15 ตุลาคม 2547 22:21 น.
อาชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน ฉันรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอเธอแน่ วันนี้ฉันถึงต้องรีบๆเจอไง
เมื่อลงจากรถโรงเรียนในตอนเช้าฉันก็เดินเข้าประตูโรงเรียนไป นักเรียนส่วนใหญ่กำลังนั่งอ่านหนังสือตามนโยบายอันแสนประเสริฐของโรงเรียนอยู่ ทุกคนกำลังอยู่ในความเงียบดังนั้นฉันจึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไปวางกระเป๋านักเรียนตรงหน้าห้องศาสนา เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาแลกเหรียญชิพสำหรับค่าขนม เมื่อเดินกลับมายังกระเป๋านักเรียนเพื่อจะหยิบแล้วเดินขึ้นห้องก็พบว่ามีกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ของนักเรียนแน่ๆเพราะมันไม่ถูกระเบียบ แต่ฉันจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนน้า ใช่แล้วเป้ใบนี้ก็เป็นของเธอไง บังเอิญจริงๆที่กระเป๋าเป้ของเธอวางอยู่ใกล้กระเป๋าฉันแค่อยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง ฉันมองไปรอบๆเผื่อจะเจอเธอแล้วก็เจอเข้าจริงๆ เธอกำลังยืนอบรมนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง ฉันเหลือบตาไปมองเธอและเธอก็มองฉัน! คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะถ้ามีใครมามองเราแล้วเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง เราก็คงต้องหันกลับไปดูอยู่แล้วแหละเนอะว่าใครกันนะที่มาแอบมองเรา จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินขึ้นห้องไป
ตั้งแต่ที่ห้อง ม.1/6 ของฉันขึ้นมาเข้าแถวบนระเบียงชั้น 3 ฉันมีความรู้สึกว่าเหมือนกับถูกปิดตาไม่ให้มองเห็นโลกภายนอกเลย มันน่าเบื่อมากโดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่มายืนอยู่ที่แถวด้วยน่ะสิ
พักเล็กฉันไม่ได้เจอเธอเลย การเรียนก็แสนจะน่าเบื่อแถมยังถูกพายุการบ้านโหมกระหน่ำเข้าใส่อีกจะบ้าตาย ขนาดชั่วโมงศิลปะซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ฉันชอบและทำได้ดีแล้วก็ยังไม่วายน่าเบื่ออีกจนได้ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่างานนี้ฉันตั้งใจทำมากและผลของการตั้งใจมากจนเกินไปก็คือความล้มเหลวของงาน ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็เคยได้ยินคนอื่นพูดมาเหมือนกันว่าการตั้งใจทำอะไรมากเกินไป มักจะทำให้งานล้มเหลวเพราะเราจะขาดความเชื่อมั่นในงานของตนเอง
พักกลางวันฉันเดินไปทานข้าวกลางวันที่อาคาร2 ในขณะที่ฉันต่อแถวซื้อข้าวตามปกติฉันก็เห็นเธอเดินไปล้างมือตรงใกล้ๆที่เก็บจานพอดี ฉันเดินไปซื้อน้ำและเธอก็เดินมาพอดี! เธอซื้อน้ำแข็งเปล่าถุงใหญ่ซึ่งมากเกินไปสำหรับคนๆเดียว ทางที่ดีควรจะแบ่งให้ฉันอีกสักคนจะดีกว่า เฮ่ย!แล้วฉันจะไปยุ่งอะไรกับเธอนักหนาล่ะเนี่ย
หลังเลิกเรียนฉันเดินลงมาอย่างไม่ปกติเพราะวันนี้มีรอบเดือน แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ฉันก็ยังแอบมองเธอที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ดี เธอน่ารักเนอะ..อิ อิ
หลังเลิกเรียนพิเศษฉันเดินหิ้วกระเป๋าเอาการบ้านไปทำที่อาคาร 1 เพื่อนสนิทของฉันที่ปกติจะอยู่คุยด้วยก็กลับบ้านไปแล้ว ฉันจึงหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่นั่งรถโรงเรียนคันเดียวกัน ปกติทุกๆเย็นเธอจะต้องมาตอกบัตรที่ตึกนี้ แต่ตอนนี้เย็นมากแล้วฉันจึงไม่มีเวลารอเธออีกต่อไป
ฉันเดินเข้าไปนั่งในรถโรงเรียนตรงตำแหน่งที่ฉันนั่งคือด้านหน้าสุดข้างคนขับ รถโรงเรียนของฉันจอดอยู่หน้าอาคาร2ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นทุกๆคนที่เดินออกมาจากตึกได้พอดีฉันจึงยังคงมองหาเธอ แต่รถใกล้จะออกแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่เห็นเธอซักที
แต่แล้วฉันก็เห็นเธอเดินสะพายกระเป๋าและกำลังจะกลับบ้าน ถ้าลงไปหาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วหลายครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในรถโรงเรียนแล้วเห็นเธอแต่มีแค่ครั้งเดียวที่เธอเดินมาแล้วมองเห็นฉัน ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่2ที่เธอเห็นฉันไหมนะจะเป็นไปได้ไหมนะ
มันเป็นไปแล้วเพราะเธอเดินไปนั่งกับครูเวรที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วหันมามองฉันพอดี
เธอหันไปคุยกับครูเวรอีกครั้งหนึ่งและหันกลับมาเป็นพักๆ ในที่สุดรถโรงเรียนก็ออกขับฉันจึงมองเห็นเธอได้ยากขึ้นๆ รอว่าเธอจะหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายไหมนะจะมีไหมนะ และแล้วเธอก็หันมามองฉันทำนองว่าเจอกันวันศุกร์นะพอดี ฉันมองเธอแล้วเธอก็มองฉัน โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้วทำไมตาเธอถึงได้หวานอย่างนี้นะ แต่ฉันก็แอบยิ้มนิดๆให้จนเธอหายลับไปจากสายตา
นี่อาจเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนที่ดีที่สุดแล้วก็ได้นะ...ว่ามั้ย
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
13 ตุลาคม 2547 22:49 น.
อาชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งก็คือ 1 วันก่อนวันครู วันนี้ฉันไปโรงเรียนตามปกติโดยเดินเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนแล้วไปเข้าแถวที่อีกอาคารหนึ่ง
ฉันนั่งรอเพื่อนๆบางส่วนที่ยังไม่มาเข้าแถว เธอเดินมาพอดีด้วยการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เธอต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มเพราะเป็นครูสอนพละ วันนี้เธอกลับใส่เสื้อและกระโปรงสีชมพูอ่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจ
เมื่อถึงกำหนดการของเวลาที่วางไว้ครูทุกท่านเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเป็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง หลังพิธีฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองตามปกติ เธอยืนคุยกับมิสท่านหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูอาคาร ฉันมองเธอและเธอมองฉันแต่ก็ไม่มีอะไร
พักเที่ยงฉันเดินข้ามตึกเพื่อไปทานข้าวเที่ยง ฉันต่อแถวซื้ออาหารและเดินหาที่นั่ง เธอเพิ่งทานเสร็จและกำลังเดินไปเก็บจานพอดี จากนั้นเธอก็เดิน เดิน เดินจนหายลับไปจากสายตา
หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็เดินกลับตึกทันทีที่สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน เดินไปยังระเบียงหน้าห้องเรียนซึ่งในห้องนั้นเปิดไฟอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของและเมื่อหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องก็พบว่าเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน ฉันล่ะงงว่าเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันพยายามควบคุมอาการและสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามไม่ให้ไปมองเธอแต่ก็หันไปจนได้ พอแล้ว..ออกไปเข้าแถวดีกว่า
เมื่อเดินแถวเข้ามาในห้องเธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คาบเรียนนี้เธอจะอยู่กับฉันอย่างนั้นหรือ เสียงคุยของเพื่อนๆในห้องคงมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว เพราะสายตาของเธอดูโกรธ เธอจึงเดินออกมาที่หน้าห้องและพูดกับทั้งห้อง แล้วเดินออกจากห้องไป
วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากครูทั้งโรงเรียนติดธุระ ฉันจึงเดินไปทานไอศครีมที่โรบินสันบางรักกับเพื่อนอีก 5 คน เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น. ฉันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนแต่ใจยังคอยพะวงอยู่กับเธอ ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพของเธอซึ่งยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่ งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ
ตอนนี้เพื่อนคนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เดินไปเดินมาก็ไปเจอเธอซึ่งเดินอยู่ที่หน้าตึก เธอปล่อยผมยาวที่ปกติแล้วมักจะรวบไว้เสมอ เธอน่ารักจริงๆ ฉันแอบตามไปดูเธอในระยะห่างๆ เธอเดินสะพายเป้ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดินกับมิสท่านหนึ่ง มองไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไรอยู่แต่เมื่อรถคันหนึ่งเข้ามาจอดบังหน้าอยู่สักครู่และขับผ่านไป เธอก็หายไปแล้วฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังทางออกฝั่งท่าเรือพร้อมกับเพื่อน ผ่านมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน บทง381 ของเธอและหยุดมองว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรกันถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย เธอหายไปไหนกันนะฉันคิดในใจและยังคงเดินต่อไปยังประตู
ฉันหยุดที่ตรงรั้วเหล็กมองออกไปและพบว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมิสที่เดินมาด้วย ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปหรือไม่แต่ทันใดนั้น
เอ้า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงล่ะ เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังเช่นเคย
บังเอิญว่าเธอหันมาเห็นฉันพอดีฉันจึงติบเธอไปว่ากลับ 5 โมง เธอยิ้มให้ฉันและขึ้นรถของมิสท่านนั้นซึ่งขับไปยังที่ไหนก็ไม่รู้จากไป
หัวใจของฉันพองโตเพราะความตื่นเต้นในวินาทีที่ฉันได้อยู่ใกล้เธอหรือเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียก แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นเธอจากไป
เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
8 ตุลาคม 2547 16:10 น.
อาชา
ในวันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2547 โรงเรียนฉันได้หยุดอยู่ในช่วงของเทศกาลวันปีใหม่แล้ว ฉันจึงตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อที่จะมาทำสิ่งๆหนึ่งให้กับเธอ
ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคิดออกแบบการ์ด จนในที่สุดฉันก็ได้แบบของการ์ดปีใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใส่หัวใจไปกับการทำงานด้วยโดยที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉันเริ่มหยิบกระดาษเอ4 สีขาวสะอาดออกมา 3 แผ่น แผ่นแรกและอีกครึ่งแผ่นฉันตัดให้เป็นซองจดหมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการทำซองที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ฉันจึงใช้เวลาไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง จากนั้นฉันก็บรรจงร่างการ์ดลงบนกระดาษ ตัดออก แล้วทากาวติดกัน ออกมาเป็นการ์ด 3 หน้า หน้าแรกฉันเจาะรูเป็นรูปวงกลมให้พอดีกับรูปพระจันทร์ของหน้าที่สอง หน้าที่สองฉันวาดรูปพระจันทร์แทนตัวเธอ และใบไม้ใบเล็กๆที่อยู่บนพื้นดินแทนตัวฉัน ส่วนหน้าสุดท้ายฉันแต่งกลอนแปดเพราะๆให้เธอ
สักวันใบไม้ที่เปราะบางใบนี้คงจะมีโอกาสได้อาศันแรงลมพัดพาขึ้นไปถึงดวงจันทร์ สักวันหนึ่งคงจะมีโอกาส...ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควรโอกาสจะเปิดทางให้ฉันเอง
ในที่สุดการ์ดใบนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ในตอนดึก ฉันจัดแจงใส่ซองแล้วฝากแม่บ้านให้เอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ในวันรุ่งขึ้น เพราะในวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปเที่ยวและตอนนี้ก็ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเลย ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงมือผู้รับหรือไม่ มันจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้
เปิดเรียนอีกที่หลังจากหยุดในเทศกาลวันปีใหม่ในวันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2547 ตอนเช้าฉันเจอหน้าเธอแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนบ่ายเธออยู่กับฉันทั้งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีอะไร ตอนเย็นฉันเห็นเธอและเธอก็เห็นฉันเดินอยู่ในโรงเรียนแต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ วันนั้นทั้งวันฉันเภาวนาให้วันรุ่งขึ้นให้ฉันได้ยินคำพูดสักคำจากเธอก็ยังดี
วันรุ่งขึ้นฉันเจอเธอแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร จนฉันปักใจคิดว่าจดหมายคงจะหายไปแล้ว ตอนเที่ยงฉันลงมาพักกับเพื่อนและเจอเธอนั่งทานข้างกลางวันอยู่ในโรงอาหาร จริงๆแล้วฉันไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอก็ได้ แต่บังเอิญว่าเที่ยงนั้นฉันติดงานสำคัญ..จึงต้องละทิ้งความปรารถนาของหัวใจไป
เมื่อฉันกลับมาหลังจากการสะสางงานเรียบร้อยแล้ว กลับพบว่าเธอยังคงนั่งอยู่ในโรงอาหาร ฉันว่าจะเข้าไปถามตรงๆ แต่คิดอีกทีขอไม่ดีกว่า และความบังเอิญอีกครั้งก็เกิดขึ้นเมื่อฉันมีธุระต้องเข้าไปถามเพื่อนคนที่นั่งอยู่กับเธอพอดี ฉันจึงเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนคนนั้น
และในที่สุดเธอก็ยอมเอ่ยปากพูดกับฉันด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
เอ้อ..ชนาธิปมิสขอบใจนะ สวยมากเลยล่ะ
คำพูดของเธออาจเป็นเพียงคำพูดสั้นๆที่ไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันแล้วถ้าเป็นคำพูดที่เธอเอ่ยมาจากหัวใจแล้วละก็..มันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
4 ตุลาคม 2547 22:19 น.
อาชา
ในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่เรารู้จักเปิดใจยอมรับในทุกๆสิ่ง ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเพราะความแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นได้เสมอ และก็เป็นหนึ่งในเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนอย่างฉันที่ปิดประตูหัวใจไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ย้ายโรงเรียนประถมจากสีลมมายังโรงเรียนมัธยมในเจริญกรุง
ในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2546 เป็นวันแรกของการเปิดเทอมอย่างไม่เป็นทางการของฉัน เพราะวันนี้เป็นวันที่เปิดโอกาสให้ครูกับนักเรียนได้รู้จักกัน เมื่อฉันเห็นหน้าเธอซึ่งเป็นครูผู้ช่วยชั้นของฉันเป็นครั้งแรกฉันก็รู้สึกแปลกๆกับเธอโดยปราศจากเหตุผล ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไรฉันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งเรื่องที่แตกต่างสำหรับเธอและฉันก็คือเรื่องอายุ เธออายุมากกว่าฉัน 15 ปี ซึ่งตามกฎหมายแล้วเธอสามารถเป็นแม่บุญธรรมของฉันได้เลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอและฉันเหมือนกันก็คือเพศไง
จนกระทั่งในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2546 เป็นวันที่ฉันได้ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี นักเรียนทั้งระดับชั้นเดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศทั้งหมด 7 คัน และในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานอยู่นั้น รถทัวร์ก็ได้เขย่า สั่น และเหวี่ยงอย่างรุนแรงไปบนพื้นถนน ทันใดนั้น โครม
ฉันมารู้สึกตัวอีกมีก็พบว่าพื้นรถมันเอียงๆชอบกล เมื่อมองไปรอบๆรถก็พบว่าบานกระจกส่วนใหญ่มีรอยร้าวและบางบานแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ประกอบกับได้ยินเสียงร้องไห้และโอดครวญของเพื่อนๆในรถ ฉันจึงรู้ได้ว่ามันคืออุบัติเหตุ ฉันยังคงระลึกได้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้คือรีบออกจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากชั้นล่างของรถฉันจึงเดินตามเสียงนั้นออกไป ในตอนนี้ประตูที่มีอยู่ทั้งหมด 4 บานนั้นใช้การไม่ได้เสียแล้ว นักเรียนจำนวน 44 คนจึงต้องเดินออกไปทางช่องอะไรสักอย่างทางด้านขวาของรถ ตอนนี้ฉันออกมานอกรถและปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีนักเรียนอีก 20 คนได้ที่ยังติดอยู่ในรถ ซึ่งสภาพของรถนั้นก็ไม่ได้ดูดีเลย หน้ารถชนเข้ากับเสาไฟ ส่วนตัวรถทางด้านซ้ายก็เอียงตกลงไปยังคูน้ำเล็กๆข้างทาง กระจกส่วนใหญ่ร้าวและแตกเป็นบางบาน นักเรียนบางคนหัวแตก ส่วนอีกคนริมฝีปากฉีกจึงต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ในนาทีนั้นฉันเห็นเธอรีบวิ่งลงมาจากรถทัวร์อีกคันที่จอดอยู่อีกฟากนึงของถนนมายังฝั่งที่ฉันยืนอยู่ เธอถอดรองเท้าแล้ววิ่งลงมายังพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะเพื่อเข้ามาช่วยพยุงนักเรียนทีละคนๆออกจากรถ โดยที่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร จะสกปรกมอมแมมแค่ไหน หรืออาจจะถูกเศษกระจกบาดเอาก็ได้
วันนี้เธอใส่ชุดฟอร์มเสื้อสีชมพูอ่อนและกระโปรงสีน้ำตาล
เธอเป็นครูผู้ที่สามารถสะท้อนบทบาทของความเป็นครูได้อย่างแท้จริง เธอมีหัวใจของความเป็นแม่ที่สามารถปกป้องลูกได้เสมอ เพราะเธอเป็นครูที่มีค่ามากกว่าคำบรรยายในหนังสือหรือในบทเพลง ที่สรรเสริญพระคุณของครูไว้มากมาย
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์