11 กรกฎาคม 2547 20:54 น.
อาภาภัส
ขอโทษโพสต์ใหม่ไม่เข้าหน้าส่วนตัว
กาพย์สุรางคนางค์
เรียงถ้อยรจนา สื่อความตามหา ผู้กล้าเกริกไกร
อ่อนโยนโอนอ่อน ราร้อนสดใส งามสุดจากใจ ยิ่งใหญ่ความดี
ดั้นด้นค้นหล้า จรทั่วฟากฟ้า ดาวเดือนเลื่อนหนี
ยังอยู่กู่ก้อง เพียรมองสุขี ดาวลาไม่มี ดาวดีลี่เลือน
ทอดถอนรอนจิต วาดหวังยังคิด ชีวิตเฉเชือน
ราตรีมืดมัว ฟ้าหลัวกลัวเกลื่อน พบคนงงเงือน มิเหมือนคนจริง
เจรจาจ้าแจ่ม หวานถ้อยร้อยแถม กลัยคล้ายโดนสิง
เงาวูบลูบลม คารมหนุงหนิง ฝากคำอ้อนอิง ท้ายทิ้งวิ่งหาย
หลายวันผ่านภพ สุดตาล้าลบ กลกลบกลับกลาย
เปลี่ยนแปรแก้ไข มิใช่ชัดฉาย ปล่อยเราเดียวดาย สิ้นสลายเริงรมย์
โอ้หนอองค์ฟ้า ท่านใหญ่เหนือธรา วานผูกปลูกพรหม
หากแม้นเทวฤทธ์ ยังสถิตย์คู่สม ขอรักเชยชม หวานชิดสนิทครอง
จารรักสลักคำ เพื่อเพลินลำนำ ให้ใจทั้งผอง
รวยรื่นสราญรัก พิงพักสมสอง หวังใดใครปอง จงพ้องพราวแพรว
วันนี้ลองเขียนดู ตามที่คุณ ม. อยากอ่าน แต่เป็นกาพย์สุรางคนางค์
เรื่องรัก .เขียนยากจังค่ะ
อรุโณทัย อาภาภัส
11 กรกฎาคม 2547 20:44 น.
อาภาภัส
ในไพรพฤกษ์ดึกสงัด สรรพสัตว์หลบโพรงหาย
เหลือเพียงเราเดียวดาย เฝ้ามองหมายมืดมัวมน
เรไรกรีดหวีดเว้า ฤาเจ้าเศร้าดุจสับสน
ก้องพนาป่าปน นกร่วมบ่นก่นอรัญ
มนุษย์เอยเคยไหม เหนื่อยเพียงใดต้องฝืนผัน
ให้อึงมี่ดีพลัน ยิ้มสารพันแสร้งแรงใจ
ดึงกายาเริงรื่น ตัวต้องตื่นคล้ายสดใส
อ่อนล้าเลียบลืมไว ซ่อนข้างในสู้อดทน
ฟ้าวะเหวยเผยแสง อย่าจำแลงให้สับสน
เกิดชาติหนึ่งพึงค้น ค่าของคนบนกองทราย
ทำแทบสิ้นบิ่นบิด ทำน้อยนิดมีความหมาย
ทำไม่มากอยากสบาย สุดทางคล้ายพรหมบรรเลง
เอานำหยดรดราก หวังกระชากไม่แหยเหยง
กรรมของเวรเลนเล็ง โดนกระเด้งเป้งเปราะบาง
แสนกำสรดหดหู่ เรียนล่องรู้รอฟ้าสาง
สว่างใสแนวทาง อุ่นไอกว้างกลางโลกปรวน
รัตติกาลโรยทั่ว ฝันเริ่มมัวเหมือนผกผวน
ต้องฮึดฮัดกัดกวน จิกลงป่วนร่อนรวนใจ
10 กรกฎาคม 2547 12:10 น.
อาภาภัส
กาพย์ฉบัง
พเนจรร่อนฟ้าฟากฝัน ทั่วแดนตะวัน
อาจพบประสบสุขใจ
นารีก้าวย่างทางไกล เพียรจารขานไข
คิดค้นยลยินอินทร
เพียงภาพกำซาบเว้าวอน นิ่งนึกมิถอน
จักด้นเดินดุ่มทุ่มงาน
แม้วันหายลับกลับกาล หวังใจสมาน
สานสร้างทางสว่างกลางจินต์
จรดภพลบหล้ากระสินธุ์ ฝากใจโบยบิน
เบิกบ่งส่งแสงแกร่งตน
เติมงามสานรักถักผล สลักจิตชิดกมล
ร่วมปนร่อนแปรแผ่ไทย
อรุณรุ่งพรุ่งนี้ศรีใส สุดแดนแคว้นไกล
ทุกข์ดวงใจจงเจริญ
10 กรกฎาคม 2547 11:49 น.
อาภาภัส
กาพย์ยานี
โศกกิ่งใหญ่ไหวริ้ว ใบแกว่งปลิวปานร้าวราน
หวังวสันต์หยาดผ่าน ปลอบดวงมาลย์ให้เริงรมย์
รินเย็นฉำเย็นจินต์ หทัยถวิลใฝ่สุขสม
มากมิตรชวนคุยชม ทุกข์ระทมคงจางเจือ
ฟ้าเอยใยเฉยชา ปล่อยเวลาเหว่ว้าเหลือ
โรยทางวางมาเอื้อ มิใช่เรือที่ล่องลอย
ฤาว่าวราวขาดแหว่ง ลมแรงแกว่งรั้งถดถอย
หัวใจเฝ้าใฝ่คอย ใจดวงน้อยร้อยใจเคียง
สกุณาร่อนหาหนอน มวลภมรบินเฉเฉียง
เกาะลงบุปผาเพียง ลิ้มเกสรชอนชื่นเชย
เวลามาทายทัก ลืมหรือรักหนักหน่วงเผย
วานฝากลมรำเพย โอบรักอ้อมล้อมรักมา
กระซิบใครสักคน ที่เวียนวนดั้นด้นหา
รักอยู่คู่ฟากฟ้า โปรดนำข้าเคียงคู่ครอง
อโศกฟื้นชีวัน เสียงสนั่นผูกพันสอง
หัวใจที่ใฝ่ปอง รัดเกลียวจ้องจองหัวใจ
10 กรกฎาคม 2547 11:18 น.
อาภาภัส
เส้นทางหวานสานคำคงมอบให้
ด้วยดวงใจใฝ่เติมเพิ่มภาษา
ทุกบทบาทหยาดคำนำลีลา
แห่งผู้กล้ามาหนุนชุนลายจาร
กกกลอนวอนงอนง้อล้อเล่นคำ
ใจจำนำพรำเพ้อเสมอสมาน
พลิกเวลาฟ้าเปลี่ยนมิเปลื่ยนมาลย์
สั่นสะท้านหวานหวามยามชมความ
ดำเนินล่องท้องเรื่องเฟื่องทุกแบบ
รักอิงแอบอกหักถึงโลกสาม
สลักจิตผูกคิดให้ติดตาม
กลั่นนิยามความหมายเป็นสายเกลียว
แรงอารมณ์ตรมชำรำคำรัก
ซึ้งเหมือนรักมิรักรักหน่ายเหนียว
กระแทกกดชดดะปะทะเคียว
คมคายเสี้ยวสรรค้นกมลกวี
รินนำใจใส่ใจวางไว้ข้าง
มิเคยจางเจือนไกลให้หมองศรี
โลกแววฝันมั่นอวยด้วยไมตรี
ฝากวจีจากหวานผ่านไทยโพม
คำว่ารักรักลำหากพรำรัก
คำว่าทักถักกอก่อรักโหม
คำว่าใจมอบไว้เป็นไฟโคม
นำไทยโพมพลิ้วฟ้าสง่าไทย