29 สิงหาคม 2547 16:24 น.

อ้อมหัตถ์แห่งรัก

อัศวายุ

จับหัตถ์นุ่มกุมแนบไว้ข้างแก้ม
แทรกสอดแซมแกมระรินอวลกลิ่นหอม
ชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหลยามอ้ายดอม
โอ้..พะยอม หัตถ์น้องช่างกล่อมใจ

คิดถึงวันเรานั่งเคียงมองภูผา
สองหัตถากุมมั่นไม่หวั่นไหว
แม้นวันหน้าจักต้องพบอุปสรรคใด
กรต่อกรจักจับไว้ไม่ปล่อยวาง


....................................

เคยคิดคำว่ารัก ออกจากชีวิตฉัน และจะไม่มีวันให้กลับมาล้นใจ  เคยทุ่มเทเพื่อรัก ทั้งหมด...หมดเลยทั้งหัวใจ..สุดท้ายทำไมกลับมาแค่เพียงน้ำตา...แต่ลมมันก็พัดพาเธอจากฟากฟ้า...แค่เพียงได้มองตา..ก็พอจะเข้าใจ...เธอเปลี่ยนคืนที่เหงาเหลือเกิน..ให้มันมีความหมาย..ไม่รู้ทำไม..ไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร..

เพราะเธอใช่ไหมที่ทำให้ใจฉันเปลี่ยน...เธอมาขีดเขียนคำว่ารักขึ้นมาอีกครั้ง...ไม่เคยจะคิดรักใคร...จนมาเจอเธอวันนั้น..ชีวิตฉันกลับมีความหมายเพราะเธอ				
25 สิงหาคม 2547 10:20 น.

เทวีศรีบุปผา ณ บ้านดอย

อัศวายุ

เรียงลำนำร้อยรำพึงถึงยุพเรศ
อยากสบเนตรอยากจูงหัตถ์ขนิษฐา
เชิญอนงค์ลงชมสวนมวลมาลา
ยลผกา ขาวชบา สารภี

อ้ายจะเด็ดมะลิหอม พะยอมหวน
ทัดลำดวน ชวนชม แซมเกศี
แทนมงกุฏแห่งพนาเคียงค่ามณี
แด่.....นรีมิ่งเทวีบุษบัน

โอ้ พลับพลึง เจ้างามซึ้งตรึงใจนัก
รูปวงพักตร์คล้ายดั่งสาวชาวสวรรค์
ฉวีนวลล้วนผ่องผุดดุจแสงจันทร์
คิ้ว ขนง โอษฐ์ กรรณ นั้น เหมาะงาม

นิรมลคนดีของพี่เอ๋ย
แม่ทรามเชยงามเย้ยพิภพสาม
ใช่เพียงลักษณ์ เพียงองค์ ทรงวิราม
หากน้องงามด้วยหทัยให้ผองชน

สมแล้วเป็นนางเทวีศรีบุปผา
สมแล้วเป็นพิชญาผู้ฝึกฝน
มอบความรู้คู่ความงามท่ามกมล
แก่อนุชนชาววนาบ้านป่าดอย

พลับพลึงเป็นดอกไม้สีขาว  มีกลิ่นหอม  ดอกไม้ที่บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับ หัวใจของคุณนะครับพลับพลึง.....ผมไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่า ชีวิตนี้ผมจะได้พบกับคุณ   ผมอยากขอบคุณท่านอาจารย์เหลือเกิน ที่ พาผมและเพื่อนๆ ออกภาคสนามที่หมู่บ้านชาวกระเหรี่ยง   ซึ่งทำให้ผมได้พบกับคุณ คุณครูพลับพลึงที่แสนดีอ่อนโยนอย่างคุณ   บางทีมันเหมือนช่วงเวลาแห่งความฝันสำหรับผม  การพบและพรากจากในวันเดียวกัน...

ช่วงเวลาเหมือนจะหยุดให้เราสองคนมีโอกาสได้ คุยกัน  ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่กำลังจะคล้อยลับลงเหลี่ยมเขาในยามค่ำ   ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณ  ผมรู้สึกสะดุดตา และ สะดุดใจ ในบุคลิก และ การวางตัวของคุณมากนัก    เป็นความงามที่ผมบอกไม่ถูก ยิ่งได้คุยกับคุณ  ผมรู้สึกอบอุ่น ศรัทธา และ เคารพในตัวคุณ   ...ร้อยยิ้มอันเบิกบาน  คำพูดไพเราะนุ่มหู  ดวงตาที่ฉายแววแห่งความรัก ยามคุณมองดู เด็กๆ และ ทุกสรรพสิ่งที่คุณบอก กับผมว่า  มันคือบ้าน.

แม้ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ก็เหมือนกับบ้านของพลึง  หลายปีที่อยู่ที่นี่ ทำให้รู้สึกผูกพัน พลึงคงจะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สังขารร่างกายของพลึงจะเอื้ออำนวย

ผมเป็นคนเด็กช่างฝัน  ผมมีจินตนาการมากมาย  ผมบอกกับคุณว่า ผมฝันที่จะเป็นอย่างคุณ  อยากเป็นครูดอย   ชีวิตคุณเหมือนกับชีวิตที่ผมใฝ่ฝันเลยทีเดียว   พอผมเรียนจบ ผมคงจะลองสมัครทำงานเป็นครูดอยที่ไหนสักแห่ง  

คุณอยากทำงานนี้จริงๆเหรอคะ    คุณถามผม

ครับ..ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะที่ผมฝันอยากทำอาชีพนี้

เมื่อไหร่จะจบเหรอคะ

ราวๆ อีกสองเดือนครับ

อีกสองเดือน  ครูคนหนึ่งที่นี่จะย้ายไปประจำที่โรงเรียนในเมือง  ที่นี่ก็คงว่าง  ถ้าคุณมีความตั้งใจจริง  คุณอยากมาสอนที่นี่มั้ยคะ  พลึงช่วยได้ค่ะ   จริงๆ ไม่ค่อยมีใครอยากมาสอนที่ทุรกันดารแบบนี้   ไม่ค่อยมีใครที่อยู่ประจำจริงๆ  ส่วนมากมาสอน แล้ว พอบรรจุได้ จึงขอย้ายลงไปสอนข้างล่าง     

ผมได้แต่ อึ้ง กับ ความบังเอิญ  และ อาจเป็นความโชคดีของผม  ผมเพียงอยากทำงานในสิ่งที่ผมฝัน ผมไม่กลัวความยากลำบาก ผมไม่สนใจเรื่องเงินเดือน  ขอเพียงสิ่งที่ผมทำ มัน คือ ความสุขใจของผมก็พอ ผมชอบป่าที่เป็นป่า  มากกว่า ป่าคอนกรีต

วันนั้นเราคุยกันราวกับ รู้จักกันมานานแสนนาน  ไม่รู้ว่า เรา วกมาคุยเรื่องของความรักได้ยังไง  ผมนึกทีไร อดที่จะยิ้มคนเดียวไม่ได้สักที  ทำไมวันนั้นเราจึงคุยเรื่องนี้กัน อะไรมาดลใจเราสองคนนะครับ

คุณถามผม ว่า ผมมีคนรักมาแล้วกี่คน   ผมหัวเราะเบาๆ  ขณะที่ใจผมร้าวลึก   ไม่รู้จะบอกว่า มี หรือไม่มี  ในเมื่อ คนที่ผมเคยรัก  มอบความไว้ใจ และมิตรภาพดีดีให้ทุกอย่าง เมื่อผมรับรู้ความจริงเกี่ยวกับเธอ...เพียงไร้ตัวตนเพียงเป็นคนที่ผมไม่อาจจะรักในชีวิตจริง

ผมไม่ได้ตอบคำถามของคุณ  ผมเพียงแต่บอก กับคุณว่า
	
 เรื่องราวของความรัก  ผมคงเป็นคนช่างฝันอีกแล้ว  คุณเชื่อเรื่องความรักที่บริสุทธิ์ไหมครับ  คุณศรัทธาในความรักระหว่างคนต่อคนหรือเปล่า   ผมมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งเหล่านี้   มันเหมือนเป็นอุดมคติ ที่ผมไม่รู้ว่า มันจะเป็นความจริงได้มากน้อยแค่ไหน   ผมไม่ปรารถนาชีวิตครอบครัว  แต่ผมปรารถนาที่จะอยู่เคียงข้างกับคนที่ผมรัก ในฐานะเพื่อนผู้รู้ใจ   ในทัศนะคติเกี่ยวกับความรักของผม  ผมไม่คิดว่า มันคือ การจบลงด้วยการอยู่แบบสามี ภรรยา  

ผมอยากจะมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้างผม เช่นเดียวกับ ผมเอง ก็อยู่เคียงข้างเธอ  ใช้ชีวิตที่อยู่ด้วยการดำรงกับความรู้สึก ที่เรียกว่ารัก  อันไม่ได้เจือปนด้วยความปรารถนาในเชิงธรรมชาติของมนุษย์   ผมรู้สึกมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์..สะอาด  ถ้าในชีวิตของผม เกิดมา แล้ว มีความรัก ผมก็ปรารถนามีความรักแบบนี้ และ มอบความรักแบบนี้ให้กับ ผู้หญิงที่ผมรัก ถ้าหากว่านี่เป็นความรักมันคงเป็นความรักที่บริสุทธิ์ลึก ซึ้ง ไม่มีความเห็นแก่ตัว  ไม่มีอกุศลจิต ที่จะผลักดันให้ฝ่าฝืนจารีตประเพณี   แต่มันอาจเป็นความคิดเท่านั้น เพราะ  ผมไม่รู้ว่า ในโลกนี้ที่มีผู้คนอยู่มากมาย  จะมีหัวใจอีกดวงหนึ่งไหม ที่  คิดแบบผม ปรารถนา ความรักเช่นเดียวแบบที่ผมกล่าวมา  คุณอย่าหัวเราะนะครับ ที่บางทีผมพูดเหมือนกับนิยาย  แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผมจริงๆ     ผมเล่าไปขณะที่ ตาผมมองดูยอดเขาที่ยาวเหยียดเบื้องหน้า

คุณไม่ได้หัวเราะผม  แต่บอกกับผมว่า

อยากรู้จังว่า ผู้หญิงคนไหนที่จะได้รับความรักอันงดงามเช่นนั้น     

วินาทีนั้น ที่ผมอดไม่ได้ที่จะมองคุณ  มองดวงตางามสดใสคล้ายดวงดาวของคุณ  ตาคุณเหมือนจะพูดได้  ผมเสกลับไปมองที่เดิม  วินาทีนั้น ผมรู้สึกบางอย่างในหัวใจผม  ทำไมนะ ผมจึงอยากให้คนๆนั้น เป็นคุณ

อาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว  อาจารย์.. ผม และเพื่อนๆ   เตรียมตัวขึ้นรถ   ผมมองดูคุณ  ร่างโปร่งที่ยืนอยู่เดียวดาย ท่ามกลางผืนแผ่นดินแห่งนี้   ผมเดินเข้าไปหาคุณ  ส่งกระดาษแผ่นน้อยให้คุณ และเดินออกมาอย่างรวดเร็ว  โบกมืออำลาคุณ  ก่อนรถเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ  ผมรู้สึกอ้างว้าง เมื่อไหร่ที่ผมจะได้มาที่นี่อีก  ผมคิดว่า คุณคงอ่านข้อความของผม หลังจากที่รถลับสายตาไปแล้ว   ในนั้นมีเบอร์ โทร และข้อความที่ผมเขียนไว้

ถ้าเหงา โทรมาคุยกับผมได้นะครับ  คำตอบที่คุณถามผมเมื่อกี้ ผมอยากให้ คนๆนั้นเป็นคุณครับพลับพลึง

ผมนั่งในรถด้วยความรู้สึกเหม่อลอย   ไม่น่าจะเขียนอะไรแบบนั้นเลย  อดที่จะโอดครวญกับตัวเองไม่ได้

อาทิตย์หนึ่งผ่านไป  ไม่มีโทรศัพท์จากคุณเลย  รู้สึกใจหายลึกๆ   แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนเสียงที่ ทำให้ผมรู้สึกว่า หัวใจพองโต  แม้ผมเอง รู้สึกหวั่นไหวว่า  รักครั้งนี้ จะยืดยาวเพียงใด หากความรักนั้นเกิดขึ้นจริงระหว่างผมกับพลับพลึง

ยินดีที่ได้รับเกียรติ์แห่งความรักนี้ค่ะ พลึงจะรอพบคุณนะคะ



พลึงครับ  ผมต่างหากที่ได้รับเกีตรติ์จากคุณ   ผมนับวันรอที่จะพบคุณแล้วนะครับ   จากวันนี้ ถึงวันนี้ อีกเพียงเดือนเดียวที่จะได้เดินทางไปพบคุณแล้ว  ไปช่วยคุณดูแลเด็กๆ   และด้วยเกียรติ์แห่งความรักของผม  ผมจะรักษาความรักที่บริสุทธิ์นี้ตลอดไปให้กับคุณนะครับ

ขอบคุณ..คุณมากที่ทำให้หัวใจผมเต้นขึ้นด้วยความรักอีกครั้ง...หัวใจของผมเป็นของคุณทั้งหมดแล้วนะครับในเวลานี้  วันที่ผมจะได้พบคุณอีกครั้ง  ผมอยากพูดต่อหน้าคุณ ว่า

  ผมขอให้คุณเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะรักในชีวิตนี้ได้ไหมครับ				
24 สิงหาคม 2547 10:02 น.

ยอดรัก...ยอดหทัย..ณ..ใจอ้าย

อัศวายุ


๒๔   สิงหาคม  ๒๕๔๗     บันทึก ณ ห้องน้อยของผม

พลับพลึง ถึงคุณจะเขียนกลอนไม่เป็น และไม่ได้เข้ามาที่นี่  แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ไว้นะครับว่า ทุกๆข้อความผมเขียนให้กับคุณ...เขียนจากดวงใจของผม...เขียนด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมีต่อคุณ...
ในวันที่หัวใจผมแห้งผาก  วันที่ผมรู้สึกเดียวดาย...วันที่ผมทุกข์ทรมานจากอดีตที่กรีดใจผม..วันที่ผมละทิ้งการเขียนบทกวี..วันที่ผมปรารถนาจะหนีจากทุกสิ่งทุกอย่าง...คุณคือ แม่พระ ที่ปรากฎกายต่อหน้าผม  คุณยื่นไมตรีให้ผม  แย้มยิ้มให้ผม  มองผมอย่างห่วงใยเอ็นดู  ผมรู้สึกเหมือนคนที่เดินอยู่กลางทะเลทราย แล้วพบกับ พื้นหญ้าเขียวขจี  สายน้ำอันชุ่มฉ่ำ   ผมกลัวเหลือเกินว่า  กับความจริง ในอดีตของผม หากผมเล่าออกไป คุณอาจจะเสียใจและเก็บไปคิด  หากผมก็ยังเล่า  เพราะ ผมไม่ปรารถนาที่จะ ปิดบังเรื่องราวของผมให้กับ คนที่ผมรัก..ผมดีใจนะครับที่วันนี้ได้ยินคำพูดประโยคนี้จากคุณ

	ถึงแม้ว่าในอดีต คุณได้ผ่านความเจ็บปวดรวดร้าวมาเพียงใดก็ตาม..ฝันร้ายนั้นผ่านพ้นไปแล้วนะคะเวลานี้ คุณมีพลับพลึง...พลับพลึงจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป..เท่าที่หัวใจของคุณยังรักและปรารถนาพลับพลึงดอกนี้อยู่..


โสตสดับรับจำเรียงเสียงเอื้อนโอษฐ์
เปรมปราโมทย์พจนาสุดาขวัญ
เพียงคำพ้อก็ไพเราะเสนาะกรรณ
ถ้อยจำนรรจ์น้องสุดซึ้งตรึงฤทัย

ชลนาแห่งภาดากลบดวงเนตร
กมลเชษฐ์พลันสะท้านสะเทือนไหว
นุชรี..ยอดรัก..ยอดดวงใจ
แม่รู้ไหม....พี่รักเจ้าเท่าชีวัน


เพราะคุณ  จึงทำให้ผม มีกำลังใจที่จะเขียนกลอน ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วย ความฝันและ ความรัก  คุณทำให้ หัวใจของผมมีชีวิตชีวาอีกครั้ง..ไม่เหลือร่องรอยของความเจ็บปวดจากอดีต อีกแล้วนะครับ...ผมปรารถนาให้คุณอยู่เคียงข้างผมตลอดไป...ผมสัญญากับคุณนะ  บทบาทเดิมของผมในอดีต มันจบลงแล้ว ผมจะไม่กลับไปอีก..จะอยู่เคียงข้างกับ ดอกพลับพลึงอย่างคุณนะครับ				
23 สิงหาคม 2547 13:01 น.

ด้วยบุพเพสันนิวาส...อนันตชาติ อ้ายตามมา

อัศวายุ

ยลแววตากลอยใจเผยไอเหงา
รอยเศร้าเศร้าบาดหทัย อ้าย สุดแสน
โอ้ แม่ญิง  หญิงงาม ท่ามดอยแดน
โฉมเจ้าแม้น...หยาดฟ้า..มาโลมดิน

ยามแรกพบนวลพักตรา อุราสั่น
คล้ายผูกพัน คล้ายดั่งคอยสร้อยถวิล
ราวปฏิพัทธ์รัตนายุพาพิน
ยามภพ สิ้นแต่ก่อนเก่าที่เนานาน

หากว่าเป็นเช่นบุพเพสันนิวาส
อนันตชาติ อ้ายเคยลับดับสังขาร
ผิ..เกิดใหม่จักขอพบยุพาพาล
ดิษฐานกมลมาลย์ทาน...มั่นอร

เจ้าพักตร์ผ่องยองใยไร้ราคิน
ทั่วธรณินทร์ อ้าย เสาะหา สายสมร
จึงดั้นด้น จากบุรี ศรีนคร
สู่ดงดอนเพื่อจักพบสบจอมใจ

กนิษฐ์นาง โปรดวางใจ หทัย อ้าย
ด้วยดนัยมิใช่คล้าย ชายเหลวไหล
เล่นคารม พรมคำลวงแม่ไฉไล
โปรด เชื่อใจ  อ้าย เถิดเลิศกัลยา

ขออัญเชิญพระยาอินทร์ปิ่นโกศี
เทพเทพีทั่วทั้งแดนแคว้นพฤกษา
น้อมมาเป็น องค์สักขี คำสัตยา
จาก มนารัก แห่ง ข้าฯ แด่เนื้อนวล

ตราบชีวิตจักรักเพียง เจ้า ยอดหญิงของอ้าย เพียงผู้เดียว

หากผิดคำสาบานที่ขานไว้
หากทำให้ น้องนาง โศกกำสรวล
หากมีใจ ผิดจากแม่ และเรรวน
ขอให้มวลหมู่ภยันต์ ลงทัณฑ์เทอญ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศวายุ
Lovings  อัศวายุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศวายุ
Lovings  อัศวายุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศวายุ
Lovings  อัศวายุ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัศวายุ