5 ธันวาคม 2549 22:14 น.
อัสสุ
ห้วงคำนึง
ยอกรก้มเกศน้อม
ประณตบาทองค์ราชัน
ปกหล้ารุจานันต์
พสกซ้องสรรเสริญ
อัสสุ
คุณาชนาก้อง
นิกรร้องส่องจำเริญ
พระคุณบุญหลากเกิน
ดังฟ้าเชิญทรงจุติ
ห้วงคำนึง
ราษฎร์รื่นหทัยสราญ
ล้างกันดารพลันปิติ
อุดมด้วยนิธิ
และศานติก็บันดล
อัสสุ
ผทัยในทรงเปี่ยม
ดำเนินเยี่ยมชนนิกร
มิย่อท้อกันดารดร
พ่อทรงสอนให้เปรมดี
ห้วงคำนึง
ทรงอุปถัมภ์การศึกษา
พัฒนา ณ วารี
ชลประทาน เกื้อหนุนชี-
วิตเลิศประเสริฐอุดม
อัสสุ
ธ สถิตจิตไทย
อัธยาศัยภิรมณ์
องค์ ธ ดังพระพรหมณ์
ประชาคมสราญเรือง
29 พฤศจิกายน 2549 19:24 น.
อัสสุ
ใจดวงหนึ่งภายในใครคนหนึ่ง
ยากรู้ซึ้งถึงจิตข้างในได้
หน้าตาดีใช่ดีถึงภายใน
อาจจิตใจดำคล้ำแท้ต่ำทราม
เห็นพูดจาหลักการณ์ฟังหวานหู
แต่คบดูนานไปไม่อยากถาม
ดีแต่พูดทำจริงไม่ได้ความ
เอาแต่ทำตามใจในตัวเอง
ลองทำตัวอ่อนน้อมถ่อมไม่รู้
อยากจะดูบทบาทฉลาดเก่ง
ยิ่งไม่พูดยิ่งข่มอวดบรรเลง
คิดว่าเก่งเกินใครหนอใจคน
บอกกล่าวสอนคนอื่นให้เชื่อถือ
แต่ตัวเองดึงดื้อหื่อไม่สน
อย่างนี้แหละทิฏฐิมานะคน
ไม่หลุดพ้นวนเวียนเกิดแล้วตาย
เหนื่อยใจนักมนุษย์พวกชุดนี้
ไม่รู้มีความคิดชนิดไหน
คิดแบบนี้คนเหยียดเกลียดมากมาย
มันคงสายเกินไปแก้ไขคืน
คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม
รอเวลาบำบัดทำให้ตื่น
อาจจะเจออะไรให้เปลี่ยนฟื้น
กลับมาคืนปกติคิดดีดี
. .
27 พฤศจิกายน 2549 17:34 น.
อัสสุ
ฉันเป็นดั่งผืนฟ้านภากาศ
ไร้ขนาดจับต้องเหลียวมองเห็น
อยู่ทุกที่ทิศทางไม่ว่างเว้น
กระจายเป็นฟูมฟองละอองไอ
เธอเป็นดั่งสายลมพรมโชยพัด อยากหยุดลมเช่นเธอไม่ให้ไหว
ความหวั่นไหวครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น
อยากจะลัดเลี้ยวเลาะก็เหาะเหิร จับหัวใจเธอไว้ไม่ให้พล่าม
มันมืดมึนทั่วล้าฟากฟ้าได้
จะเที่ยวไปที่ไหนไม่ยากเกิน อยู่กับเธอทุกถิ่นจนสิ้นนาม
เพราะเธอคือแรงลมให้อ่อนใจ
เพียงแค่เพลินอุราพัดพาไป คอยติดตามตัวเธอไม่เผลอเลอ
อากาศไอเช่นฉันจึงไหวตาม
มาพลิ้วพัดบางทีแล้วหนีจาก
ทำอกอยากหัวใจให้วาบหวาม
สายลมเล่ห์ลมกลลมลามปาม
พัดโชยข้ามอยากไปไม่เคยแคร์
25 พฤศจิกายน 2549 19:59 น.
อัสสุ
แรงลมโชยโบยโบกโชกพลิ้วพลัด
ฟ้าสะบัดหวัดเหวี่ยงเบี่ยงลมคลื่น
เดือนสิบเอ็ดเหน็บหนาวพราวค่ำคืน
อกเราขื่นชื้นหมอนนอนหนาวกาย
ลมเดือนหนาวยาวย่ำพร่ำมาเยือน
พ.ย.เดือนเลื่อนมาครานัดหมาย
ลมปลายปีวี่เว้าเล้าโลมกาย
ฟัดสาดส่ายหมายหนาวร้านถึงทรวง
หนาวลมพัดกัดฟันยันทนได้
แต่หนาวใจใยจนทนแรงหน่วง
หนาวกายหนอพอมีที่คุ้มควง
แต่หนาวทรวงห่วงตัวกลัวเปลี่ยวใจ
ห่มผ้านวมท่วมตัวทั่วกายร่าง
หวังเบาบางส่างยามความหนาวได้
แต่ห่มคลุมกุมก่อหนอทำไม
ใยจึงไม่หายหนาวร้าวรานเลย
ความหนาวพอตกอดกุมรุมเร้าจิต
โอชีวิตคิดมากอยากเปิดเผย
ขอสักคนดลเห็นเป็นคู่เชย
ไว้กอดเกยเชยชิดพิษหนาวมา
ใครหนอเห็นเป็นใจให้ชิดบ้าง
ยามหนาวร่างวางใจได้รักษา
ยามหนาวในใคร่ขอช่ออุรา
เป็นยูกยามาดามยามหนาวใจ
............................
22 พฤศจิกายน 2549 18:29 น.
อัสสุ
ผู้มาเยือน...............
เธอเข้ามาใกล้ฉันระยะชิด
หวังสนิทแนบเนื้อชิดเชื้อใกล้
ฉันสะดุ้งพุ่งหลบอย่างตกใจ
มันอะไรกันนี่ที่เธอทำ
เธอมองฉันแล้วพลันแสยะยิ้ม
คล้ายเอิบอิ่มในใจสุขถลำ
ฉันยังงงบื้อเบลอสิ่งเธอทำ
ไม่รู้เหตุชี้นำคืออะไร
เผชิญหน้า...............
แล้วสายตาจึงหันพลันบรรจบ
ศึกสงบจ้องตาไม่ส่ายไหว
เธอจ้องมาฉันมองจ้องคืนไป
ดวงตาในใสซื่อเราสื่อกัน
เราหัวเราะทั้งที่ไม่ได้พูด
แค่สะดุดสายตาที่ผกผัน
พลังสายตาพลังใจตรงกัน
เท่านี้นั้นก็ทำให้รู้ใจ
สิ่งที่หายไป...............
ฉันก้าวเดินเข้าไปหวังใกล้ชิด
แต่เธอปิดกั้นไม่รู้หายไปไหน
และรู้สึกแผ่วร้อนแสงแดดไอ
สาดส่องมากระทบใบหน้าตน
รู้สึกตัวนอนคู้อยู่คนเดียว
แดดก็เที่ยวสาดส่องต้องหลายหน
สิ่งที่เกิดที่แท้จริงแค่จิตดล
ความคิดตนที่เพ้อฝันกลางวัน