29 พฤศจิกายน 2547 17:51 น.
อัลมิตรา
ผู้เขียนมองเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาย พยายามที่จะพับนกกระดาษ มือที่ใหญ่เทอะทะของเขากับกระดาษขาวขนาด 4*4 นิ้ว ดูแล้วช่างขัดตาเหลือเกิน แต่ผู้เขียนก็พยายามเอาใจช่วยให้เขาทำสำเร็จ เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ฝีมือเยี่ยม งานที่ซับซ้อนเพียงใด เขาก็สร้างผลงานได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าเขาใช้เวลามากไปสักนิดในการพับนกกระดาษ เอาเถอะ .. ตัวแรก ตัวที่สอง และตัวถัด ๆไป การทำเวลาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
เริ่มจากตอนเช้า ขณะที่ผู้เขียนมานั่งประจำโต๊ะทำงาน ทันทีที่จัดเก็บของส่วนตัวลงลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมาหาพร้อมยิ้มแบบเขินอายนิด ๆ
คุณครับ คุณพับนกกระดาษเป็นไหมครับ เสียงทุ่มที่คุ้นเคยทำให้ผู้เขียนเงยหน้าขึ้นมามอง พลางยิ้มรับแทนคำตอบ
คือผมอยากพับนกกระดาษบ้างครับ กรุณาสอนผมหน่อยนะครับ เขาทอดเสียง
ยินดีค่ะ คุณมีกระดาษมาหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้เตรียมให้ค่ะ พอดีมีกระดาษใช้แล้วอยู่บ้างค่ะ ผู้เขียนตอบ
นกกระดาษหลากสีสวย ๆ ในขวดโหลของผู้เขียน เป็นเหตุที่ทำให้หลายวันมานี่ ใครต่อใครเดินมาหาผู้เขียนเพื่อให้สอนพับนก ความทรงจำในวัยเยาว์ วันที่คุณปู่ของผู้เขียนจับเด็ก ๆ ซึ่งหมายถึงมีผู้เขียนด้วย นั่งล้อมวงและดูคุณปู่พับนก พับกบ พับตั๊กแตน ด้วยเศษกระดาษ ในตอนนั้นผู้เขียนเป็นผู้ที่มีความอดทนน้อยที่สุด และอาศัยความเป็นหลานคนโปรด จึงเอาแต่อ้อนให้คุณปู่พับให้ ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆพยายามหัดพับ นานเหมือนกันจนผู้เขียนอยากจะหัดพับเอง ความประณีตในชิ้นงานจึงไม่ค่อยมีสักเท่าใดนัก
เมื่อปีกลายที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เขียนเดินผ่านร้านขายเครื่องแก้ว ขวดโหลใบหนึ่งสะดุดตา ลายดอกไม้เล็กที่ฉาบลายบนแก้วเนื้อใส และเส้นปอที่พันรอบฐานแก้ว ผู้เขียนซื้อกลับบ้านโดยที่ยังไม่รู้เป้าหมายเลยสักนิดว่า จะเอาโหลแก้วใบนี้ทำอะไร ครั้นจะนำไปเลี้ยงปลาทองและตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร เหมือนอย่างเช่นเคย ผู้เขียนก็ไม่อยากจะทำ คราวนั้นปลาทองของผู้เขียนตาย ผู้เขียนยังเศร้าไปหลายวัน มองลายหางและครีบโบกพลิ้วน้ำก็น่าเพลินอยู่หรอก แต่คราวที่ต้องมองโหลเปล่า ๆ นี่สิ ความรู้สึกหดหู่พลันเกิดขึ้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าในสิ่งที่เคยทำมา สมควรแล้วหรือเปล่า ผู้เขียนแยกแยะไม่ใคร่จะออกเรื่องการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกกักอาณาบริเวณ เนื่องจากผู้เขียนรักอิสระ เช่นกันย่อมไม่ปรารถนาสิ่งกักขัง
ขวดโหลใบเก่าที่เคยเลี้ยงปลาทองไว้ ตอนนี้กลายเป็นขวดโหลที่ใส่ปลาตะเพียนตัวน้อย และดาว ผู้เขียนเก็บเศษกระดาษลายสวย ยิ่งช่วงเทศกาลของขวัญ ผู้เขียนจะมีปลาตะเพียนและดาวสวยๆจากกระดาษเหล่านั้น ตอนนี้ก็ได้ค่อนโหล หากจะเทออกมานับแล้วคาดว่าคงเกินสี่ร้อยชิ้น ซึ่งก็นับว่ามากกว่าขวดโหลแก้วใบใหม่ที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน นกตัวกระจ้อยขนาดเท่าแป้นอักษรคีย์บอร์ด ผู้เขียนใช้เวลาว่าง ( ซึ่งก็มีอยู่น้อยนิด ) พับนกวันละตัว สองตัว บางสัปดาห์ไม่ได้เลยสักตัว จนกระทั่งเต็มโหล ผ้าลูกไม้เย็บชายถูกนำมากุ๊นรอบปากขวดและคาดสายด้วยริบบิ้นสีฟ้าสลับขาว
จากแรกเริ่มที่ผู้เขียนพับจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ จุดประสงค์ถูกเปลี่ยนไป ครั้งแรกผู้เขียนคิดว่าหากพับนกตัวจ้อยได้เต็มโหลแก้ว ผู้เขียนจะเอาไปเป็นของขวัญให้คุณพ่ออุปถัมท์ แต่ทว่าตอนนี้คงไม่มีโอกาสนำไปมอบให้ เนื่องจากคุณพ่ออุปถัมท์ท่านออกบวชและคาดว่าคงไม่สึก ขวดโหลนี้เป็นค่าแทนใจ เป็นตัวแทนให้คิดถึง ในเวลาที่ทำงาน มีบ้างที่ทุกข์ท้อ และประสบปัญหา หลายครั้งที่อยากปลดภาระที่แบกไว้ทั้งหมด และแล้วสายตาพลันเห็นนกกระดาษในโหลแก้วนั้น ค่ะ คุณพ่อ หนูจะพยายามบิน
เขาพับนกตัวแรกได้ในเวลายี่สิบนาที รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเขา คงเหมือนรอยยิ้มครั้งแรกของผู้เขียนในวัยเยาว์เช่นกัน
คุณปู่ขา ดูให้หนูหน่อย นกของหนูปีกขยับได้ไหมคะ นกของหนูสวยไหมคะ ผู้เขียนในวัยเยาว์นอนเกยคางที่ตักคุณปู่แล้วอ้อนถามแกมอวดผลงานชิ้นแรก
คุณครับ ผมทำเสร็จแล้ว คุณช่วยดูให้ผมหน่อย โอเคไหมครับ เสียงของเขาทำให้ผู้เขียนกลับสู่โลกปัจจุบัน
เก่งค่ะ สวยแล้ว ตรงนี้ต้องพับริมให้เสมอกันจะเรียบร้อยกว่านี้ค่ะ แต่ก็โอเคแล้วนะคะ ครั้งแรก คุณเก่งจัง ผู้เขียนกล่าวอย่างจริงใจ
ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยสนใจเลยครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะถึงอย่างไร ผมก็คิดว่ายากที่ไฟใต้จะสงบนะครับ เห็นฆ่ากันตายไม่เว้นแต่ละวัน เขากล่าว
คงมีบางสิ่งที่ทำให้คุณเปลี่ยนความคิดสิคะ ผู้เขียนกล่าวเชิงถาม
ครับ มีบางอย่างทำให้ผมปรับเปลี่ยนความคิด บางอย่างที่ผมไม่น่ามองผ่านไปในตอนแรก คุณจำได้ไหมครับที่นักร้องดังป่วยหนัก และบรรดาแฟนเพลงพับนกกระดาษให้เขา พับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า ในตอนนั้นผมยังอดสังเวชใจไม่ได้ เด็กพวกนี้ ดึกดื่นก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง มัวแต่มานั่งจุ้มปุกพับนกกระดาษ ผมว่ามันไร้สาระนะครับ ปาฏิหาริย์มันคงไม่ได้เกิดจากกระดาษอะไรนี่หรอก คำที่เขาเล่า ทำให้ผู้เขียนย้อนทบทวนไปเมื่อเหตุการณ์หลายเดือนก่อน ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกสลดใจที่เห็นอาการของนักร้องดังคนนั้นสาหัสเกินที่แพทย์จะเยียวยาให้เป็นปกติดังเดิมได้
ผมเห็นหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันครึกโครมทุกวัน คนขายข่าวก็ขายกันไป ส่วนพ่อแม่ของเด็กพวกนั้น ก็ต้องเฝ้าดูแลลูกตัวเองกันไป คนป่วยนั่นรึจะรู้สึกรู้สาอะไร เขานอนอาการเพียบออกขนาดนั้น นี่ครับความรู้สึกของผมในครั้งนั้น
ขณะที่เขาเล่าอยู่นั้น เขาก็ยังไม่ได้ละมือจากการพับนกกระดาษตัวที่สองของเขา อะไรหนอที่ทำให้ความคิดของเขาปรับเปลี่ยนไป ผู้เขียนไม่อาจตัดสินได้หรอกว่า เขาปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือเปล่า แต่ที่รู้ ๆ ผู้เขียนรู้สึกดี กับความเป็นกันเองของเขาที่เล่าให้ผู้เขียนรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
ค่ะ น่าสงสาร ตอนนี้ไม่ทราบข่าวเลยว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ทราบแต่ว่าตอนที่อาการหนักคราวก่อน แพทย์ก็ไม่รับประกันความเสี่ยงเลย แย่จังเขายังอายุไม่เท่าไหร่ ผู้เขียนกล่าว
ครับ กำลังดังเสียด้วย แต่นั่นแหล่ะครับ ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ตีตั๋วเที่ยวไปไม่ได้กลับ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกครับ ส่วนเรื่องที่พับนก ผมเห็นเด็กข้างบ้าน ชั้นอนุบาล นั่งบรรจงพับนกกระดาษ ผมถามว่าเอาไปส่งคุณครูหรือเปล่า เด็กน้อยตอบว่า ส่งไปภาคใต้ค่ะ คุณลุง นกกระดาษของหนูจะบินไป พวกเขาจะได้ไม่โกรธกัน ผมก็ย้อนถามนะครับ ว่าเขาจะเอาตังค์ดีกว่ามั๊ง เด็กน้อยตอบว่าอะไรรู้ไหมครับ ผมสะอึกกับความคิดของเด็กสี่ขวบเลย
คุณตอบว่าไงคะ ผู้เขียนสนใจจะรู้คำตอบ
ครับ แม่หนูน้อยตอบอย่างนี้ครับ.. หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ คุณลุง คุณแม่บอกว่าอยู่ชั้นอนุบาลยังไม่ต้องใช้เงิน หนูเอาเศษกระดาษมาพับนก คุณลุงคิดว่า เพื่อนของหนูที่นั่นเขาจะเกลียดหนูไหมคะ แต่หนูอยากให้พวกเขารู้นะคะ หนูไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกัน เผาโรงเรียน หนูเห็นข่าวเพื่อนหนูร้องไห้ หนูอยากไปโรงเรียน เพื่อนของหนูก็คงอยากไปโรงเรียนค่ะ คุณลุงคิดว่าพับนกกระดาษไม่ดีหรือคะ ... ครับเป็นคำที่ย้อนถามผม ผมจะเอาเหตุผลอะไรไปบอกเด็กน้อยคนนี้ได้ครับ กับความคิดที่ผมมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับหัวใจอีกดวง มันคือพลังใจอันใหญ่ยิ่งครับ ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ผมแล้งน้ำใจเกินไป เขาหยุดชะงักนิดหน่อย ตรงคำสุดท้ายในประโยค
บางทีเราไม่อาจคาดคิดได้ครบทุกมุมหรอกค่ะ คุณตอบเด็กคนนั้นว่าอย่างไรคะ ผู้เขียนซัก
ผมบอกเด็กคนนั้นว่า เป็นความคิดที่ดี ที่หนูมีใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนของหนู ลุงก็มีเพื่อนที่นั่นเหมือนกัน ลุงเกือบลืมไปเสียสนิทว่า ลุงมีเพื่อนที่นั่น .. เขาหันมามองผู้เขียนและส่งนกตัวที่สองมาให้ คราวนี้งานละเมียดกว่าเดิม
ค่ะ เรามีเพื่อนที่นั่น และยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป ผู้เขียนยิ้มรับ
นกกระดาษขาวสองตัวที่เกาะบนจอมอนิเตอร์พื้นสีดำ ดูงามเด่นตัดกับพื้นผิวของขอบมอนิเตอร์ บนความร้อนระอุ หากยังมีเกล็ดละอองฝนอยู่ ความชุ่มชื่นย่อมไม่จางหายไปเสียทั้งหมด เช่นกันกับความแข็งกระด้างของหัวใจบางดวง อาจมีความละมุนซุกซ่อนอยู่ เมื่อใดหนอเมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพจะงอกงามไปทั่วทุกถิ่นฐาน ความขัดแย้งซึ่งมาจากฐานต่างกันจะถูกปรับให้มีวิถีดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ขัดแย้งกัน .. ใครก็ตามแต่ทีมีหยากไย่ในใจ และเฝ้ารอถึงวันที่จะปักกวาดนกกระดาษที่จะบินว่อนจากฟากฟ้า ควรจะตระหนักถึงความทุ่มเท การส่งพลังใจ จากเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิด จริงอยู่ที่การอยู่รวมกันบนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ มีบ้างที่แตกต่างกันทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมและศรัทธา ความเป็นไปได้ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสงบสุข จะไม่มีเชียวหรือ นั่นคงฝากไว้เป็นแง่คิดจากผู้เขียนที่เรียกตนเองว่าลาโง่เสมอมา ...
นกกระดาษมีความหมายและคุณค่าทางใจมากกว่าวัตถุที่ร่วงหล่นจากฟ้าแล้วโดนมองว่าเป็นเพียงเศษกระดาษ เศษขยะที่จะต้องกำจัด.. เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่จะเยียวยาใครสักคนที่รู้สึกหมดหวัง รู้สึกสิ้นไร้ต่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ควรกระทำ .. ผู้เขียนก็มีแง่มุมหนึ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ และแน่นอน บางท่านอาจจะมีต่างแง่คิดออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนใคร่จะทำ ก็คือ .. อะไรก็ได้ที่ให้เพื่อนร่วมแผ่นดินที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกว่า ผู้เขียนไม่ได้ทอดทิ้งให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
นกกระดาษคือกุศโลบายอย่างหนึ่ง แต่พลังใจที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุก ๆ คน .. ผู้เขียนมี และ ท่านผู้อ่านก็มี .. สำคัญแต่ว่า จะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ ให้กับผู้ที่รอคอยความหวังอยู่หรือเปล่า ท่านเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ ..
มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
25 พฤศจิกายน 2547 11:33 น.
อัลมิตรา
บ่ายวันอาทิตย์ขณะที่ผู้เขียนนั่งรีดเสื้อผ้าที่จะต้องเตรียมไว้ใส่ในวันทำงานสัปดาห์ถัดไป ก็ต้องมีอันสะดุ้งโหยงจะเสียงปิดประตูปัง ปัง และ ก็ ปัง แทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าเสียงเกิดขึ้นจากที่ใด และไม่ต้องเดาว่าผู้ใดกระทำ เสียงเฮของเด็ก ๆที่วิ่งเล่นกันในส่วนสันทนาการเล็ดลอดมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ จะว่าไปแล้ว ปกติเวลาประมาณนี้เด็กพวกนี้จะแห่กันมาที่บ้านของผู้เขียน เด็กที่มาจากสัญชาติต่าง ๆ มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ อินโดนีเซีย ไทย และยังมีอีกมากมายที่ผู้เขียนสัมภาษณ์ไม่หวัดไม่ไหว อาจจะเป็นเพราะว่า ที่พักของผู้เขียนอยู่ใกล้บริเวณที่พวกเขาเล่น เวลาเหนื่อย ก็มาเคาะประตู ขอกินน้ำ เวลามีคนรังแกกัน ก็จะเคาะประตูมาฟ้อง .. ดูเถอะ เวลามีขนม ไม่ยักจะมาเคาะประตูเรียกบ้างเลย ให้ได้งั้นสิ !
ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สังสอน ไอ้พวกชั้นต่ำ น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ .
เสียงแว๊ด ของปีศาจแดงแผดลั่น ตามด้วยเสียงปิดประตูปัง ผู้เขียนก็สงสัยอยู่ว่า สงสัยประตูบ้านของหญิงชราผู้นั้น คงแข็งแรงน่าดู เพราะ ปัง ปัง ทุกวัน ไม่ยักจะพังพาบลงมา สักพัก ก็มีเสียงด่าอีก (แสดงว่าเปิดประตูออกมาด่าเป็น ระยะ ๆ)
ลูกสาวกูรวย กูมาอยู่ที่นี่ ไม่เหมือนอีพวกนี้ พวกขี้ข้า นั่น นั่น ไม่รู้ว่าปีศาจแดงกล่าวถึงใคร
ไอ้พวกยามก็เหมือนกัน กูจะบอกให้นิติไล่ออกให้หมด พวกชั้นต่ำ พวกขี้ข้า ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ตกลงผู้เขียนได้คำตอบแล้วว่า คงด่ากราดไปทั่ว
เฮ้อ ! นึก ๆ แล้วน่าเห็นใจ ไม่รู้อะไรกันนักหนา จำได้ว่าตอนที่ผู้เขียนเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ช่วงที่ต้องหอบของตบแต่งบ้านพะรุงพะรังเข้าลิฟท์ เคยตกตะลึงอย่างจังเมื่อกดเรียกลิฟท์แล้ว ปรากฏว่า เจอหญิงชราคนนี้อยู่ในชุดว่ายน้ำสีแดงแปร๊ด โดยที่ไม่ได้สวมเสื้อคลุม ผู้เขียนได้แต่ยิ้มกระเรี่ยกระร่ายด้วยความเขินแทน และรีบออกจากลิฟท์ทันที ที่ถึงจุดหมาย ปล่อยให้หญิงชราผู้นี้โบกมือหยอย ๆ ให้ผู้เขียนอยู่ในลิฟท์ อะไรไม่เท่าที่ สักพักใหญ่ ผู้เขียนมีเหตุจะต้องลงไปขนของที่รถอีกรอบ ปรากฏว่าหญิงชราผู้นี้ยังคงยิ้มแปร้ เป็นพนักงานประจำลิฟท์ด้วยชุดสุดหรูตัวเดิม เอ ท่าจะแปลก ๆ แต่ก็ช่างเถอะ อย่ามายุ่งกับเราก็แล้วกัน ผู้เขียนคิดเช่นนั้น
ด้วยความที่ผู้เขียนมีภาระกิจมากมาย จึงไม่ค่อยทราบสภาพแวดล้อมความเป็นมาเป็นไปของเพื่อนบ้าน และด้วยความที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ต่อผู้คนรอบข้างเท่าไหร่ ผู้เขียนก็ไม่ค่อยมีกิจเสวนากับเพื่อนบ้านเท่าใดนัก นอกเสียจากว่า ผู้เขียนประสบเหตุการณ์นั้นอย่างจัง จึงรู้ .. เช่นเมื่อปลายปีกลาย ขณะที่ผู้เขียนกลับมาจากที่ทำงาน และแวะเช็คจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ประจำบ้าน ได้ยินเสียงของหญิงชราผู้นี้ด่าทอ รปภ. อย่างหยาบคาย
ช่วยขนของหน่อย ไม่รู้เหรอว่าชั้นซื้อของมาแยะ เป็นขี้ข้าต้องให้บอกทุกเรื่อง เจียมตัวซะบ้าง รู้ซะบ้าง ชั้นเป็นใคร แกเป็นใคร รถสามล้อยังไม่ทันเคลื่อนตัวออกจากรั้วอาคารเลย เสียงหญิงชราก็ดับกลบเสียงรถสามล้อ
โง่ โง่ หน้าโง่กันทั้งนั้น ถึงต้องเป็น ยาม มึงนั่นแหล่ะ ยังจะโง่อีก ไม่รู้หรือไงว่าเรียก ดูเถอะ จะไว้วานให้ใครเขาช่วยแล้ว แต่วาจาที่กล่าวออกมาแต่ละคำ ไม่น่าฟังเสียเลย ผู้เขียนหันไปมอง รปภ. ที่เดินส่ายหัวแบบระอาหน่ายสุด ๆ มาที่หญิงชราผู้นั้น และช่วยหอบของทั้งหมดเดินตามหลังมา โดยที่หญิงชราผู้นั้นสะพายกระเป๋าเพียงอย่างเดียว ( ช่างยุติธรรมแท้ ! .. ผู้เขียนคิด)
ผู้เขียนเองก็ไม่เคยไปสืบเสาะเรื่องราวของเพื่อนบ้าน จึงไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นมีความเป็นมาอย่างไร และเหตุใดหนอภายใต้มาดที่วางไว้ราวเสียกับว่าเป็นผู้ดีเสียเต็มประดานั้น แต่กริยาและวาจาที่แสดงออก เป็นอะไรที่ผู้เขียนไม่สามารถจัดกลุ่มได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ดีได้เลย แรก ๆ ผู้เขียนไม่ค่อยจะชอบใจนัก ถึงแม้ว่าหญิงชราผู้นั้นจะไม่ได้ด่ากระทบโดยตรงมายังผู้เขียนก็ตาม ผู้เขียนไม่ชอบวาจาเช่นนี้ วาจาที่กล่าวดูหมิ่นผู้อื่นราวกับตนเองเป็นคนเหนือคน มีฐานันดรเทียบเท่าเทวดา
แม้กระทั่งในที่ชุมชน ผู้เขียนยังเคยเห็นหญิงชราผู้นั้นแสดงกริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ผู้เขียนได้แต่มองห่าง ๆ และปลีกตัวออกมาปลงสังเวช พลางคิดว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเสียดีกว่า ดูท่าแล้ว คงป่วยการที่จะแนะนำในเรื่องที่สมควรหรือไม่สมควร ซึ่งเป็นการยากเสียยิ่งกว่ายากที่จะให้หญิงชราผู้นั้นฟังความผู้อื่น
และเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ผู้เขียนรับประทานอาหารที่ร้านอาหารละแวกบ้าน เรื่องราวบางอย่างที่ผู้เขียนบังเอิญได้ยินมา ทำให้ผู้เขียนเริ่มรู้สึกสงสารหญิงชราผู้นี้ ไม่มีใครชอบอุปนิสัยที่หญิงชราได้แสดงออกมา แน่ล่ะ ผู้เขียนก็ไม่ชอบ
เฮ้ย เอ็งจำยัยปีศาจแดงได้ป่าว ดีแล้วที่ลูกเต้าไม่เลี้ยง เอามาปล่อยไว้ที่นี่ ใครล่ะอยากจะให้ไปอยู่ด้วย ประสาทกันทั้งบ้านพอดี เสียงลูกค้าที่นั่งโต๊ะถัดไปคุยกับเพื่อนที่นั่งตรงข้าม เขานั่งหันหลังให้อัลมิตรา
ยิ่งกว่าจะจำได้อีก ยัยคนนี้ปากโคตรร้ายเลยว่ะ เสียค่าปรับเท่าไหร่ ถ้าตบซักที วันก่อนกูเดินผ่าน แม่ง ! ขากถุยเฉี่ยวหัวแม่ตีนกูไปนิด อีแก่นี่วอนซะแล้ว เสียงตอบจากชายหนุ่มที่ยังแสดงอาการขัดเคืองไม่หาย
ปีศาจแดง ชื่อนี้เคยแว่ว ๆ ได้ยิน รปภ.กล่าวถึง จะใช่คนเดียวกับที่ผู้เขียนคาดหรือเปล่า ทำให้ผู้เขียนสนใจที่จะฟังเรื่องราวที่ชายทั้งสองคนพูดกันต่อ
เมื่อวานปีศาจแดงอาละวาด ไอ้ไซม่อนซวยไป โดนปีศาจแดงเอาน้ำจากแก้วมารดใส่หน้า ท่องคาถาอีกต่างหาก ท่าจะบ้า ไซม่อนร้องลั่นจนคนตกอกตกใจกันเป็นแถว กะอีกแค่ไซม่อนเล่นรองเท้าเสก็ตซ์ผ่านหน้าบ้านแค่นี้ ดีนะไม่ใช่น้ำร้อน ไม่อย่างนั้นปีศาจแดงนอนคุกแน่ ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนกล่าว
ชื่อไซม่อน เด็กชายลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้เขียนรู้จักดี อายุเพียง 9 ปีเท่านั้น กำลังอยู่ในวัยซน ผู้เขียนไม่เคยเห็นหน้าบิดาของไซม่อน แต่มารดาของเขาผู้เขียนเคยสนทนาด้วย ครั้งนั้นจำได้ว่า มารดาของไซม่อนมาถามว่า เสื้อผ้าส่งร้านไหนซักรีด ผู้เขียนบอกว่าไม่ได้ส่งร้านไหน ผู้เขียนซักรีดเอง จับความได้ว่า มารดาของไซม่อนมีรายได้เสริมคือรับซักรีดเสื้อผ้าในละแวกนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ไซม่อนต้องคือเด็กชายคนนั้นแน่ และปีศาจแดงก็คือสมญานามของหญิงชราผู้นั่นเอง
เหรอ ท่าจะโรคประสาทกำเริบ คราวก่อน สะใจชะมัด โดนอาซือกะเอากาวตราช้างหยอดใส่รูประตูลูกบิด โหวกเหวกลั่น แต่เรื่องอะไรใครจะบอกว่าเป็นฝีมือ อาซือกะ ชายที่ค่อนข้างขี้โมโหกล่าว
สงสัยประตูบ้านปีศาจแดงจะทำจากไม้เนื้อดี ปัง ปัง ทุกวัน ไม่พังสักที คำกล่าวของผู้ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนทำให้ผู้เขียนกลั้นหัวเราะ เพราะผู้เขียนก็เคยคิดอย่างนี้เช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยปริปากบอกใคร
ป้าไก่ (หมายถึง รปภ.หญิงที่ดูแลบริเวณสันทนาการ) ตบไปทีคราวนั้น ก็เพราะปีศาจแดงนี่แหล่ะ ที่ไปจิกหัวด่าก่อน เรื่องไปถึงโรงพัก ปีศาจแดงอาละวาดไม่เลิก ขุดโคตรเง่าออกมาด่า ซะจนตำรวจกระเจิงเหมือนกัน โดนกันทั่วถึง ความจริงค่าปรับ 500 คุ้มนะโว๊ย ..ป้าไก่แอบมาเล่าให้ข้าฟังว่าหัวหน้า รปภ. เป็นคนจ่ายค่าปรับให้ป้าไก่ นัยว่าหาโอกาสมานานแล้ว ชายผู้นั้นกล่าวต่อ
ผู้เขียนพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง รปภ.หญิงที่ชายทั้งสองพูดถึง ก็เคยบ่นให้ผู้เขียนฟังเหมือนกัน ตอนที่ผู้เขียนแสดงบัตรเพื่อใช้ห้องออกกำลังกาย ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะไม่ว่าใครก็ตาม จะยากดีมีจนแค่ไหน ก็ยังรักศักดิ์ศรีอยู่ การที่อีกคนมาด่าปาว ๆ ด่าได้ทุกวี่ทุกวัน เรื่องนั้นเรื่องนี้กุมาด่า และแต่ละคำก็ส่อให้รู้ถึงความเป็นมาโดยเนื้อแท้ มันน่าเบื่ออยู่หรอก ผู้เขียนนึกเห็นใจ พลางคิดว่า วันดีคืนดีตัวผู้เขียนเองอาจจะโดนแจ๊คพอตอย่างจังบ้าง คราวนี้จะทำเช่นไรดี
นึก ๆไปก็น่าสงสาร ชีวิตของหญิงชราผู้นั้นจะมีความสุขหรือเปล่าหนอ และจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการช่วยเหลือ
วกมาต้นเรื่องดีกว่า ในขณะที่ผู้เขียนรีดเสื้อผ้าอยู่นั้น สมาธิถูกทำลายด้วยเสียงปิดประตูปัง ปัง จากนั้นก็ได้ยินเสียเด็กเฮ เฮ กันเป็นระยะ นัยว่ายั่วยวนให้หญิงชราผู้นั้นแสดงอาการกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้น นอกจากเสียงปิดประตูดังแล้ว ยังมีเสียงด่าเด็ก ๆ เล็ดรอดมาด้วย ครั้นจะไม่ตั้งใจฟัง แต่ก็สุดห้ามไม่ให้หูได้ยิน ..
ไอ้เด็กเปรต ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่อื่นไม่มีเล่นหรือไง พวกคนชั้นต่ำมาอยู่รวมกัน เสนียดทั้งนั้น เลว เลวกันหมด เลวกันทั้งนั้น ทั้งพ่อแม่มัน ทั้งลูกมัน ทั้งยาม เลวกันหมด ไอ้คนที่อยู่ตึกนี้ ก็เลวกันไปหมด เออหนอ อะไรจะทำให้ทรงพระกริ้วขนาดนั้น เล่นด่ากราดเหวี่ยงแหอย่างนี้ และพอดีกับที่ผู้เขียนรีดชุดสุดท้ายเรียบร้อย จึงเหลือบดูนาฬิกา บ่ายกว่าแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยง จำต้องประทังชีวิตด้วยการเสาะอะไรสักอย่างยาไส้บ้าง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย จึงเดินไปร้านอาหาร ซึ่งก็ต้องผ่านบ้านของหญิงชราผู้นั้น เจ้าพวกลิงน้อยทั้งหลาย เมื่อเห็นผู้เขียน ต่างก็ลิงโลด คงหวังว่าจะได้ทานไอศกรีมนั่นเป็นแน่ ผู้เขียนผ่านสายตาไปชั่วแว๊ป เห็นหญิงชราผู้นั้นใส่ชุดลำลองยาวสีแดง (ท่าจะชอบสีนี้) ยืนท้าวเอวอยู่หน้าบ้าน หน้าตาบูดบึ้ง ปากขมุบขมิบ และสายตาที่มองมายังผู้เขียน ไม่ใคร่จะเป็นมิตรนัก ผู้เขียนบอกเด็ก ๆ ว่าเล่นเสียงเบา ๆ หน่อย อย่าส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น แต่เด็กก็คือเด็ก ผู้เขียนรู้แก่ใจว่า ไม่อาจห้ามเด็กไม่ให้ซน ยิ่งรวมกลุ่มกันได้อย่างนี้ เสียงย่อมเจี๊ยวจ๊าวเป็นธรรมดา
เอางี้ เลี้ยงเป๊บซี่ ใครสนใจ เดินตามมาเลยนะ ผู้เขียนบอกเจ้าลูกลิงตัวซนทั้งหลาย
เย้ ผมครับ ผมด้วย ด้วย กินด้วย ไปด้วย เค้าไปด้วย เสียงตอบหลายเสียง แข่งกันตอบรับคำของผู้เขียน
อีแม่เลว อีแม่ชั่ว .เสียงนี้เล่นเอาผู้เขียนหน้าชาไปเหมือนกัน แม่ใครหว่า ลูกใครหว่า ตายล่ะ ! หมายถึงเราหรือเปล่า ลูกตั้งเจ็ดคนเนี่ยนะ เหว๋อ .. ครั้นจะนึกโกรธ แต่ทว่าขำมากกว่า ทั้งที่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นกล่าวถึงผู้เขียน ในละแวกนั้นมีเพียงผู้เขียนกลับบรรดาพลพรรคลิงเท่านั้น ใครจะเป็นแม่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้เขียนล่ะ .. ขำ
อีแม่เลว อีแม่ชั่ว ไม่ใช่ผู้ดี ให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงดัง หน้าบ้านตัวเองก็ไม่ยอมให้เล่น ปล่อยให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงหน้าบ้านคนอื่น พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน เสียงลอยตามหลังมา แต่ผู้เขียนก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก สนใจแต่ว่า ในกระเป๋ากางเกงนอกจากกุญแจบ้านแล้ว ตะกี้หยิบเงินมาเท่าไหร่ จะพอให้เจ้าพวกลูกลิงทั้งหลายถล่มหรือเปล่าหนอ .. คิดแล้ว ขำ โดนแจ๊คพอตจนได้ หาเรื่องชะมัดเลยเรา เสบียงก็มีอยู่ในตู้เย็น แต่ก็ยังอุตส่าห์เตร่ ๆ ออกมาข้างนอกให้ปีศาจแดงด่าฟรี แถมต้องเสียค่าขนมเด็กอีก ..
แต่ก็ดีเหมือนกัน เมื่อนึกไปอีกอย่าง ถ้าไม่ออกมาให้เห็นจริงบ้าง ก็เท่ากับฟังแต่ที่เขาเล่าผ่านหู ฉายาปีศาจแดง เหมาะดีแท้ ..
3 พฤศจิกายน 2547 11:17 น.
อัลมิตรา
.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:.