24 กรกฎาคม 2551 07:15 น.
อัลมิตรา
ข้าพเจ้าทราบข่าวจากนายทิวาเมื่อวานบ่ายว่า..
"เดือนแรม ประกายเรือง มิตรกวี เสียชีวิตแล้ว"
ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
แต่ให้รู้สึกเสียดายนักเขียนมือฉมังของวงการกวีเป็นยิ่งนัก
13 กุมภาพันธ์ 2551 11:35 น.
อัลมิตรา
ในขณะที่เพื่อนร่วมงานที่นั่งทางด้านซ้ายและด้านขวา
ง่วนกับการดูคลิปของพระเอกฮ่องกงแล้วก็วิพากย์วิจารณ์
ฉันก็กำลังอ่านบทความฆาตกรโหดสะท้านโลก
ซึ่งแน่นอนมีฆาตกรคนไทยอยู่ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นตำนานของเสริม สาครราษฏร์ รักต้องฆ่าเพื่อมิให้เจนจิราไปรักคนอื่น
และตำนานนวลฉวีนางพยาบาลผู้ที่ไม่ยอมเสียผัวให้ใครก็เลยกลายเป็นเหยื่อความรัก
สองเรื่องของไทยเกี่ยวข้องกับความรัก
ในเมื่อรักแล้ว ทำไมต้องทำร้ายกันเสียจนขนาดนั้น บ้าจัง ..
"นั่งอ่านอะไรอยู่น่ะ หน้าเครียดเชียว" เพื่อนโยนคำถามมาจากมุมห้อง
"อ่านบทความนิดหน่อย สยองขวัญนิด ๆ" ฉันตอบกลับ
"ไม่สนเฉินกวนซีเหรอ ส่งเมล์ไปให้แล้ว เปิดดูดิ" เพื่อนอีกคนยิงคำถามมา
"อืมม ยังไม่ได้เปิดเวปเมล์" ฉันตอบแบบเลี่ยง ๆ
ฉันยังคงนั่งอ่านบทความไปเรื่อย ..
สองเรื่องนั้นจบก็อ่านแจ๊คเดอะริปเปอร์ต่อด้วยเดอะแบล็คดาห์เลีย
วันนี้ว่างจังแฮะ งานเพลาลงเยอะแล้ว ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนเมื่อต้นปี
จนกระทั่งสังเกตเห็นเพื่อน ๆ จับกลุ่มคุยกันเรื่องดอกกุหลาบ อะไรทำนองนี้
จับความไม่ถนัด จับประเด็นยังไม่แจ่มแจ้ง
"ดอกละตั้งพัน สั่งซื้อมาได้ตั้งเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าดอก"
เลขานุการของนายใหญ่เอาข่าวมาปูด
"โห เกือบแปดแสนเชียวนะ บ้าเปล่าเนี่ย !! "
" เฮ้ย !! จริงอ่ะ "
" ไหน ๆ ใครกัน ?"
เป็นความชุลมุนเล็ก ๆ ที่ทำให้ฉันละสายตาจากคอมพิวเตอร์ได้ชั่วขณะ
อาจจะเป็นเพราะเสียงก็ได้ ที่ค่อนข้างดังประมาณนกกระจอกสองฝูง
ในที่สุด ไม่ว่าจะตั้งใจฟังหรือไม่ตั้งใจฟัง ฉันก็รับรู้ข่าวนั้นจนได้
เรื่องมีอยู่ว่า .. ลูกชายของนายใหญ่
เกิดนึกครึ้มกับเทศกาลวันแห่งความรักสั่งซื้อดอกกุหลาบพันธุ์ดี
ดอกละพัน ราคาเขาว่ากันอย่างนั้น จำนวน 799 ดอก ...
ราคาน้อยนั้นเมื่อเทียบกับขนจักกะแร้ของเขามั๊ง
ฉันอ่านบทความต่อ คราวนี้ฉันอ่าน ซีอุย อสูรกายกินคน ..
เสียงเจี้ยวจ้าวยังคงดำเนินต่อไป ..
เรื่องของดอกกุหลาบจำนวนมากขนาดนั้นกับเศรษฐีหนุ่ม
เป็นประเด็นให้บรรดาสาวออฟฟิตจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนบรรดาหนุ่มออฟฟิตได้แต่ส่ายหัว
เพราะไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่า เพลาเสียงลงหน่อย
ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทม์น่ะเหรอ ได้สักดอกก็ยังดี
แต่..เหมือนหวังลม ๆ แล้ง ๆ
สมมุติว่าจะมีคนให้ดอกกุหลาบ 799 ดอก ..
เชอะ !! เปลี่ยนเป็นรถป้ายแดงสักคันดีกว่ามั๊ง
เอามาให้ทำไมตั้งเยอะตั้งแยะขนาดนั้น
ไม่กี่วันก็เฉา สิ้นเปลืองเปล่า ๆ ไม่รู้จักประหยัด
เงินตั้งหลายแสนเอามาทุ่มกับความโรแมนติคในช่วงหนึ่ง
ไอ้แบบนี้หรือเปล่าน๊า .. ชนวนเหตุฆาตกรรมแห่งความรัก
บ้าน่า !! อ่านบทความต่อไปดีกว่า คิดอะไรตลก ๆ อย่างนั้น
สยองจังวุ๊ย .. เชือด ชำแหละ กันอีกแล้ว เลือดกระฉูดเชียว ..น่ากลัวจังอ่ะ
25 ธันวาคม 2550 17:27 น.
อัลมิตรา
"มันอะไรกันนักกันหนา กับแค่จะไปกินข้าวมื้อเที่ยง
คิดกันไปอยู่นั่น เลือกกันไม่จบไม่สิ้นเสียที .. ชักโมโหหิวแล้วแฮะ"
เมื่อก่อนนั้น ฉันเกิดความรู้สึกอย่างที่เขียนไว้ในข้างต้นบ่อย ๆ
ตอนที่จับกลุ่มกับเพื่อนประมาณ 6 คน หาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง
บางร้าน ที่ว่างมีน้อย ไม่เพียงพอสำหรับ 6 คน บางร้านที่พอนั่งได้ก็ไม่ชอบ
เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นตอนที่ชักช้าเสียเวลาถามไถ่กันอยู่นานสองนาน
กิน กิน เข้าไปเหอะ เวลาพักก็มีแค่ชั่วโมงเดียว จะสรรหาอะไรกันมากมายนะ
คงเป็นเพราะตัวฉันทำตัวไม่ค่อยชินกับสภาพแบบนั้น ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องมากไปนิด
จากที่ต้องเข้าเวรทำงานเป็นกะ บางมื้อเตรียมอาหารมาจากบ้านเองด้วยซ้ำไป
ที่บอกว่าเตรียมมาน่ะ หมายถึง แม่ทำและจัดการใส่กล่องให้เรียบร้อย ไม่ได้ทำเอง
คิดดูละกัน กลางค่ำกลางคืนเข้าเวรสี่ทุ่มกว่าเลิกงานเช้าตรู่ ออกนอกที่ทำงานก็ไม่ได้
แล้วมันจะมีอะไรดีไปกว่า ต้องจัดการเตรียมมาเอง ..
หิวเมื่อไหร่ ก็ อุ่นที่ไมโครเวฟ ซะ
จนชินนะ .. ที่สามารถกำกับอาหารที่ต้องการ และช่วงเวลาที่อยากจะกินได้
พอมาอยู่ในระเบียบของชีวิตทำงานปกติ มันก็เลยเซ็ง 6 คน
..บางที ก็ 6 ความคิด..
ตกลงกันตั้งแต่สิบโมงเช้า เที่ยงไม่ลงตัว ก็ยังเคย
.. น่าเบื่อออก คิดแล้วอยากจะ ฮ่วย ดัง ๆ ..
เดี๋ยวนี้น่ะเหรอ ไม่เซ็งแล้ว ไม่เบื่อหน่าย มีความสุขกับพักเที่ยงชะมัด
กินคนเดียวซะเลย ไม่ต้องหงุดหงิดกับการโหวตเลือกร้านอาหาร
เลือกซื้อเองกินบ้าง ฝากเขาซื้อบ้าง เตรียมไปเองบ้าง แล้วแต่โอกาสจะอำนวย
มีเวลาพอที่จะนั่งพักผ่อนสบาย ๆ เปิดเน็ต ฟังเพลง อ่านหนังสือ แล้วก็ไปแปรงฟัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ กว่าจะรวมตัวครบ 6 คน
บางคนก็ขอเข้าห้องน้ำก่อน .. เฮ้อ..
บางคนขอหวีผม เติมแป้งนิด .. เฮ้อ ..
หิวชะมัดเลยฉัน ไส้จะขาดอยู่รอมร่อ.. เฮ้อ ..
จู่ ๆ ก็นึกถึงการโหวต โหวตเลือกพรรค โหวตเลือกร้าน
..มันคล้ายกันอยู่นิดนึงจริง ๆ นะ.. ขอบอก นิดเดียวจริง ๆ
19 ธันวาคม 2550 23:52 น.
อัลมิตรา
"ถ้าจะชวนไป วัดพระบาทน้ำพุ กลัวหรือเปล่า กลัวคนเป็นโรคเอดส์มั๊ย ?"
สามวันที่ผ่านมา จู่ ๆ ฉันก็เอ่ยปากชวนเพื่อนคนหนึ่ง
เธอไม่ได้ตอบว่ากลัวหรือเปล่า แต่เธอตอบว่า
"ไปเมื่อไหร่บอกมาแล้วกัน ถ้าไม่ติดอะไรจะไปด้วย.."
ต้องยอมรับว่า ฉันยังไม่ได้วางแผนถึงวันที่จะเดินทางไป
ในช่วงที่งานชุกซะขนาดนี้ นึกไม่ออกว่าจะลงตัวในวันไหนดี
แต่ในใจคิดนะ .. คิดถึงวันเด็ก เด็กที่นั่นจะได้มีความสุขเหมือนเด็กที่อื่น ๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่า ถึงตอนนั้นแล้ว จะพอเคลียร์งานให้บางเบาลงได้หรือยัง
ฉันบอกเพื่อนว่า ถ้าไป คงเป็นการเดินทางไปแบบเงียบ ๆ ไม่เอิกเกริก
สำหรับตอนนี้ฉันก็หาข้อมูลในเน็ตไปเรื่อย เกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางบ้าง
เกี่ยวกับความเป็นมาของวัดพระบาทน้ำพุด้วย อ่านเรื่องราว ดูรูปภาพ
บอกตรง ๆ สลดใจ
มันค้างคาในใจยังไงก็ไม่รู้ กับความตั้งใจในครั้งนี้
อันที่จริงฉันควรจะถามตัวเองก่อนว่า
"ถ้าจะไป วัดพระบาทน้ำพุ กลัวหรือเปล่า กลัวคนเป็นโรคเอดส์มั๊ย ?"
12 ธันวาคม 2550 07:55 น.
อัลมิตรา
อมก๋อยและรอยยิ้ม
ภาระกิจ"ปันน้ำใจเพื่อเพื่อนไทยในชนบท" 7-10 ธันวาคม 2550
ที่หมู่บ้านสะเต อ.อมก๋อย เป็นอันเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
ข้าพเจ้าเชื่อว่า ..ในความรู้สึกของผู้ร่วมเดินทางทุกคน
ยังคงเปี่ยมไปด้วยความปีติและความสุขใจ