2 มิถุนายน 2547 07:46 น.
อาภาภัส
เหนื่อยหัวใจ ทำไม ฟ้าแปรเปลี่ยน
เฝ้าพากเพียรเชื่อฟัง คำสั่งสอน
อนิจจังทุกขังแทบราญรอน
ตัวละครตอนเป็นกระเด็นเลน
หมกดั่งซากกากใยใบข้าวโพด
เหมือนโดนโทษตีตรวนใครแลเห็น
อนาถหนอท้อใจให้ลำเค็ญ
ดุจเพียงเช่นเชยลมอมอิ่มฤา
ค่าความดีมีมนต์กลไกไหม
หากทำได้ผลัดใบไม่ได้หรือ
จงหอบทุกข์คุกเข็ญโปรยกระพือ
ออกใบถือเป็นหุ้นลุ้นรางวัล
ลองคาดเดาคนเข้าแถวรอรับไว้
กี่ล้านใจยินดีแสนสุขสันต์
ยิ้มแย้มรับทายท้าทุกชีวัน
อาบอนันต์เวิ้งว้างอย่างมั่นเกิน
จะกล่อมใจให้ตัวรัวด้วยกลอง
คึกคะนองร้องเพลงพยัคฆ์เหิน
กินรีเริงร่ากราวดำเนิน
ซึ้งเหลือเกินรางวัลพันธุ์อดทน
ดวงดาวเอยมิเคยใสสว่าง
ยามฟ้ากว้างระวีบรรเลงผล
ต่อให้รวมหมดฟ้าทุกดวงดล
ก็ร่วงหล่นเศษหายในนภา
พจนาหาคำมาเรียงร้อย
บอกทีถ้อยเยาะหยันชีวิตหนา
เมื่อไรหนอสะพานแห่งดารา
จะวางค่าคนไว้ด้วยใจจริง
อรุโณทัย อาภาภัส
๒ มิ.ย ๒๕๔๗
พระประแดง
1 มิถุนายน 2547 03:33 น.
อาภาภัส
สวัสดีค่ะทุกท่าน แต่งนิทานไว้เมื่อวานเพิ่งมาลวันนี้ ตอนเขียนเพียงแค่ทะเล้นจะให้อะไร...ก็รัก ดำเนินไป ในรูปแบบที่คิดว่าไงก็รัก ..แล้วก็ ลองอ่านเถอะค่ะ
ณ ริมบึงแห่งหนึ่งซึ่ง ปูเต่า
อาศัยเย้าคุยกันสนุกสนาน
ทิพากรฉาบฉายส่องลำธาร
มัจฉาพล่านแหวกวนสุคนธ์อวล
ปูตัวติ๊ดแต่งแต้มหลายหลากสี
รุดเร็วรี่ไต่ไปพร้อมเสสรวล
บนหลังเต่าด้วยรักประจักษ์มวล
มิเคยป่วนเหยียดหยันในกันเอง
วันนี้เต่าพาปูไปดูที่
แดนสวยสีมีเกาะงามเหมาะเหมง้
กระแสสินธุ์พลุ่งพล่านระบือเล็ง
คึกครื้นเครงโผนผาดสาดกระเซ็น
บนกลางเนินมีทับกระท่อมน้อย
เต่าเจ้าลอยเลียบริมหวังแลเห็น
ผู้ครอบครองพสุธาสง่าเย็น
มะพร้าวเด่นเห็นรั้วกระถินดง
บัดเดี๋ยวนั้นพลันเห็นชายชาวนา
ยืนชมปลานกไพรไก่ป่าหงส์
จึงถามปูดูว่าอยากจะลง
ไต่ทางตรงตรวจถิ่นที่ดินดี
ปูลัดเลาะเดาะหน้าเดินลุยเลน
ตัวมันเอนขาเกไร้ราศรี
เต่าหัวเราะล้อท่าปูมากมี
เสียงอึงมีเซ็งแซ่ จนคนมอง
ก็ชาวนาผู้กล้าน่ายกย่อง
ยืนเมียงมองจ้องคิดจิตหม่นหมอง
ทุกวันนี้ล้วนปูเต่าเอาไปดอง
เพื่อลิ้มลองเชื่อว่าอายุยืน
หากสิ้นคนทนแรงแห่งชาวนา
ใครจะมาไถหว่านและทนฝืน
ให้ได้กินข้าวสุกทุกวันคืน
ลืมตาตื่นสู้ฟ้าคาแผ่นดิน
ฤาเปรียบเราดังเจ้าเต่าและปู
ถูกดองอยู่หลายชาติจากยุคหิน
ต้องกล้ำกลืนยืนบ่นเป็นอาจินต์
ตราบชีวินสิ้นภพคงจบงาน
หันหลังเดินดุ่มลับกลับกระท่อม
หลังโก่งค้อมขาเกเฉเหลือสาน
เต่าและปูตามดูตะลึงนาน
แสนสงสารชาวนาหมดเรี่ยวแรง
นิทานนี้ชี้สอนให้เรียนรู้ สู้สุดกู่ชีพลับจนดับแสง
ค่าของคนผลผลิตผิดสำแดง นิทานแต่งแห่งภพก็จบลง
อรุโณทัย อาภาภัส
บ้านพระประแดง
30 พฤษภาคม 2547 10:04 น.
อาภาภัส
สวัสดีทุกท่านค่ะ อะไร..ก็รัก เขียนต่างเวลาอารมณ์ เป็นของฝากวันอาทิตย์นี้นะคะ
เชิญติดตามค่ะ
บนเส้นทางสายฝันฉันอยู่ไหน
เหลียวหาใครเคียงเหงาเศร้าสุดถอน
ไร้ตัวตนคนจริงสิ่งแน่นอน
ใจสั่นคลอนหลอนเงาเคล้าเดียวดาย
น้ำใสสดหยดหาดราดเศษซาก
เป็นเพียงกากเปื่อยเฉาไร้ความหมาย
ขุดพลังทั้งหมดโถมทั้งกาย
สิ่งที่ได้เพียงวันสวรรค์ลวง
กอบเม็ดเหงื่อเจือดินปั้นเป็นดาว
ใจรวดร้าวสุดข่มหนาวหนักสรวง
ฝันเพียรสร้างสลายวิ่นสิ้นลายรวง
ดังดาวดวงร่วงหายไร้ราคา
เคยวาดหวังตั้งมั่นวันแสนสุข
คนร่วมทุกข์ตราบตายคงมีหนา
ความเข้าใจใกล้ชิดอาจเจอนา
โชคชะตาหลับลงตรงเพียงเรา
สุดจะเอ่ยเผยไขให้ใครรู้
เหนื่อยต้องสู้อดทนจนโง่เขลา
กลั้นสะอื้นกักเก็บอยู่กับเงา
เหมือนซากเก่าไร้รูปร่วงโรยรัน
........อีกวันที่ผ่าน..
หยิบกระดาษวาดฝันกับวันใหม่
เติมความใสสีฟ้าฟากสวรรค์
ทิพากรจัดไว้ตรงมุมพลัน
เหนือแนวสันเนินเขาชรเอมตา
พร้อมพฤกษาใหญ่น้อยเขียวสดสี
กินรีเหินร่อนในเวหา
ผีเสื้อสวยลายสลับระยับตา
เหลืองจุดจ้าแซมส้มอมชมพู
เกาะกิ่งไม้มีดอกงดงามเด่น
ดูดังเช่นกุหลาบเลิศงามหรู
กุนทีรี่ไหลกระเซ็นพรู
ปลาและปูเห็นชัดว่ายเริงชล
ผืนพสุธาทุ่งนาข้าวออกรวง
ย้อยเป็นพวงเอนลมอนันต์ผล
เหล่าหญิงชายยิ้มแย้มแช่มกมล
ข้างเรือนตนกระต๊อบสีน้ำตาล
หน้าบันไดวางโอ่งอันโอ่อ่า
ไก่เป็ดนาคละหลากตรงลานฉาน
รั้วไม้ไผ่ปักคอกกระบือบาน
เกวียนใช้งานวางอยู่ริมกองฟาง
เพ่งพินิจคิดเพิ่มหุ่นไล่กา
พลิ้วร่างท้าแกว่งไกวอางขนาง
ด้วยลำแสงอุลตร้าอาบชมนาง
เสร็จทุกอย่างสานฝันวันเบาเบา
สองอารมณ์เวลาที่เรียงร้อย
หวังใช้ถ้อยสร้างสุขมิหงอยเหงา
ส่งผ่านสื่อกระพือพอทำเนา
รักของเรามอบไว้ในกานท์กลอน
มอบมาด้วยความจริงใจ
อรุโณทัย อาภาภัส
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
บ้านพระปะแดง
27 พฤษภาคม 2547 06:00 น.
อาภาภัส
ค่อยประจงเรียงทรายรายทางฟ้า
ก่อรูปลักษณ์อักษราภาษาศรี
ผูกเป็นคำกลอนกาพย์ตามรอยกวี
ล้วนอารีพลีค่าวิชาตน
มอบความรู้สู่มวลมนุษย์โลก
ชนบริโภคเรียนไว้ไม่สับสน
ขัดหัวใจให้พราวราวเพชรปน
แกร่งสุดทนตราบสิ้นอินทรีย์วาย
แสงส่องทางวางวาดประกาศแจ้ง
สร้างสีแสงสุนทรีย์ที่หลากหลาย
เราเดินรอยพลอยซึ้งตรึงมิคลาย
ชีพสลายลายรักประจักษ์กาล
แม้มรรคาขวากหนามขีดรอยลึก
ยังผนึกใจจินต์จักจารสาน
ต่อรางเลือนเคลื่อนชัดกว่าวันวาน
แม้ต้องคลานคลุกเลนไม่เร้นโรย
ณ ครานี้ฝากวลีคำว่ารัก
มาทายทักทบเพิ่มเติมจิตโหย
หอบหัวใจให้ฟ้าหล่นปรายโปรย
ยามลมโชยช่วยลัดพัดพาไกล
ฝากให้ใครคนนั้นคนไหนหนอ
ที่เฝ้ารอหวานหวามหวิวไหวไหว
ขอออดอ้อนวอนเว้าเร้าเริงใจ
ทุกหทัยสุขสันต์นิรันดร
ฝากความจริงใจให้ทุกคน
ด้วยรัก
อรุโณทัย อาภาภัส
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗
24 พฤษภาคม 2547 19:48 น.
อาภาภัส
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ก่อนอ่านตอนนี้ ต้องขอชี้แจงว่า ผู้ใช้นามปากว่าว่า
ผู้เฒ่า..โง่งม รอว่า..เมื่อไหร่จะถึงตอน ของชำร่วย
เชิญติดตามได้แล้วค่ะ
นราสูรย์จรดลด้นนภา
ลุเวลาธาตรีพิสุทธิ์ใส
สรรพสัตว์ลีลาในพงศ์ไพร
ชลธารรินไหลสู่สินธู
หลากหลายสายกลายเป็นมหรรณพ
สร้างพิภพมัจฉาเลิศงามหรู
อีกฝูงเต่า ปลาหมึก กุ้งกั้ง ปู
ล้วนอิงอู่ อ่าวห้อง ท้องทะเล
ผ่านภพหนึ่งถึงใหม่คลื่นใหญ่ซัด
ชเลสัตว์สิ้นซากสลายเส (ชเล= .ในน้ำ)
ระลอกโหม โถมทับ นับนานเน
เปลือกปนเปปลิวซับกับกองทราย
กุมารน้อยกลุ่มใหญ่วิ่งไล่ล่า
สรวลหรรษาฮาเฮมิเหือดหาย
มือเล็กเล็กคุ้ยเขี่ยขุดมากมาย
กอบกระจายจิกก่นค้นเปลือกงาม
บัดเดี๋ยวใจได้เห็นเป็นกองใหญ่
ขัดล้างใหม่เจาะแต่งจนล้นหลาม
ของชำร่วยขายถูกจนลือนาม
ใครล้วนถามยามไหนก็ได้ยล
จะทำบุญขึ้นบ้านงานโกนจุก
ร่วมสนุกสงกรานต์แจกทุกหน
งานแห่ปลาหาทรายได้ทุกคน
สุขเหลือล้น ชำร่วย แทนช่วยแรง
บุรุษเฒ่า หยิบเอา ของชำร่วย
รูปสะสวย หัวใจ ใส่สีแสง
สลักคำ หวานล้ำ มิเปลี่ยนแปลง
ถึงเหี่ยวแห้ง รักอยู่ มิรู้เลือน
ยังจำมั่น ฝันนั้น ลอยพราวเด่น
เคยเดินเล่น เนื้อนวล หาใครเหมือน
นางน้องมอบ ตอบรัก มิแชเชือน
หัวใจเตือน ชำร่วย ด้วยดวงใจ
..
.
เชิญวาดแต่งแต้ม ฝันหวานรัก รักใครรักมันแล้วกันนะคะ ฝันต่อกันเอาเองเถิด
อะไรก็รัก (ตอนของชำร่วย) ก็ต้องจบแค่นี้
อรุโณทัย อาภาภัส
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗
บ้านพระประแดง