15 สิงหาคม 2550 17:28 น.

22 บาท...

อัศรีย์

เวลา 06.00 น. ฟ้ายังสลัว ๆ เพราะเป็นบรรยกาศแถบชนบท (อาจจะเขียนไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริงนักเพราะคนเขียนไม่เคยตื่นเช้ามาก่อน ต้องขออภัย) 
    ร้านโจ๊กโกเม้ง เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนตัวเล็ก ตัวใหญ่ แน่นร้าน "เก่งเสียจริง ๆ นะ ที่สามารถตื่นเช้าได้" โกเม้งแซวลูกค้าหน้าใหม่ที่ร้าน แต่เก่าในหมู่บ้าน "แฮะๆ" ทินหัวเราะ  พระรูปหนึ่งเดินมาบินฑบาต ทั้งโกเม้งและทินต่างเดินไปนิมนต์พร้อมกัน  โกเม้งชะงักและหันไปมองทิน "แล้วรื้อจะเอาอะไรใส่บาตร อั๊วะไม่เห็นมีอะไรเลย" โกเม้งถามอย่างฉงน ทินยิ้มและตอบอย่างระรื่น "ก็ของในมือโกเม้งไงล่ะ ขอพ่วงบุญด้วยคนนะ นะ" โกเม้งเกรงใจเพราะอยู่ต่อหน้าพระสงฆ์ จึงไม่กล้ากล่าววาจาหยาบคาย ทินช่วยโกเม้งใส่บาตร จนเสร็จ ก่อนพระท่านให้ศีลให้พร ทินก็พูดขึ้น "เดี๋ยวก่อนครับท่าน" เขาควักเหรียญบาทออกมาจากกระเป๋าและวางไว้บนฝาบาตร  "ดีใจจังครับ บาทที่ 22 พอดีกับอายุผมเลย" โกเม้งทำหน้างง ๆ หลังจากที่พระท่านให้ศีลให้พรจบและเดินจากไป โกเม้งจึงถามทินเพื่อให้หายสงใส    เรื่องราวของเงิน 22 บาท มีต่ออีกหลายตอนแบบเชื่อม ๆ กัน ไม่ธรรมดาแน่นอน โปรดติดตามอ่านต่อไป				
14 สิงหาคม 2550 14:38 น.

เรื่องน่าเศร้า

อัศรีย์

กำลังน่าสนุกกับเรื่องเมื่อฟ้าเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเป็นศพ ก็เลยรีบเขียนต่อ จนจบเรื่อง แต่น่าเจ็บใจไม่ว่าโพสท์เท่าไร ก็ไม่สามารถโพสท์ให้ทุกคนอ่านต่อได้ ไม่รู้เป็นอะไร ตั้ง 3 รอบแล้ว คิดว่าถ้าข้อความนี้สามารถโพสท์ได้ ก็แน่ใจแล้ว ไปโดนอาถรรพท์ แต่งเรื่องโดนความเป็นจริงของใครสักคน ซึ่งผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาไปหลบหลู่เลย  ก็หวังแค่ข้อความนี้อย่าโพสท์ติดเช่นกันเลย				
10 สิงหาคม 2550 16:45 น.

เมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน..เป็นศพ

อัศรีย์

สายลมพัดผ่าน กลิ่นกานดาขจาย สาบสางแห่งความตาย ล่องลอยไกล...........
          เจนไม่ได้กลับบ้าน มา 3 วัน  ส่วนความเงียบก็ยังครอบงำบ้านน้อยหลังนั้นต่อไป จนเงียบแบบผิดปกติ  ต้นไม้ที่ปลูกไว้ที่หน้าชานบ้าน เหี่ยวเฉาตาย แสงและพี่อ้นไปไหนกัน หลังจากเสียง "ว๊าย" ดังขึ้น ก่อนหน้านั้น 3 วัน มันเกิดอะไรขึ้น 
แล้วเจนทำไมไม่กลับบ้าน เธอแค่เป็นลมไปเท่านั้น  เรื่องเรียบ ๆ กลับน่ากลัวแบบผิดคาด อะไรกันนี่  จากเรื่องเมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน แท้ที่จริงคือจุดเริ่มต้นของเรื่องเมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน..เป็นศพ
          พี่อ้นเดินทางมาบ้านหลังนี้ด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ มาเยี่ยม มาพักผ่อน มาทวงของรักคืน  มาเป็นคู่เกย์  หรือว่ามาเพื่อฆ่า  หาคำตอบได้ในเนื้อเรื่อง ซึ่งยังไม่มีเฉลยบทจบ  ส่วนเจนที่ไม่ได้กลับบ้านมา 3 วัน เธอเป็นลมตายไปแล้วหรือ
ว่าเธอเห็นอะไรบางอย่าง และเป็นเจ้าของเสียงร้อง "ว๊าย" นั้น ก่อนความเงียบจะมาครอบงำแบบผิดปกติ  แล้วแสงหายไปไหน  น้ำใจนักกีฬที่ว่าหรือแก้แค้น 10 ปี ก็ไม่สายกันแน่..............
          ลูกบาสปะทะหน้าแสงอย่างแรง เมื่อคำพูดหนึ่งกระซิบข้างหูพี่อ้น จนการควบคุมอารมณ์เสียไป แสงล้มคว่ำตามแรงกระแทกลูกบาสกับใบหน้าเขา เลือดกลบปากกลบจมูก แล้วโลกทั้งโลกก็มืดไป เต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ พร้อมเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ แบบภาพวาดในการ์ตูน  เจนกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด เธอล้มลงกับพื้นด้วยเห็นเลือดหรือเป็นลมหน้ามืดเพราะความตกใจ แต่เปล่าเลยสายรองเท้าเธอหลุดจึงสะดุดล้มหัวฟาดพื้นไป  พี่อ้นเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปอุ้มเจนที่สลบอยู่ไปที่ห้องปฐมพยาบาล  โดยไม่ทันสังเกตุว่า ภาพเหตุการณ์ทั้งหลายถูกบันทึกอยู่ในสมองของดาว หญิงสาวผู้หลงไหลได้ปลื้มพี่อ้นแบบเงียบ ๆ มาหลายปี กับอาจารย์พละหนุ่มซึ่งเอ็นดูแสงมาตั้งแต่แรกเริ่มเข้าชมรม  อาจารย์คมวิ่งไปประคองแสง และเรียกเพื่อน ๆ มาช่วยกันหามไปห้องปฐมพยาบาล  "เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้จริงหรือ เราต้องทำอะไรสักอย่าง" อาจารย์คมคิด
          ดาวและอาจารย์คมมานั่งให้ปากคำกับตำรวจที่สถานีตำรวจหลังเกิดเหตุสลด พี่อ้นนอนตายเปลือยกายอยู่ในบ้านกลางหุบเขา  ส่วนแสงและเจนหายตัวลึกลับ  ยังไม่มีใครพบคนทั้งคู่  ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สุ่มอยู่แถวบริเวณบ้านของแสง และอีกกลุ่มหนึ่งเดินสำรวจเข้าไปในป่า ในครัวข้างศพพี่อ้น มีหน่อไม้เปื้อนคราบเลือดวางอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งพิสูจน์คราบเลือดแล้วเป็นของเจนนั่นเอง
         ตำรวจนายหนึ่งเดินไปจนพบกอไผ่ที่ก่อนหน้านี้ 3 วัน เจนเคยมาขุดหน่อไม้ ตำรวจนายนั้นเดินดูรอบๆ "ช่วยด้วย" เสียงร้องดังรั่น  ทำให้นายตำรวจในระแวกใกล้เคียงรีบรุดไปที่ต้นตอแห่งเสียง แล้วภาพที่เห็นก็สุดจะบรรยาย เสียงปืนรัวมาจากกระบอกปืนตำรวจครบทุกนายแบบไม่ได้นัดกัน  "ไอ้พวกหมาหมู่" ตำรวจนายหนึ่งสบถขึ้น ก่อนเหตุการณ์จะเคลียร์ และเดินไปเก็บศพเพื่อนที่สุดจะน่าสะพรึงกลัว ไส้ถูกลากออกมากระจัดกระจาย แขนข้างหนึ่งหักหนีบติดอยู่ที่กอไผ่ และเศษเนื้อบางส่วนยังคาอยู่ที่ปากผู้ร้าย เหตุการณ์มันเลวร้ายขึ้นทวีคูณ แบบไม่น่าเชื่อว่า ฉากเริ่มต้นของชีวิตคนคู่หนึ่งที่ดูเรียบ ๆ ง่าย ๆ กลับมาสังเวยชีวิตคน ศพแล้วศพเล่า...........ติดตามอ่านต่อใน เมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน..เป็นศพ ภาค 2 ขอเวลาคนเขียนไปอาเจียนก่อนเพราะนั่งทานข้าวอยู่ไม่รู้เขียนไปได้ยังไง เสี่ยงจี้ยังคาปาก				
10 สิงหาคม 2550 14:45 น.

เมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน3

อัศรีย์

อากาศเย็นสบายกำลังดี และเริ่มไม่ค่อยมีฝนแล้ว เนื่องจากกำลังเข้าหน้าหนาว เจนรับอาสาออกไปหาหน่อไม้ป่า นำมาแกงให้หนุ่ม ๆ กินกัน 
"คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเจนกลับมาพร้อมของอร่อย ๆ" เจนพูดก่อนเดินไปเตรียมอุปกรณ์ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็นั่งคุยกันไปตามประสา พร้อมเตรีมตั้งวงเหล้าระลึกความหลัง"อืม เดี๋ยวผมไปปิ้งปลามาแกล้มเหล้าไปพลางๆก่อน ส่วนพี่อ้นก็นั่งพักให้เหนื่อยไปก่อนนะ" แสงพูดแล้วขอตัวเข้าครัวไปจัดเตรียมหากับแกล้ม  เจนหยิบอุปกรณ์เสร็จก็เดินลงกระไดมุ่งหน้าไปหาหน่อไม้ป่า  พี่อ้นนั่งจิบเหล้าเงียบ ๆ ไปสักพักก็รู้สึกเหงา ๆ เลยเดินตามแสงเข้าไปที่ครัว  ระหว่างที่แสงกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ติดเตาพร้อมเตรียมปิ้งปลาอยู่นั้น พี่อ้นก็ชะโงกหน้ามองลงไปที่เตา พลันประจวบเหมาะที่แสงหันหน้ามาพอดี จนปากของคนทั้งคู่ประกบกัน "ว๊าย" เสียงหนึ่งในนั้นร้องขึ้น ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง 
        เจนเดินคิดอะไรเงียบ ๆ ไป จนถึงกอไผ่ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ "คงไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกนะ" 
        สายลมหนาวพัดมา อำลาแล้วหนาวิรุฬเอ๋ย  ฟ้าเปิดคนเปลี่ยนจากเคย เคย ไม่รู้เลยที่ตัวโฉมยง หรือ คงชาตรี...........
         สมัยตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย พี่อ้นเป็นหนุ่มนักกีฬา หน้าหวาน สาว ๆ ตามจีบ ตามปลื้ม มากมาย ได้รู้จักกับเจนและแสงก็ตอนมาเข้าชมรมกีฬาทีมเดียวกัน พี่อ้นถูกใจเจนแต่แรกเริ่มเห็น แต่ก็พ่ายแสง เพราะเขามาก่อน ก็ไม่เชิง แต่เพราะเจนเป็นฝ่ายเลือกต่างหาก การแข่งขันค่อนข้างดุเดือด จนถึงเลือดกันเลย การนำลูกบาสอัดใส่หน้าคู่ต่อสู้ คงไม่ใช่จรรยาบรรณของนักกีฬาที่ดีนัก แต่การรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักให้อภัย นี่สิน้ำใจนักกีฬา ทั้งคู่จับมือประสานสัมพันธ์กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่างกินเที่ยวร่วมก๊วนเดียวกัน จนพี่อ้นจบการศึกษาและ รับปริญญาไปก่อน 
          "อุ๊ย" เจนร้องเมื่อเลือดที่นิ้วมือไหลออกมา เพราะเธอถูกเปลือกหน่อไม้บาด จากที่เธอไม่ทันระวัง ฟ้าสว่าง ๆ ก็พลันมืดลงไปในบัดดล เพราะเจนเป็นลม เนื่องจากเธอเป็นโรคกลัวเลือด แต่เปล่าเลยเธอหน้ามืดเพราะก้มหน้าขุดหน่อไม้นานไปหน่อย พอเงยหน้าขึ้นมากระทันหันก็เลยทำให้ลมใส่				
9 สิงหาคม 2550 14:20 น.

เมื่อฟ้าเปิดคนก็เปลี่ยน2

อัศรีย์

ช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเจริญเติบโตของต้นกล้า กับฝนแรกแห่งชีวิตคู่ของแสงและเจนดูเหมือนจะผ่านไปแบบสวนทาง ต้นกล้าโตวันโตคืนแต่ต้นรักนับวันจะเฉาวันและเฉาคืน อุดมการณ์บางครั้งก็กินไม่ได้ คนเรียกหาธรรมชาติเมื่อขาดแคลนพอได้รับเต็มที่ก็เกิดความเบื่อหน่าย และพร่ำเรียกหาแสงเสียง และความเจริญ เจนเกิดที่กทม. และใช้ชีวิตสุขสบายมาเกิน 20 ฝน ส่วนแสงเป็นคนต่างจังหวัดแต่กำเนิด แต่พ่อแม่ก็ส่งเขาไปเรียนที่กทม. ใช้ชีวิตแบบคนกรุงมาเป็นเวลาหลายปี แต่แสงก็ไม่ได้หลงใหลไปกับสิ่งที่เขาได้รับ ได้เห็น 
             กล้าน้อยคลอฝน ลำต้นใหญ่ กางกิ่งก้าน แลใบ พริ้วไหว ตามสายลม
ฟ้าเปิด สดใส ไม้ใหญ่ ดาษดา อำลา สาวเจ้าตัวใกล้ ใจปลิวไปกับสายลม..........
             ปลายฝนและกำลังจะต้นหนาว อากาศกำลังดี แสงเห็นรอยยิ้มเจนขึ้นอีกครั้งหลังหม่นหมอง นั่งจ้องแต่ฝนบนระเบียงบ้านมาหลายเดือน เสียงหนึ่งดังมาก่อนรอยยิ้มปรากฎ "ปิ๊น ๆ" เสียงแตรจากรถกระบะคันงามรุ่นใหม่ แบบในโฆษณา ที่สามารถบุกบั่นเข้ามาแม้ในที่รกร้าง ดงดอน ดังขึ้น "เอาอะไรมาขายล่ะ" เจนตะโกนถามคนในรถ  ไม่มีเสียงตอบใด ๆ ออกมาจากรถ แสงจึงลงไปดู
เห็นคนในรถง่วนอยู่กับข้าวของมากมายในรถ จนไม่สนใจเสียงใครหรืออะไรทั้งนั้น  "อ้าวพี่อ้น" แสงทักอย่างดีใจเมื่อเห็นหน้าได้ถนัด ชายหนุ่มรูปงามหน้าละม้ายคล้ายหญิงก็หันควับมาตามเสียง "แสงหรอ อ้าวมาช่วยพี่ยกของหน่อยเร็ว ซื้อมาฝากเพียบเลย" พี่อ้นหันมาตอบเสียงระรื่น  เจนวิ่งลงมาจากนอกชาน เมื่อเห็นพี่อ้นเพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยมาเยี่ยมก็อดดีใจไม่ได้ รีบวิ่งลงกระไดมาต้อนรับในทันที ต่างดีอกดีใจเมื่อเจอหน้ากัน ช่วยกันหิ้วของฝากพะรุงพะรังขึ้นบ้าน  เจนหาน้ำหาท่ามาต้อนรับให้หายเหนื่อย "น้ำหวานดีจัง น้ำฝนหรือ" พี่อ้นถามหลังจากซดซะเกลี้ยงขัน "จ้ะ" เจนตอบ "หาดื่มได้ยากแล้วนะ โชคดีที่พวกเธอมีไว้ดื่มมากทีเดียว ในกรุงคงทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว คงจะได้ซดน้ำขี้แมว น้ำมลพิษ จนท้องไส้ปั่นป่วนเป็นแน่ คิดแล้วเบื่อกรุงจึงมุ่งมาเยี่ยมพวกเธอไงล่ะ" พี่อ้นบรรยายสาเหตุที่ดั้นด้นมา "ก็พักให้หลาย ๆ วัน ไปเลยนะพี่" แสงชวน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศรีย์
Lovings  อัศรีย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศรีย์
Lovings  อัศรีย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัศรีย์
Lovings  อัศรีย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัศรีย์