11 พฤษภาคม 2547 02:35 น.
อาภาภัส
กามเทพ สุขสันต์ กับวันหยุด
แอบมาผลุด สลับโผล่ โล้ทางฝัน
ยิงศรแจก แซกใจ ทุกวัยพลัน
แต่ไยนั่น แถวพนา เมฆาบัง
มีด้วยเหตุ อันใด กระไรหนอ
เรียกรถหวอ วอฟ้า วิ่งขมัง
ตามไปดู รู้ชัด ถนัดจัง
มิถึงฝั่ง ยังแว่ว แผ่วร้าวรอน
ยินสำเนียง เสียงร่ำ ฉ่ำดวงเนตร
เกิดอาเภท ฝนหลั่ง ราวทอดถอน
สงสารใจ รวดร้าว ไร้อาทร
องค์แอบซ่อน เล็งลักษณ์ ประจักษ์ตา
ณ ราตรี คลี่ทับ จับผืนฟ้า
ลุเวลา คืนดับ พับอุษา
ไร้ดวงดาว พราวแสง ส่องนภา
หยาดน้ำตา เลื่อมพราย กระจายแทน
รินหลั่งไหล จากใจ อนงค์นุช
พักตร์ผ่องผุด สุดเศร้า โศกเหลือแสน
นางเหลียวหา ผวาไหว ในไพรแดน
ไม่มีแม้น เหมือนชน คนรอคอย
ทั้งวิ่งพลาง เหลียวหา มิอาจเห็น
นางลำเค็ญ คิดถึง มิท้อถอย
เฝ้าจงรัก สลักลึก จวบดาวลอย
ล่วงนับร้อย ปีผ่าน นานเท่านาน
อินทรวิเชียรฉันท์
ขอบเขต ณ แดนใจ จะสดใส สว่างตา
หญิงนางหนึ่งคอยหา ณ อุรา ระทมเหลือ
เวียนวน ดุจ หลงฝัน มนผัน มิ หน่ายเจือ
สัญญา ดนูเกื้อ จะกักก่อ ผิ ราโรย
ความซึ้ง หทัยหวาน ชยหาญ ผสานโดย
เมตตา สง่าโปรย นุ ช รอ พธูนาง
โอโอ้กระไรเลย รติเฉย ฤเมินหมาง
นางวอน สะอื้นพลาง ดุจร่างก็กลับกลาย
แข็งซบ ณ ที่นั้น วนลั่น มิเลือนคลาย
ร้าวทรวง มิ ห่วงหาย จะรัก รอ นิรันดร
ดวงมาลย์ สิ อยู่ฟ้า สุดจะหา ตะวันจร
มองเมียง บ่หลอกหลอน อุระมั่น สะท้านสรวง
10 พฤษภาคม 2547 07:49 น.
อาภาภัส
ปรี๊ด ปรี๊ด ปรี๊ด เสียงหวีด เป่า
รักแบบเก่า หนังไทย มาฉายหนอ
จอดชิดซ้าย หลายคัน จะได้พอ
ผมยืนรอ เฝ้ารถ หมดทุกคัน
อ๋อ.ตั๋วหรือ อือ..มี กี่ที่ครับ
ขอเชิญนับ เงินทอน ก่อนผายผัน
ขอบคุณครับ เดินชิด ทางขวาพลัน
ดูหนังกัน นางเอก เสกจากดิน
ตะวันหวาน มูวี่ นี่เสนอ
รักเลิศเลอ เจ้าชาย เมืองทรัพย์สิน
อยู่ในวัง เบื่อจัง นั่งนอนกิน
ไม่ยลยิน ร้อนรุ่ม กลุ้มพระทัย
ผลุดลุกเดิน เมินนั่ง หน้ายังคิด
ฝันในจิต จำมา หน้าสาวใส
น้องนวลนาง อิงข้าง มิร้างไกล
สาวเป็นใคร ใจเจ้า อยากเว้าวอน
พระบิดา ประกาศ ผงาดฟ้า
ทุกเวียงมา เรียงเลือก เป็นมิ่งสมร
เจ้าชายส่าย หลบพักตร์ แล้วจากจร
โฉมบังอร ล้วนห่าง นางในดล
เหตุจะเป็น มันเป็น เป็นไปได้
เช้านั้นไซร้ ให้หิว อยากกินผล
มะม่วงสุก จึงลุก ไปเยี่ยมยล
แลเห็นคน รูปสวย อวยนัยน์ตา
นางหันมา สบเนตร วิเศษนัก
นางนงลักษณ์ สาวงาม เฝ้าตามหา
นางน้องเอย มิรู้ อยู่นี่นา
นางเป็นข้า รับใช้ ในก้นครัว
จะเป็นใคร เป็นไร ใจมันรัก
กามเทพชัก ศรใส่ ในเงาสลัว
รักชนรัก ตาซึ้ง รักระรัว
ระฆังทั่ว วังเวียง เสียง ชื่นชม
เจ้าชายได้ ชิดใกล้ สายสมร
มิร้าวรอน ใจคลุก เคล้าสุขสม
พรหมลิขิต ขีดรัก ชักมาชม
กลอนคารม จบตอน ต้องจรไกล
ก่อนจำจาก ฝากคำ รักให้รู้
แอบรักอยู่ ใครอ่าน รักหวานไหว
รักคือรัก จักอยู่ ในดวงใจ
นานเท่าใด ใจรัก ยังรักเธอ
อะไร..ก็รัก (ตอนที่๒) จบนะคะ เจ้าชาย กับนางก้นครัว
แล้วติดตามตอนที่๓นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขที่อ่าน
อรุโณทัย อาภาภัส
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
9 พฤษภาคม 2547 06:57 น.
อาภาภัส
หวอ..วอแต๊วแหน่ว ติ๊ด แต๊วแหน่ว
รถหลากแนว รีบรุด สุดสุดผาย
จุดเกิดเหตุ ตรงโค้ง อันตราย
ล้วนหญิงชาย รายเรียง ระเบียงทาง
ต่างลีลา ใบหน้า ภาษาพูด
กามเทพทูต แซกปน มิหม่นหมาง
ตามองจ้อง จัดคู่ คอยดูพลาง
แล้วจึงกาง ปีกโอบ โฉบดวงใจ
หญิงหนึ่งนาง ข้างชาย คล้ายชื่นชอบ
ศรจึงลอบ ปักลง ให้หลงไหล
ตาสบตา เหมือนฝัน วันยาวไกล
ยิ้มละไม อุ่นรัก พักพิงกัน
พายุพัด ลมพา เมฆหนาจัด
ปลิวสะบัด บ่ายคล้อย คอยความฝัน
อ้าวไหงนั่น หันหลัง เดินจากพลัน
หญิงหนึ่งนั้น หยาดน้ำ ช้ำแก้มนวล
กระไรเลย เหตุไฉน ไยกลับเปลี่ยน
อ๋อเทพเวียน มึนงง เลยผกผวล
ศรยิงไป ไหวมิด ผิดกระบวน
รักเลยรวน ป่วนปั่น ไม่มั่นคง
อันความรัก มักพา ให้รันทด
ดั่งน้ำลด มดกิน น้ำตาลหลง
หมดความหวาน มดงาน เลยมึนงง
รักไม่ตรง ติดตาม ตอนต่อไป
อ่านตอนที่๑แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าว่างจะมาแต่งต่อต้องไปทำงาน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗
อรุโณทัย อาภาภัส
8 พฤษภาคม 2547 08:35 น.
อาภาภัส
แฮ่ะๆ บอกว่าติดธุระ จะออกจากบ้านอยู่แล้ว เปิดเครื่องใหม่ ส่งอีกรอบค่ะ กะว่าหลานสาวหลานชายที่เชียงใหม่จะมาอ่านให้คุณตาฟัง
จากน้ำใจใสสุด ดุจหยาดฝน
จากกมล คนอ่าน คำขานไข
จากกานท์กลอน วอนเว้า ให้เข้าใจ
จากดวงใจ แนบไป ในบทกลอน
เพลินอารมย์ พรมคำ ลำนำรัก
เพลินพบพักตร์ พวงพริ้ม นิ่มสมร
เพลินในเพลง ไทยมิส ปล่อยมาวอน
เพลินเดียวดอน ร่อนเลี้ยว ทางเดียวดาย
ใจดวงเดิม เติมรัก สมัครสิทธิ์
ใจลิขิต จิตลง ตรงงานหมาย
ใจเปี่ยมรัก จักรู้ ค่ารักพราย
ใจมิร้าย ทำลาย ใจด้วยกัน
ให้เพลิดเพลิน พริ้งเพริด บรรเจิดสุข
ให้สนุก เรื่องสั้น สื่อสร้างสรร
ให้น้ำใจ ฝากไว้ ดุจตะวัน
ให้คำมั่น ใจตน ไม่วนใจ
คนละกลอน ย้อนเขียน เวียนกันอ่าน
คนละบ้าน งานแลก แปลกไฉน
คนละคน คิดแผก แตกต่างไป
คนละใจ ใครเหมือน ก็แฝดเกลอ
คอยเวลา ที่ฟ้า เปิดประทาน
คอยคำหวาน ของใคร มาเสนอ
คอยช่วยอ่าน ด้วยหลาน นานจะเจอ
คอบพบเธอ รักเสมอ รักกานท์กลอน
จากเพลินใจให้คนคอย ร้อยมาฝาก
เพียงเศษซาก เหล่ากวี ศรีอักษร
ร่วมหว่านไถ ภาษา ให้บวร
จรัสพร พราวคำ พร่ำไทยโพม
8 พฤษภาคม 2547 06:44 น.
อาภาภัส
เขียนงานชิ้นนี้ด้วยเห็นว่าคุณต้นหลิวใช้ว่า ภาษาให้มีภาษี ก็ลองคิดตามดูค่ะ
ปากตะไกร ใครเห็น คงเร้นหนี
ปากมีสี ด้วยอัด คารมเหลือ
ปากเป็นเอก เสกคำ คนจานเจือ
ปากตลาดเบื่อ น่าเกลียด เครียดคนเมิน
ใจร้ายนัก ใจดำ ทำกันได้
ใจใหญ่ไซร้ ได้เพิ่ม หรือขาดเหิน
ใจนักเลง ไม่กลัว กล้าเผชิญ
ใจเดียวเดิน เพลินรัก หักเดียวดาย
ไม่รอบคอบ ลอบว่า ก็หน้าเสีย
ไม่(ไหม้)ลามเลีย หลับลืม ล้วนหดหาย
ไม่สบาย เสียดสี อาจวางวาย
ไม่งมงาย โง่งัน ก็ทันคน
ตรงต่อเวลา นี่ ดีนักนะ
ตรงตรงละ พระแน่ ผู้กอปรผล
ตรงต่อความดี สิ ตัวของตน
ตรงนี้ปน ฝนคำ สอนไม่เอียง
กัน และ กัน มั่นใจ ในมวลมิตร
กันน้ำสนิท กันซึม กันรั่วเสียง
กันไปกันมา เรื่อย เฉื่อยเหลือเพียง
กันชนเลี่ยง รักช่วย ไยหลอกเรา
ปากใจไม่ตรงกัน นั้นลำบาก
รักจางจาก ฝากรัก ก็ผลักไส
รักจริงแท้ ถมทับ ทั้งทรวงใน
มิบอกใคร ใครรัก รู้จิตคน
รวมร่ายคำ ตามหลิว ปลิวมาตก
ราวโผผก ภาษิต สะกิดสน
เรื่องจริงใจ เตือนใคร ต้องเตือนตน
จากกมล อาภา ภัสใจจริง
อรุโณทัย อาภาภัส
๘ พฤษภาคม ๒๕๔๗
บ้านพระประแดง