28 มกราคม 2553 15:53 น.
อัลมิตรา
บ่ายเมื่อวาน ..
ขณะที่กำลังง่วงตาปรือ จู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นจั่วบนหน้าจอว่า "ไม่รู้จัก"
ใครกันนะ ไม่รู้จัก แล้วยังโทรมาหาอีก
พอกดรับสาย เสียงอัตโนมัติก็ส่งเสียงทันทีว่า
"สวัสดีค่ะ นี่โทรจากธนาคารกรุงเทพฯ ขอแจ้งว่าท่านได้ค้างชำระบัตรเครดิต
เป็นจำนวนเงินเก้าหมื่นหกพันสามร้อยบาท (96,300.-)
หากต้องการฟังซ้ำให้กด (1) หากต้องการดำเนินการกด (2) "
ตอนนั้นก็รู้โดยอัตโนมัติเลยว่า โดนลองของซะแล้ว
แต่ก็ยังอุตส่าห์กด (1) เพื่อฟังมันพล่ามอีกรอบ
คราวนี้เปิดเสียงโทรศัพท์ให้ดัง ชวนเพื่อน ๆ มาฟังด้วย
มันก็พูดเหมือนเดิม ฉันกดสายทิ้งเมื่อมันให้เลือกกด (1) , กด (2)
!! หนอย !! ไม่ !! รู้ !! จัก !! ตาย !! ซะ !! แล้ว !!
มาทำลายบรรยากาศการง่วงของฉัน กำลังเคลิ้ม ๆ อยู่เชียวนั่น ฝันกระเจิงหมด
ถ้าบังเอิญว่าฉันมีบัตรเครดิต ฉันอาจตกใจในยอดเงินที่ค้างชำระ จนสติแตก
แล้วก็อาจหลงเชื่อ กด (2) และปล่อยให้มันหลอกล้วงข้อมูลที่ทำให้เงินฉันไหลได้
ทว่า..ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีบัตรเครดิตสักกะใบ แล้วจะเป็นหนี้ค้างชำระได้ไง
มันช่างเป็นมุขที่ถ่อยแท้ ชิชะ ..
ไอ้พวกนี้ .. น่าจะโดนจับโยนไปถมทะเลซะให้หมด บัดซบจริง ๆ
จำได้ว่า เมื่อปีก่อน เพื่อนที่ทำงานด้วยกันคนหนึ่งถูกหลอกลวงลักษณะคล้าย ๆ กัน
แต่คราวนั้น อ้างว่า ต้องการคืนเงินที่ชำระภาษีเกินให้ทางบัญชีธนาคาร ให้แจ้งเลขที่มา
กว่าเพื่อนจะรู้ตัว ก็หมดไปหลาย เสียทั้งเงิน เสียทั้งน้ำตา เพราะเสียรู้เสียท่าพวกมัน
ไอ้พวกนี้ .. น่าจะโดนจับโยนไปถมทะเลซะให้หมด บัดซบจริง ๆ (ย้ำ)
18 ธันวาคม 2552 11:10 น.
อัลมิตรา
ยูนิคอร์น (Unicorn)
สัตว์ในตำนานที่หลาย ๆ ประเทศในยุโรปมีความเชื่อว่าเป็นสัตว์เทพเจ้า
ดังที่ได้ถูกกล่าวขานเนือง ๆ ในเทพนิยายต่าง ๆ
หากแยกคำ Unicorn ก็จะได้คำว่า "Unus" + "Cornu"
ซึ่งรวมความหมายได้ว่า "เขาเดียว"
8 ธันวาคม 2552 09:58 น.
อัลมิตรา
ช่วงวันหยุดสามวันที่ผ่านมา
ใครต่อใครอาจะได้ไปท่องเที่ยว
หรือมีส่วนร่วมในงานเฉลิมฉลองวันมหามงคล
บางคนอาจยังมีงานที่คั่งค้างจนต้องใช้เวลาในวัหยุดสะสางให้แล้วเสร็จ ฯลฯ
บรรยากาศตามภูมิภาคค่อนข้างเย็น
ทว่าในเมืองหลวงนี้ยังคงอบอ้าว แดดเปรี้ยงผ่าว
เบื่อที่จะออกไปผจญแดดข้างนอกเสียจัง อยู่บ้านดีกว่า
30 พฤศจิกายน 2552 09:20 น.
อัลมิตรา
เสาร์ที่ผ่านมาข้าพเจ้ามีนัดกับเพื่อนที่จะเดินทางมาจากพระนครศรีอยุธยา
เพื่อเดินทางไปยัง รพ.ศิริราช ถวายพระพร แด่องค์เหนือหัวของพวกเรา
ทั้งที่ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายรับนัดโดยดุษฏี แต่พอใกล้วัน ก็ถูกเลื่อนนัดอีกหน
เหตุที่บอกว่าถูกเลื่อนนัดอีกหนนั้น เป็นเพราะว่าสัปดาห์ก่อนก็ถูกเลื่อนนัด
ทว่า ข้าพเจ้าก็ยังคงเดินทางไป รพ.ศิริราช ตามเจตนาที่ตั้งใจไว้
โดยชวนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ซึ่งก็นัดเริ่มต้นที่ รร.วัดสุทธิวราราม
เหตุที่นัด ณ จุดนี้ ก็เพราะ สะดวกต่อการเดินทางของข้าพเจ้า
นั่งรถสองแถวสาย 1272 (วัดดอกไม้-วัดสุทธิวราราม) เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 1.
ส่วนเพื่อนของข้าพเจ้าบ้านอยู่แถวเลียบแม่น้ำพระราม 3 ก็ถือว่าจุดนัดนี้เหมาะ
ข้าพเจ้าไปถึง รร.วัดสุทธิวราราม ประมาณ 07.05 น.
และเห็นว่าที่ รร. เหมือนจะมีงานบางอย่าง
วงดุริยางค์ตั้งขบวน กลองยาวตั้งขบวน
สักพักเพื่อนของข้าพเจ้าก็มาถึง ข้าพเจ้ารีบบอกเพื่อนให้มาเจอที่สนาม
ตอนนั้นเห็นคุณครูกำลังจัดแถวนักเรียนให้เป็นขบวนพาเหรด
16 พฤศจิกายน 2552 21:36 น.
อัลมิตรา
.
ข้าพเจ้าในฐานะของลูกคนสุดท้อง คนที่หกของแม่ คนที่สิบของพ่อ
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้าพเจ้าเป็นลูกรักของพ่อ
แต่กับแม่นี่สิ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ..
สำหรับครอบครัวใหญ่ ที่อยู่ครบญาติตั้งแต่ปู่ย่าไล่เลียงมาถึงรุ่นหลาน
มันจึงคล้ายกับว่า ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในย่านนั้น
ผู้คนในซอยบ้านจะเรียกพ่อของข้าพเจ้าว่า เถ้าแก่
ผิดกันตรงที่ข้าพเจ้าไม่เคยถูกเรียกว่า คุณหนู ทว่า ฉายาคือ ไอ้แสบเล็ก
พี่ชายถัดขึ้นไปจากข้าพเจ้าเป็นนักสู้เต็มตัว
ส่วนอีกคนที่แก่กว่ากลับเรียบร้อยเกินเหตุ
ด้วยความที่เป็นสามหน่อเล็ก ความสนิทสนมจึงมีมากกว่าพี่คนอื่น ๆ
ข้าพเจ้าจำได้มั่น ในวันนั้น วันที่เกิดเหตุ
พี่ชายคนที่เรียบร้อยเดินเซกลับบ้านด้วยใบหน้าที่บวมปูด ริมฝีปากแตก
พี่ชายคนเล็กจึงถามเขาถึงสาเหตุ จากนั้นไม่พูดร่ำทำเพลงใด
สองคนเล็กของตระกูลก็พากันเดินออกไปเผชิญสถานการณ์
ที่กองทรายท้ายซอย พวกนั้นยืนรออยู่ก่อนแล้ว มีอยู่ 7 คน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กเกิดความหวั่นวิตกแต่อย่างใด
มีเพียงแวปเดียวเท่านั้นที่พี่ชายคนเล็ก หันมามองข้าพเจ้าด้วยความเป็นห่วง
ไม่ต้องมีปี่พากย์บรรเลงประกอบมวยหมู่ 7 ต่อ 2
เมื่อเทียบกันแล้ว ข้าพเจ้าตัวเล็กกว่าใครทั้งหมด แถมเป็นผู้หญิงคนเดียว
ไม่มีการออมมือ ไม่มีการยั้งแรง การตะลุมบอนเกิดขึ้นไว และ เลิกไว
สองคนพี่น้องต่างพยุงกันและกัน เดินกลับบ้าน
แม่ยืนถือไม้เรียวรอรับตั้งแต่ประตูรั้วแล้ว หน้าตาถมึงทึง โกรธจัด
โดยที่พ่อพยายามส่งซิกให้ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กหลบไปก่อน
เหลือบมองด้านข้างประตูรั้ว ก็ดูเหมือนว่า งานนี้ แพ้ แล้ว ก็ แพ้
ก็แค่ข้าพเจ้าใช้หมัดไม่เป็น อย่างดีก็ได้แต่ข่วน กัด ถีบ ผลัก
กระนั้นก็ทำให้คู่กรณีบาดเจ็บหูแหว่ง เลือดซิบจนได้
สำหรับสภาพของข้าพเจ้าเอง ก็ใช่ว่าจะดูดี สะบักสะบอมเต็มทนเหมือนกัน
เจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่ ข้าพเจ้าไม่อาจลืมเลือนได้เลย
แม่เฆี่ยนด้วยไม้เรียวจนแตกยับไปทั้งน่อง ต่อหน้าพวกนั้น
ข้าพเจ้าแอบนับด้วยซ้ำไป และก็ยังสงสัยจนถึงทุกวันนี้
ข้าพเจ้าโดนตีมากกว่าที่พี่ชายคนเล็กโดนเสียอีก
แม่ตีไปด่าไป ทำนองว่าถ้าไม่ไปหาเรื่องเขาก่อน คงไม่มีเรื่องขนาดนี้
ข้าพเจ้ารู้แก่ใจว่า แม่น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ทำไม
เพราะอะไรข้าพเจ้ากับพี่ชายคนเล็กจึงออกไปมีเรื่อง
ข้าพเจ้าแต่ร้องโอ๊ย ทุกคราวที่ไม้เรียวกระทบเนื้อ
ปากก็บอกว่า กลัวแล้ว เข็ดแล้ว
ที่จริง กลัวน่ะ กลัวจริง ... แต่ที่บอกว่าเข็ดนั้น ไม่จริง
แม่ไม่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กได้อธิบายถึงสาเหตุวีรกรรมใด ๆ
มันไม่ยุติธรรม หัวใจของข้าพเจ้าบอกเช่นนั้น
นี่ก็ผ่านมาหลายปี ข้าพเจ้าก็ยังจำจดเหตุการณ์ในวันนั้นได้
และถึงแม้ว่า ข้าพเจ้าจะไม่เคยปริปากถามแม่เลยว่า..
ทำไมข้าพเจ้าจึงต้องถูกทำโทษ
ข้าพเจ้าก็พอจะรู้คำตอบด้วยตัวเองแล้ว
โดยที่ปลดเปลื้องความขุ่นข้องที่เคยค้างคาได้
1. ข้าพเจ้าอาจผิดจริง ที่ออกไปกับพี่ชายคนเล็กไปเพื่อหาเรื่องพวกนั้นก่อน
2. ข้าพเจ้าอาจผิดจริง ตรงที่ไม่รู้จักอดกลั้น อดทน หุนหันพลันแล่น ไม่มีสติ
ไม่ว่าจะเป็นข้อหนึ่งข้อใด มันก็สมควรให้ข้าพเจ้าได้รับบทเรียนนั้นด้วยไม้เรียว
.................................................................
ตอนนี้แม่อายุมากแล้ว ไม่ได้จับไม้เรียวมานานพอสมควร
แม่อาจจะจำไม่ได้ หรือไม่คิดจำ ซึ่งต่างกับข้าพเจ้าที่จดจำอย่างฝังลึก
ถ้าเป็นไปได้ ข้าพเจ้าก็อยากให้แม่จำเหตุการณ์ตอนนั้นได้
เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้บอกแม่ว่า ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า..
ตอนนั้น ข้าพเจ้าผิดจริง ในข้อ 2.