาด คงค่า ปราสนา วิญญา จึงคง ดำเคียง
เสกลมพรมคำใคร่คิด ลิขิตแห่งองค์ สุรเสียง
ฝากหล้าชนร่วม ผดุงเผดียง เป็นเยี่ยง โบราณ สืบไป
อรุโณทัย อาภาภัส
๗ สิงหาคม ๒๕๔๗
7 สิงหาคม 2547 06:17 น.
อาภาภัส
ถึง ....คุณฟ้า กว้างไกล ในลานฝัน
จากใจฉัน ระลึก นึกเสมอ ณ วันใดจะได้พบเห็นเธอ
มิคิดเก้อตัวตนอยู่หนใด
หยิบกระดาษก้านกอคือจอคอม เขียนคำพร้อมวจีที่สดใส
บอกมาว่าทุกห้องแห่งดวงใจ ยังหลงใหลใครหนอทีรอคำ
บนฟากฟ้าแห่งนี้มีสิ่งสวย วับวาวด้วยหฤทัยมิตรคมขำ
ที่เฝ้าเพียรเขียนกลอนอ้อนลำนำ ใจจดจำเห็นค่าน่าชื่นชม
มีนำทิพย์จิบน้อยไว้คอยทัก มีลมรักชักพาให้สุขสม
มีหวานหวั่นฝันหายคลายอารมณ์ มีตรอมตรมคมปากฝากตรมตรอม
เล่นคำผวนกวนคำนำมาล้อ กลบทพ้อลิลาน่าถนอม
โคลงคำคมชมกันมิมียอม ล้วนรายล้อมหวังย้อมห้องวิญญา
ประสานรักชักจิตสนิทสนม ดึงพระพรหมมาเที่ยวให้หรรษา
เดินเกี่ยวก้อยร้อยสุขแรงศรัทธา ปลูกภาษาสถิตกาลสานกานท์กลอน
รวมตัวหนอนนับร้อยมาคอยอ่าน และเล็มผ่านร่วมไปเปรียบดังหมอน
ให้นอนหนุนอุ่นหลับเพลินคำวอน ช่วยคลายร้อนห่มกายใจสุขจัง
อย่างวันนี้ลีลาที่มาเขียน หวังพากเพียรจดหมายมอบความหวัง
มอบหัวใจฝากซึ้งถึงคนดัง คนที่นั่งหลังคอมจอมไม่จริง
ต่งล้วนมีนามแฝงแสดงเหตุ สุริเยศงุนงงล้วนแต่สิงห์
อาภาภัสเป็นนามตามความจริง จะสุขยิ่งหากพบครบทุกคน
จดหมายกลอนวอนมาก็พอควร ส่งความหวลครวญไขให้ฉงน
รักถึงรักถึงฟ้าถึงทุกกมล รักมีล้นสลักสายปลายเมฆา
จะอยู่ไหนสุดไกลใจส่งถึง ยังตราตรึงด้วยใจเสน่หา
มอบใจรักเรียงร้อยร่วมลีลา กลั่นภาษา ว่ารัก นิรันดร์กาล
อรุณลับดับฟ้าฤาส่องสว่าง ใจยังวางเคียงมาลย์สานสืบสาน
กว่าสิ้นลมคมรักยังบาดจาร ฝังรางผ่านม่านจอ คือดวงใจ
รักละไมใส่มาหน้ากลอนนี้ ฝากนทีล่องฟ้าสู่ลานใส
รักของข้าฝากฟ้าอ่าอำไพ ด้วยหทัย ..คงค่า..ว่ารักคุณ
3 สิงหาคม 2547 10:52 น.
อาภาภัส
รักเจ้าเอยเริ่มต้นณ หนไหน
ร้อนดังไฟฟาดจิตให้คิดหา
ฤาเย็นดุจนำทิพย์รัตนา
ชุบชีวาโชลมกายให้อุ่นทรวง
จากดวงใจใครเลยจะรับรู้
จริงก้องกู่หรือเก็บหรือห่วงหวง
ก็ด้วยใจเจ้าของใจทั้งดวง
เมื่อหากลวงตนแหละแกะกลางดง
หลงอาณาป่าปิดลิขิตสวรรค์
โดนลงทัณฑ์ราวเรื่องวรุณหงส์
ต้องร่อนเร่ตามหาองค์ภุชงค์
หนักเหนื่อยยงหยัดอยู่คู่ธาตรี
กระแสสินธุ์รินไหลผ่านภูผา
ภาพพี่ยามิเผยให้สุขี
หวานใจหวังฝังใจโอบฤดี
จะรักพี่ที่รักจักคงเคียง
ในพนาป่ากว้างรายรอบทิศ
มิมีฤทธิ์อิทธิเปลี่ยนให้เฉเฉียง
หากรักใครต้องมุ่งสร้างจำเรียง
ต้องเผดียงเกียรติอุ้มคุ้มครองตัว
รักลอยวนอลใจในรอยฝัน
รักนิรันดร์ยังอยู่ดั่งเจ้าสัว
รักรวยรักรักใช่ตามืดมัว
รักใช่มั่วลืมรักรักไม่ลืม
วสันต์โปรยสู่หล้ามิรู้จบ
จะกี่ภพกลบใจจนเคร่งขรึม
ก็เหลือรักพักไว้ใจตราตรืม
รินรดปลื้มปลาบจิตสถิตมาลย์
น้ำหนึ่งหยดหยาดศรีชุบชีวา
น้ำใจกล้าเติมกรุ่นกลั่นผสาน
น้ำคำพ้อล้อคุยคือตระการ
น้ำใจนานหวานใจในหวานครอง
เรียงร้อยถ้อยลีลาภาษารัก
หวังพบพักตร์รักหนึ่งมิมีสอง
จะกอบเก็บดวงใจที่ใฝ่ปอง
กอดตระกองพิสวาททุกชาติไป
2 สิงหาคม 2547 21:15 น.
อาภาภัส
รอนเลือนเดือนต่ำเตี้ย ตามวัน
ดุจมุ่งถอนรากฝัน ฟ่านพื้น
อาจเพราะกร่อนความพันธ์ ผูกสั่ง สอนนา
หากมิ่งมิตรจิตชื้น ช่วยสร้างกระแส
ราตรีดับแผ่นหล้า หลากมวล
ควันกรุ่นอาบอบอวล กลิ่นไต้
บดบังหนึ่งนางครวญ คงเห่ นางเดียว
รสเปลี่ยวสานสาดไส้ เซ่นแล้ฟาดฝัน
พายุแรงร่ำร้อง ริมชล
คึกคั่กราวใจคน เควี่ยงคว้าง
กระแทกก่อเกินทน ทลายถิ่น
เหมือนดั่งใจเจ็บร้าง เรื่อยลี้สูญสลาย
วสันต์สายปลายเปลี่ยนเส้น สุรีย์
ผินเผ่นมุดเมฆี แข่งขวั้ม(คว่ำ)
ตราบอนันต์ลั่นฤดี ดาลทุ่ง
ยอมก่อกานท์แกะถ้ำ ถิ่นแท้ดงสิงห์
วารีไหลลั่นฟ้า ฟากสมุทร
มิหน่ายหายหาญผุด แผ่กว้าง
ใจยอมจ่มนวลนุช นึกนิ่ง นานแล
จักอยู่ฤารอนร้าง ร่วมให้ชาติเหลือ
หยาดเลือดหยดสั่งสู้ ศึกตน
หากเหนื่อยจักยังทน ทุ่มกว้าน
จารจรดเพื่อกอบกมล มวลเหล่า เด็กแฮ
หวาดหวั่นมิมาต้าน ต่อเตื้อภาษา
1 สิงหาคม 2547 10:50 น.
อาภาภัส
จะไม่ขอยอมแพ้แก่โชคชะตา
อยากฝากค่าภาษาให้สืบสาน
ยอมเขียนค้นผูกคิดกาพย์กลอนกานท์
เสี้ยววิญญาณเก็บส่วนควรกระทำ
อาจเหมือนว่าเดินหน้าไม่มากนัก
ฤาดังกักขีดกรอบมิถลำ
แต่จริงแท้วิชาเหมือนผู้นำ
บางทีล้ำถอยล่าหน้าไม่เดิน
มวลต้นไม้นั้นเกิดจากเมล์ด
กว่าเพาะเสร็จสั่งสมเป็นเถาเถิน
ลุกี่ชาติสาดน้ำมิหมองเมิน
จึงจะเพลินเป็นหลักให้พักพิง
ครั้นยิ่งใหญ่กระจายพันธุ์ถ่ายทอด
มิใช่มอดกัดไม้แต่คือสิงห์
ต้องสร้างเขตคนขามกันจริงจริง
วางทุกสิ่งเสริมผงาดชาติพลี
ต้องจดจำคำว่าแหล่งกำเนิด
คนจะเลิศต้นน้ำต้องใสศรี
ผ่านเวลานานมานับตาปี
น้ำดื่มสีแทนใสดั่งใจคน
กลเปลี่ยนร่างเริ่มมากจากทุกทิศ
ใจสถิตย์ธรรมครองคล้ายสับสน
เงินใครหนาจ๊ะจ๋าจ้ากมล
ค่วตัวตนดีแว่บแอบริมทาง
เปรียบดังทรายปลิวคว้างกลางอากาศ
เพียงบทบาทจิบจ่อยย่อยขัดขวาง
สร้างถนนปิดเคาะเป็นเกาะกลาง
ยังเจือจางใส่ใจให้รู้คุณ
พอหวังสวยอวยก่อต่อต้นไม้
พอยุคใหม่ตัดตอให้รากสูญ
แล้วกลบสร้างอ้างให้บริบูรณ์
คูนกับคูณกระทบไหล่ตรงตัว ค
ค ความคิดคูณเก็งเล็งผลเร่ง
ค ความเคร่งเครียดมามิต้องขอ
ค คูนไม้ไร้ค่าตาไร้ตอ
ค คงรอโลกสลับกลับกลายคน
บนดินแดนแสนไกลใกล้แหล่งน้ำ
ใจสีดำคล้ำเคล้าออกลูกผล
กลิ่นประหลาดผิวแปลกคล้ายรูปปน
แหวะกมลเจอสวะคละคลุ้งกาล