นึกไว้แล้วมันต้องมีวันนี้ การเปลี่ยนแปลงแทนที่มีมาใหม่ เข้าใจดีแต่รู้สึกว่าเร็วไป ต้องตัดใจลืมในสิ่งเดิมเดิม อยากขออยู่อย่างนี้อีกสักพัก ต่อไปจักไม่เห็นแม้ผิวเผิน ได้ชื่อว่าจากก็ไม่อยากกลับมาเมิน เป็นสิ่งหมองเก้อเขินเกินพอดี สิ่งเก่าเก่าคงไม่มีใครเขาอยาก ฝืนลำบากเก็บไว้รุงรังที่ หมดราคาจะโปรดประโยชน์มี เสาะหาดีเหมือนครั้งยังแรกเจอ อะไรที่เคยเกิดเจิดจรัส มันเกินวัดสูงค่าครานั้นเหรอ ในวันนี้ไม่มีดีหรือไรเออ จึงดูเหม่อไร้ค่าไม่สนใจ มองดูใครมีแต่แคร์พรุ่งนี้ นับนาทีถอยหลังครื้นเครงใหญ่ คงเบื่อแล้วสิ่งเก่าเคยเร้าใจ จึงหันไปเปลี่ยนใหม่ตั้งหน้ารอ ได้เวลาเก่าไปใหม่มาถึง แทนที่ซึ่งเคยมั่นสำคัญหนอ หมดเวลาสรรสร้างทุกอย่างพอ ใหม่มาจ่อย่ำรอตำแหน่งครอง .
ลมเดือนหนาวพราวพร่างย่างมาเยือน ธันวาเดือนสุดท้ายปลายราศี หนาวหน้าลมธนูฤดูนี้ ช่างพัดวีโลมกายให้หนาวตรม ยามฟ้าลึกดึกดื่นค่ำคืนหนาว อกบางคราวสั่นร้าวจนขื่นขม กอดหมอนข้างซ้อนทับห่มผ้าพรม ยังสั่นทมระริกรัวหนาวทั่วกาย เขาว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง หนาวกายองค์ห่มผ้าไม่อาจหาย หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาวได้ กายกอดกายห่มไว้จึงหายดี ถ้าหากว่ามีคนเอาไว้กอด จนตลอดหมดหนาวแปรเปลี่ยนหนี ให้อุ่นในใจกายคงจะดี แบบกอดฟรีทั้งคืนจนตื่นนอน มันหนาวนะกลางคืนยามดื่นดึก ผจญศึกแบบนี้ขอปรี่ถอน ในคืนหนาวอาจขาดชีพจร ถ้ายังนอนคนเดียวเปล่าเปลี่ยวตัว ลมหนาวซาพัดมาอีกคราหน หนาวกายจนทวีเพิ่มสั่นเทิ้มทั่ว ต้องหนาวตายแน่เลยนึกตัวกลัว หากยังมัวนอนไร้ไออุ่นอิง .
ทำต่อหน้าหรือว่าจะลับหลัง เธอก็ยังแชเชือนเหมือนไม่เห็น โกรธเคืองอะไรกันที่ฉันเป็น บอกมาเน้นเน้นประเด็นเรื่องอะไร ฉันปริ่มยิ้มสุขใจเมื่อได้เจอ คอยเสนอไม่ว่าจะแบบไหน โปรดจงรู้ที่ตื้อคือเอาใจ อยากถามให้เข้าใจรู้ไหมเธอ ทีคนอื่นเธอยังฟังเขาบ้าง แต่กับฉันอ้างดีโทษทีเผลอ กับคนอื่นไม่เห็นเผลอเลยเธอ ตั้งใจเหม่อเผลอฉันหรือคนดี ลองนิ่งเฉยดูบ้างการวางตัว เธอคงมัวเบื่อคนคอยจู้จี้ แต่เฉยแล้วยังเป็นเช่นเดิมที ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างเลย เป็นเพราะฉันหรือเปล่าต้นราวเรื่อง ทำให้เคืองจึงย้อนทำงอนเฉย บอกฉันหน่อยอะไรที่ละเลย อาจจะเคยบางครั้งผิดพลั้งไป ทำไมต้องปิดกั้นกันเสมอ คนอื่นเจอเธอยังดูสดใส แต่ฉันทำอะไรไม่เห็นพอใจ ลำเอียงไปมากไหมหัวใจเธอ ลำเอียง .
รุ่งอรุณดวงใหม่วันท้ายเดือน........จะลับเลื่อนเคลื่อนไปเปลี่ยนราศี หมุนเวียนไปสุดท้ายเดือนปลายปี......ครบตามที่ราศีมีจัดวาง วันท้ายเดือนมีนัดแต่ผลัดเช้า............เลยต้องง้าวตื่นตาแต่ฟ้าสาง ผุดลุกมาอาทิตย์ยังปิดปาง.................มิสว่างลำแสงแสดงโชว์ รีบทำกิจส่วนตัวสลัวแสง....................อาบน้ำแต่งแปลงตัวให้สดใส หาจัดวางสิ่งของที่ต้องใช้....................เดินทางไกลไปสุพรรณบุรี สามสิบปลายเดือนนัดกันหลายวัน......รู้สึกมันเร็วไวถึงวันนี่ หรือว่าเราทำกิจอื่นที่มี......................ถึงวันนี้เลยรู้สึกไม่อะไร แต่ใช่ว่าใจเราไม่สนุก......................ยิ้มแย้มสุขแม้ยังมิไปไหน รอเจ้าภาพคนพามารับไป.................เที่ยวสมใจทุกเรื่องเมืองสุพรรณ ได้เวลาหมายปองสองโมงกว่า...........ออกจากลาที่อยู่อู่นอนฝัน ต้องไปแรมถิ่นอื่นค่ำคืนวัน..............เที่ยวตะบันสุพรรณทั่วบุรี กว่าจะออกจากคุ้งในกรุงเทพ.............ผจญเสพรถติดยาววิถี ได้โอกาสพาดขึ้นทางด่วนที................ไปได้ดีไม่ติดเป็นพิษทาง ฝ่าวงล้อมบากบ่าจราจร......................หลบนครสองวันจากกันห่าง มุ่งตรงสู่ถนนรวยสวยลาดยาง............สุพรรณทางดีนักประจักษ์ตา สมระเบียบเรียบร้อยดั่งถ้อยคำ...........คนเขาพร่ำลำลือสื่อภาษา ในสุพรรณถนนดีทุกที่พา...................เที่ยวบากหน้าไปไหนก็ดีครบ สุพรรณห่างกรุงเทพเจ็ดสิบกว่า..........ขับรถมาไม่นานจะเมื่อยขบ ก็ถึงครันสุพรรณเมืองนักรบ..............แดนบรรจบสิ่งของที่ต้องการ ได้ชื่อว่าสุพรรณนั้นเดิมมา................เป็นเมืองค้าเมืองขายถิ่นสถาน มีทุกสิ่งเครื่องของหากต้องการ............ไม่เสียเที่ยวแวะวานใครผ่านมา เพราะความที่เป็นเมืองรุ่งเรืองมาก.....คนจึงอยากเดินทางหวังสร้างค่า แลกซื้อขายสินค้าต่างนานา................เหตุนั้นมาเรียกว่าสุวรรณภูมิ เมืองอุดมสมบูรณ์มากคูณทรัพย์.........เป็นแดนทองรองรับลงทุนทุ่ม แผ่นดินทองกองเงินคนประชุม.........การค้ากลุ่มเมืองใหญ่กำไรดี สุวรรณสุพรรณอันเดียวกัน...............ความหมายนั้นทองคำล้ำเลิศศรี ภูมิแปลว่าแผ่นดินถิ่นธรณี................สุวรรณภูมินี้คือแผ่นดินทอง ได้มาเยือนชมช่วงเมืองหลวงเก่า.......สุพรรณเขาร่ำรวยน้ำเต็มหนอง ทั้งซ้ายขวามีแต่น้ำลำเลืองมอง...........เป็นแดนร่องรองรับน้ำไว้ได้ดี ธรรมดาที่ลุ่มแหล่งชุมนุม...................ทุกฝ่ายกลุ่มย่อมไหลลงใต้ที่ ความสมบูรณ์ก็มีไว้ในที่นี้..................สายที่จึงมารวมท่วมสุพรรณ เปรียบได้เหมือนใจคนหากใฝ่ต่ำ.......อันบาปกรรมย่อมทับใจให้อาศัลย์ ฉะนั้นคนทำจิตให้สูงกัน.....................มิให้หวั่นสั่นคลอนใจอ่อนเบา มาถึงตัวจังหวัดพลัดจะเที่ยง...............เลยต้องเบี่ยงรถไปหาพี่น้องเขา แวะเลี้ยงเที่ยงร้านอาหารดาวัลย์เอา...อิ่มเต็มเปาค่อยจรเที่ยวร่อนไป ยิ้มพร้อมหน้าอุ่นตามาคอยรับ.............ต่างคำนับมือไว้กันยกใหญ่ นานนานทีเจอกันสุพรรณไทย...........พูดจาปราศรัยเหน่อเหน่อฟังเก้อกัง ยิ่งสมัยเก่าก่อนค่อยฟังยาก................แต่ถ้าหากเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนหลัง จะพูดออกสำเนียงเสียงน่าฟัง............ไม่เหน่อหนังเหมือนครั้งแต่ก่อนมา อาหารเที่ยงจัดวางจวนพลางเสร็จ...ปลาถอดเกล็ดทอดเหลืองเครื่องยำข่า ส้มตำไทยตำลาวเรียงยาวมา..............ซุปหนอไม้น้ำยาขนมจีน ไข่ตุ๋นนุ่มผัดกุ้งคุ้งคะน้า.....................ก็ดูพาน่ากินอยากถวิล จัดว่างเสร็จจำแลงแต่งประทิน...........นั่งหน้าผินกินแบบไม่อายใคร บ่ายโมงเศษเฉดออกเที่ยวร่อนต่อ.....ที่แรกก็เข้าวัดเก่าสมัย ชื่ออาวาสว่าวัดป่าเลไลย์.....................คดีไทยสอนไว้มาช้านาน มีหญิงงามสองใจหทัยจิต....................แรกชื่อพิมพ์น่าพินิจจิตอ่อนหวาน ได้รักกับขุนแผนแสนสะท้าน.............แต่ไม่นานขุนช้างได้นางครอง เพราะขุนแผนไปรบสู้ศรัตรู...............ห่างยอดชู้อยู่ไกลนางเป็นสอง ขุนช้างได้โอกาสปาดเข้าจอง...............กุมนางน้องพิมพ์พิลาไลสมใจตน พ่อขุนแผนรูปหล่อก็ใช่ย่อย................ได้เนื้อกลอยคราวรบคบอีกหน จึงได้นามขุนแผนแสนกมล................เจ้าชู้กลหลายจิตพินิจนาง พิมพ์พิลาเปลี่ยนชื่อฉายาใหม่...........เป็นวันทองคลองใจขุนช้างบ้าง คนจึงขานวันทองสองใจวาง...............ผัวจากข้างมิได้มีใหม่ชม วรรณคดีไทยสมัยเก่า..................สอนให้เราประพฤติงามตามเหมาะสม รู้จักอาวุโสไม่โอ้อม............................ทำอวดข่มท่านมีค่าต่ำกว่าตน เสร็จจากชมอาวาสป่าเลไลย์..............มุ่งหน้าไปหอบรรหารวิมานหน อยู่ใจกลางสุพรรณน่าบันดล...............ตระหง่านยนต์สูงลิบยันจิบเมฆ ต่อจากนั้นไปไหว้วัดพระนอน............ปางบัญชรหงายองค์เอกเขนก ไม่เหมือนองค์ทั่วไปไสยาสน์เอก........บรรทมเฉกเอียงขวาพระสรีรา ให้อาหารเลี้ยงปลามัจฉาวัง................อยู่ข้างหลังท้ายวัดถัดโปสถ์หนา อันเป็นแม่น้ำท่าจีนลำนาวา...............สองฝังฝาอาศัยใช้ทำการ กลัวจะค่ำจึงย้ำด่วนเร็วรี่....................ต่อไปที่ดอนเจดีย์ศรีสถาน ราชานุสรณ์ชนะศึกรบราน................กู้เอกราชบ้านเมืองกลับเฟื่องฟู จึงเรียกขานเรศวรมหาราช...............ปรีชาอาจสามารถรบบทบู้ ดังเพลงชาติไทยร้องก้องหนาหู...........จะทนสู้เพื่อชาติไทยแม้วายพลี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด...........เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ สละเลือดทุกหลายเพื่อชาติพลี............เถลิงประเทศไทยทวีมีชัย ชโย เลือดล้างเลือดหยาดเหงื่อเพื่อชาติไทย.ชนสมัยก่อนย้อนไปหลายโข มิยอมให้ชาติใดมาวางโต...................รุกรานโอ่ย่างเหยียบเอาเปรียบตน ทุกวันนี้ฆ่าฟันกันเสียงเอง.................คิดว่าเก่งทำตามใจอื่นไม่สน ตัวเองดีคนอื่นช่างกมล.......................แล้วแต่ทนฝืนไม่ได้ก็พ่ายไป ตะวันล้าแสงอ่อยค่อยค่อยลับ..............อาทิตย์ดับที่นี้แล้วไปอยู่ไหน จมลงดินหรือหับหายหลุบหลุมใด.........ดวงโตใหญ่จึงมิดสนิทตา มนุษย์เกิดขึ้นมาอาศัยโลก.................ยามเศร้าโศกตายไปอยู่ไหนหนา จมลงดินหรือหับหายสิ่งใดพา..............ซ้อนลับตาไม่ให้เห็นบ้างเลย มาดูตะวันตกดินถิ่นอุดม..........เมืองรื่นรมย์ประวัติศาตร์มากมายเอ่ย ทราวดีอู่ทองสุพรรณเอย...................ล้วนต่างเคยรุ่งเรืองถิ่นเมืองนี้ แรมคืนแรกแปลกถิ่นดินแดนทอง...เหนื่อยล้าหมองทั้งวันบากบั่นที่ พเนจรหยุดก่อนในวันนี้..................ล้าเต็มที่อ่อนแรงคิดแผลงจร ตะวันอ่อนแสงแรงคนอ่อนล้า............เหนื่อยกายาได้เวลานอนพักผ่อน คงอำเภออู่ทองรับรองนอน................ชื่อนครเก่าแก่ตั้งแต่นาน สมัยก่อนแถวนี้คงที่รบ.....................รู้สึกพบรอยหมองของสถาน สนามรบจบศึกยังนึกการ..................ขลาดดวงมานน่ากลัวหัวลุกโกรน พอรุ่งเช้าสายัณห์วันที่สอง.................เก็บข้าวของไปอีกไกลโน่น หลายโปรแกรมคาดหมายโยกย้ายโอน.เที่ยวโชกโชนเต็มอิ่มให้จุใจ ไปที่แรกวัดเขาดีสลัก........................มิไกลนักพอที่จะไปได้ มีรอยพุทธบาทจำจองไว้....................ให้นบไหว้สักการบูชาคุณ ประทักษิณเวียนขวาสามวาระ............กราบองค์พระประธานวางเรียงรุ่น ของดีแม้นอยุ่ไหนไกลลับพุน.............คนก็จูนไปล่าค้นหาเจอ ตรงชั้นบนมีขอดลานจอดรถ..............วิวงามงดสาดส่องยามมองเหม่อ ทัศนียภาพฉากงามเออ.....................สุพรรณเลอสวยจริงยิ่งกว่าจินต์ สูดอากาศสดชื่นแล้วบึ่นต่อ................ที่สองก็พิพิธภัณฑ์ศิลป์ จัดแสดงศิลปะหลายหลากชิ้น.............ขุดในถิ่นเมืองหลวงของอู่ทอง เพียงที่เดียวขุดพบเกือบครบหมด......บอกเล่าเรื่องภาพพจน์ของไทยผอง ทั้งการค้าสื่อสารการปกครอง..............ทุกชิ้นฟ้องประเภทบอกเหตุการณ์ เดินเวียนชมหลายหนจนเกือบเที่ยง..เลยขอเบี่ยงกินเที่ยงร้านอาหาร จอดรถพักแถวที่ศรีสะอ้าน.................สั่งหลายจานอาหารทานหนำใจ เที่ยงเศษเศษเฉดออกไปนอกเขต....ดูประเภทศรัตรูพืชอาศัย เลี้ยงหนอนไว้กินหนอนงานวิจัย........ไม่ให้ใช้เคมีกำจัดตาย ต่อกันเป็นพืชพันธุ์กรมเกษตร.......แวะทอดเนตรไม้ดอกงามหลากหลาย เขาใช้ถ่านแทนดินเพาะกล้าไม้.........เพื่อไม่ให้รากชื้นฝืนเน่าช้ำ สักระยะคิดถึงบึงฉวาก..................หนองน้ำหลากกว้างไกลใหญ่กระหนำ มีสวนสัตว์รีสอร์ทตลอดประจำ............ไว้พักค่ำต่างที่หนีวุ่นวาย ที่สุดท้ายเป้าหมายบ้านควายไทย..........ชมวิถีอาศัยไทยสืบสาย จัดแสดงความสามารถเจ้าทุยควาย.......ไม่ด้อยค่าน่าอายสัตว์อื่นใด ตะวันผ่อนอ่อนแสงแหล่งเมืองทอง........คงจำต้องลาแล้วแถวถิ่นไหน ลาก่อนดินแดนวรรณดดีไทย............กลับเมืองหลวงกรุงใหม่ของไทยเอย ........................................................
มองเวลาล่วงเลยที่เคยผ่าน ความยาวนานชีวิตพิชิตไหว บางคราครั้งสิ้นหวังกำลังใจ แต่ยังใฝ่มาได้ถึงทุกวัน ปลอบตัวเองยามใจมีภัยทุกข์ ใช่จะสุขรื่นเลอเสมอมั่น อาจมีสิ่งเข้ามาบางคราวัน เกี่ยวพัวพันตัวเองให้วุ่นวาย ไม่คบเขาเขาเองดันมาพบ อยู่สงบปัญหายังหลากหลาย ไม่ทำเขาเขากลับประทับร้าย เบื่อและหน่ายมนุษย์สุดเล่กล ความคิดคนอาจแปลกมีแตกต่าง ก็เพื่อสร้างทางสุขคือเหตุผล พวกเลวเลวคิดร้ายหรือสุขตน จึงคิดค้นจมดิ่งแต่สิ่งเลว เหนื่อยและล้าอย่างไรยังใฝ่สู้ หมองหดหูแต่ใจไม่ล้มเหลว ไปเลื่อยเลื่อยจนต้องกองไฟเปลว ละลายเหลวหมดสิ้นทั่วอินทรีย์ ไม่อยากเจอความจริงทุกสิ่งสรรพ แต่ยังลับไม่ได้แม้ห่างหนี ไม่เจอนี่ยังเจอนั้นมันอยู่ดี ทำหน้าที่ตัวเองมีดีกว่าเออ .