5 พฤศจิกายน 2555 19:03 น.

งานบุญกฐิน

อัลมิตรา

ป้าสะอิ้ง .. โสด อายุ 89 
แม่มาลัย .. ไม่โสด เป็นน้องป้าสะอิ้ง อายุ 84
พี่ชาติ .. เพื่อนอ้วนลงพุงนิด ๆ อายุ 48
ฉัน .. เป็นเพื่อนกับคนที่ลงพุงนิด ๆ  โดยฐานะเป็นลูกแม่มาลัย หลานป้าอิ้ง


วันศุกร์ได้คุยกับป้าอิ้งถึงงานกฐินที่จะมีในวันอาทิตย์ที่ 4 พย.55 

ฉัน: แล้วป้าจะเดินเวียนรอบโบสถ์ไหวเหรอป้า
ป้า: ก็คงต้องผลัดกันถือไตร เดินคงไม่ไหว

ป้าจะเดินไหวได้ยังไง ลำพังเดินแค่ 10 ก้าวป้ายังเหนื่อยแทบจะวูบเลย
ป้าอิ้งมีอายุปาไปตั้ง 89 ปีแล้วนะ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็รวนไปหมด
ฉันเองก็รู้ว่า ป้าอิ้งมีความตั้งใจกับงานบุญนี้มาก อันนี้ฉันไม่ได้แช่งนะ
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า โอกาสที่จะร่วมงานบุญใหญ่แบบนี้จะมีอีกไหม

ฉัน: เอางี้นะป้า อิมขี่จักรยานแล้วป้าซ้อนท้าย
ป้า: โอ๊ย ไม่มีแรงเกาะหรอก เดี๋ยวล้ม
ฉัน: งั้นอิมไปยืมรถเข็นส่งผ้าของพี่พยอมให้ก็ได้ เอาเก้าอี้วางให้ป้านั่ง
ป้า: จะดีเหรอ นั่งได้แน่นะ ไม่ทำป้าร่วงนะ

แล้วเราก็หัวเราะร่วนกัน แต่ในตอนที่หัวเราะนี่ ฉันก็มีความคิดมากมายหลายแผน
ในความตั้งใจของป้าอิ้ง ฉันจะต้องช่วยป้าให้ทำสำเร็จจนได้ ป้ามีบุญคุณกับฉัน
ตอนที่ป้าทราบข่าวเรื่องป่วยของฉันจากพี่เหมี่ยว ป้าเป็นกังวลมาก เป็นห่วงมากมาย 
เทียวออกมาดักรอทั้งที่ฉันพักฟิ้นอยู่บ้าน ตอนที่ฉันกลับมาทำงานจึงเพิ่งรู้ 

ในวันเสาร์ งานครัวสำหรับการเตรียมโรงทานในวันพรุ่งนี้ 
ฉันรับหน้าที่จักผักบุ้ง แม่มาลัยจะทำขนมจีนน้ำพริกเลี้ยงคนมาร่วมงาน
แม่มาลัยบอกว่า ที่บ้านในเขาทำขนมจีนน้ำยา ,แกงเขียวหวาน 
แล้วก็ให้นายบอลยกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือไปเป็นทานบริจาคเลี้ยงคนด้วย

ฉัน: แม่ ให้อิมทำอะไรดีจ๊ะ
แม่: หนูช่วยเอาผักบุ้งที่อยู่ในตะกร้านี่ไปจัก
ฉัน: จัก ... อะไรคือจัก
แม่: เดี๋ยวแม่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ทำแบบนี้นะนังหนู ไม่ยากเลย 
ฉัน: แม่ ทำไมต้องจักผักบุ้งด้วยอ่ะ บางทีอิมก็เห็นที่ตลาดเขาหั่นเป็นท่อนๆนะ
แม่: ไม่จักมันก็น่าเกลียดสิ จักแล้วเวลาโรยหน้ามันจะสวย
ฉัน: แต่อิมไม่ชอบใช้มีดเลยแม่ ไม่ค่อยถูกกับมีดอ่ะ งานล้างผักมีป่าว
แม่: ล้างรอไว้หมดแล้ว นี่ป้าเนียมกับพยอมช่วยกันปอกหัวหอมในครัว
ฉัน: จักก็ได้แม่ จะจักสวยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮา .. เสียชื่อแม่มาลัยไม่รู้ด้วยน๊า 

ขณะที่ฉันจักผักบุ้งไปด้วย คุยฟุ้งโม้ไปด้วย ไม่นานงานจักผักบุ้งก็เสร็จ
ความคิดก็วนมาที่ป้าอิ้งใหม่ เรื่องการพาป้าอิ้งเวียนรอบโบสถ์
เอ! .. บ้านนั้น บ้านนี้ ก็ไม่มีให้ยืม โทรหาพี่ต้นก็ไม่รับสาย เอาไงดีฟระ
และในที่สุดความคิดก็ปิ้งแว๊ปมาทันที ก็เลยโทรหาเพื่อน

ฉัน: เฮ้ย ! พี่ชาติ หารถเข็นวิลล์แชร์ให้หน่อยดิ
พี่ชาติ: เอ็งจะเอาไปทำไม
ฉัน:จะเข็นป้าในงานกฐินวัดดอกไม้ พรุ่งนี้น่ะ เนี่ยโทรหาพี่ต้นไม่รับสาย
พี่ชาติ: เมื่อวานเพิ่งไปเอารถเข็นจากไอ้ต้นเอง 
ฉัน: ดีเลย เอามานี่ก่อน 
พี่ชาติ: ไม่ทันแล้ว ฉันเอาไปให้พี่สาวที่มหาชัยแล้ว
ฉัน: ฮ่วยยยยยยย อยากให้ป้าอิ้งได้ใช้ในวันพรุ่งนี้อ่ะ หาทางหน่อยดิ
พี่ชาติ: เออ เดี๋ยวหาให้ ตกลงเอ็งไม่ไปวัดลิ้นช้างเหรอ อาทิตย์นี้เขาบริจาคโลงศพ  
ฉัน: เอาไว้วันหลัง แต่ตอนนี้หารถให้ด่วนเลยนะ แล้วตอนนี้อยู่ไหน
พี่ชาติ: อยู่แถวนี้แหล่ะ เดี๋ยวขับรถไปเอาให้ รออยู่บ้านป้ามาลัยไปก่อน

ผ่านไป 30 นาที

ฉัน: มาถึงยังเนี่ย จะต้องไปวัดแล้วนะ  บ่ายสี่มีเทศน์
พี่ชาติ: วุ้ย รอหน่อยดิ อีก 2 นาที จะถึงแล้ว

และเมื่อเห็นโฟร์วิลล์สีดำโผล่ที่ช่องรั้วประตูบ้าน ค่อยใจชื้นหน่อย

พี่ชาติ: เอ๊า เอาไป เร่งสุด ๆ แล้วเนี่ย
ฉัน: มันกางยังไงล่ะ
พี่ชาติ: นี่ ๆๆ อย่างนี้ เอาไปปัดฝุ่นนิดหน่อยนะ
ฉัน: เออ ไหน ๆ แล้ว ช่วยขนขนมกับน้ำไปไว้ที่ศาลาการเปรียญเลยนะ
พี่ชาติ: ขนมารวมไว้ตรงนี้ก่อนเลย 
ฉัน: เดี๋ยวเอาป้าอิ้งไปด้วย วันนี้ยังไม่ต้องใช้รถเข็น รอแป๊บนะ พาป้าอิ้งไปอาบน้ำก่อน

ฉัน: ป้า ๆ ตื่นเร็ว นี่ไง เห็นป่ะ ราชรถ อิมหามาให้ป้านั่งจนได้ พรุ่งนี้ปลอดโปร่งแล้วป้า
ป้า: เอามาจากไหนนี่
ฉัน: เหอะน่าป้า อิมก็ไปเค้นคอจากเพื่อนมาอีกที ไปอาบน้ำแล้วไปวัดกัน

......................................................................

เช้าวันอาทิตย์ ฉันเข้าไปดูงานที่ครัว ทุกอย่างเตรียมพร้อมที่จะขนไปวัดแล้ว
รวมไปถึงป้าสะอิ้งที่แต่งกายด้วยไหมไทยงามสมวัย รอรับบริการจากฉัน

ฉัน: พร้อมยังป้า 
ป้า: อิมจะเข็นป้าไปวัดดอกไม้เลยเหรอ
ฉัน: ไปรถหน่องก่อน แต่จะเอารถเข็นไปด้วย เดี๋ยวไปเข็นที่โน่น

เมื่อไปถึงวัดก็ทันการพอดีกับการจัดขบวนแห่กฐิน
ป้าอิ้งนั่งยิ้มหน้าแป้นบนวิลล์แชร์ ส่วนฉันก็รับหน้าที่เป็นสารถีเข็นป้าไป
กฐินงานนี้ ป้าอิ้งเป็นประธานใหญ่ บริจาคเงินหนึ่งแสนในการซ่อมแซมอุโบสถ
เมื่อรวมเงินกฐินสามัคคีในคราวนี้แล้ว มีจำนวนกว่าห้าแสนบาท ตัวเลขยังไม่จบ
ส่วนใหญ่ก็ญาติ ๆ ช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกร้านโรงทาน รวมไปถึงเครื่องกฐิน

สามรอบที่ป้าอิ้งนั่งรถเข็น ป้าอิ้งได้มีโอกาสถือพานผ้าไตรเอกด้วย 
ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าว เข็นรถก็ไม่ทำให้ฉันเหนื่อย 
ไม่ได้ออกตังค์ แต่ก็ได้ออกแรง.. ก็ดีเหมือนกันแฮะ

ตลอดช่วงงานกฐิน ฉันอยู่กับป้าอิ้งตลอด ตอนประเคนถวายกฐินก็ช่วยกันประคอง
ทุกขั้นตอนก็มีส่วนร่วมตลอด สำหรับฉันแล้ว สิ่งที่ฉันทำในวันนี้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจมาก

ฉัน: ป้าหิวป่าว เดี๋ยวอิมไปเอามาให้
ป้า: มีอะไรบ้างล่ะ
ฉัน: อิมไปแอบดูมานะ มีก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยด้วยนะป้า แล้วก็ขนมจีนจากบ้านใน
ป้า: อยากกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย
ฉัน: มีทับทิมกรอบด้วยนะป้า แล้วอีกอย่างเรียกไม่ถูก 
        เป็นสาคูแล้วมีเส้นมะพร้าว,ข้าวโพด ใส่น้ำกระทิ
ป้า: แล้วอิมล่ะกินอะไรมาหรือยัง
ฉัน: ตะกี้กินก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว อิ่มแน่นท้องเลยป้า แต่เผ็ดมากเลย

......................................................................

ฉัน: ป้าจะกลับยัง พิธีการเสร็จแล้ว คนทยอยกลับกันแล้วล่ะ
ป้า: ถ้าอิมกลับ ป้าก็กลับด้วย
ฉัน: งั้นไปกัน กลัวป้าจะเหนื่อย เดี๋ยวอิมไปเรียกหน่องเอารถมารับนะ

ที่บ้าน ..

ฉัน: ป้าทำไร เอาเงินมานับ ๆ ทำไม เดี๋ยวก็หล่นหายหรอก 
ป้า: จะตบรางวัลให้แม่ครัวเขาหน่อย เหนื่อยกันมาตั้งแต่เมื่อวาน
ฉัน: แม่มาลัยจัดการให้แล้วล่ะป้า มา อิมจะถอดเสื้อตัวนอกให้ ผลัดผ้าเลยนะป้า
ป้า: อืม เอาผ้านุ่งตรงนั้นมาเปลี่ยน
ฉัน: เปลี่ยนผ้าอ้อมด้วยเลนนะ แล้วป้านอนพักซะ
ป้า: ป้ายังไม่ได้ตบรางวัลให้อิมเลย อุตส่าห์หารถเข็นให้ ช่วยเข็นด้วย
ฉัน: ป้า.. อิมได้รางวัลเป็นบุญน่ะ เท่านี้ก็คุ้มกับการลงแรงแล้วล่ะป้า 
ป้า: ป้าจะให้เงินเอาไว้กินขนม
ฉัน: ไม่เอาอ่ะ อิมทำงานมีเงินเดือนใช้ ป้าเก็บเงินไว้ทำบุญไปเหอะ

......................................................................

หลังจากที่ส่งป้าอิ้งเข้าห้องพักผ่อนแล้ว 
ฉันก็เดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจเปี่ยมสุข
สองวันนี้ ฉันทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำ 
การเข้าไปมีส่วนร่วมในงานครัวถึงแม้ว่าจะแค่จักผักบุ้ง
แต่นั้นหมายถึงความตั้งใจที่จะจักให้ได้ดีที่สุด 
ใคร ๆ ก็รู้กันทั่ว งานครัวกับฉันไม่ค่อยเข้าขากัน
และที่สำคัญ การทำให้ความหวังของป้าอิ้งในการเวียนรอบโบสถ์เป็นจริง 
 
ไม่ใช่แต่ว่า โอกาสในงานบุญใหญ่ของป้าอิ้งในปีถัด ๆ ไปจะมีอีกไหม
สำหรับฉันแล้ว อนาคตที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ฉันใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างดีที่สุด
ซึ่ง อาจจะมีบางอย่างที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง ก็มีการอโหสิกรรมกันไป

ฉันทำได้เพียงเท่านี้ เท่าที่หัวใจฉันอยากทำ
แน่นอน .. บางหัวใจอาจรับรู้ และบางหัวใจอาจไม่รู้สึกรู้สา 
ช่างประไร.. ต่างคนต่างใจ				
26 กันยายน 2555 08:48 น.

บางครั้งเวลาที่ " ฝนตก "

อัลมิตรา

-- 
⋯ ... ⋯ . ︵ .
. ︵ ¸ ︵ ( ░░ ) ︵
(´░░░░░░░░░ ' )
¨`´ ︶︶ ´ `、ヽ 、ヽ `、ヽ、ヽ`、ヽ、ヽ`、ヽ 、ヽ`、ヽ、ヽ
ヽ 、`、ヽ บางครั้งเวลาที่ " ฝนตก " เราก็ไม่อยากได้ร่ม เสมอไป .. ?? ヽ`、ヽ`、、ヽ
ヽ、ヽ`、 แต่อยากได้คนที่พร้อมจะ " เดินจูงมือตากฝน " ไปด้วยกัน ... ヽ、ヽ`、`、、ヽ、ヽ 、ヽ`、				
25 กันยายน 2555 10:08 น.

บางความทรงจำ.. ถึงแม้ว่าจะลางเลือน ก็ยังอยากที่จะจำ

อัลมิตรา

บางความทรงจำ.. ถึงแม้ว่าจะลางเลือน ก็ยังอยากที่จะจำ

วันนั้น .. วันที่ฝนกระหน่ำตั้งแต่เช้ามืด 
ฉันวิ่งขึ้นเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์สาย 102 ทางด่วน ด้วยสภาพเปียกปอนไปทั้งชุดนักเรียน
เมื่อก้าวเท้าขึ้นไปบนรถ จึงได้ฉุกคิดขึ้นได้ว่า .. "ผิดที่ผิดทางเสียแล้ว"
คนแน่นรถมาก ฉันถูกเบียดแล้วเบียดอีก พื้นที่ที่จะวางเท้าแทบไม่มี
กลิ่นเปียกชื้น กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับแอร์ฟุ้งไปทั่ว
ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัว ฉันพยายามหาทางออกจากรถให้ได้ แต่ทว่า..ฉันไม่สามารถ

ถึงตอนนั้น ฉันได้แต่ภาวนาขอให้ฉันไปถึงโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย
แต่ คำภาวนาของฉันไม่ได้ผล .. ฉันเริ่มรู้สึกถึงความติดขัดในระบบหายใจ
ภาพที่อยู่รอบ ๆ ตัว ค่อย ๆ พร่า ค่อย ๆ เลือนลาง 
ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบ ฉันจำได้แต่ว่า มีผู้ชายคนหนึงประคองฉันไปนั่ง
ฉันจำได้แต่ว่า  กางเกงสแลคสีดำเข้มและรองเท้าหนังสีดำขัดมัน

คราวที่ฟื้นตัวมาอีกที ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้ว
พอฉันลืมตามองสิ่งที่อยู่รอบข้างด้วยสายตามึนงง  ครูพยาบาลก็บอกกับฉันว่า ..
"มีคนมาส่ง เขาเห็นตัวย่อปักของโรงเรียน และบอกว่าเธอเป็นลมบนรถเมล์"
"หนังสือเรียนของเธอเขาก็เก็บมาให้ด้วย บางเล่มปกเละแล้ว คงเพราะรอยย่ำเท้า"
"เอาเถอะ เธอปลอดภัยแล้วล่ะ โชคดีที่มีเขาช่วยเหลือพามาส่งที่นี่"

ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นทันที
ฉันรู้สึกอับอายที่ก่อเรื่องโกลาหลบนรถเมล์  
ฉันรู้สึกขอบคุณผู้ชายคนนั้น คนที่ช่วยเหลือฉัน
เสียดายตรงที่ ฉันจำอะไรไม่ได้มากไปกว่า สีของกางเกงและรองเท้า

ฉันเขียนเรื่องราวจากความทรงจำที่ลางเลือนบนเวปบอร์ด 
เผื่อว่าเขาคนนั้นจะได้เข้ามาอ่าน
เพื่อที่จะให้เขาได้รับรู้ว่า "ฉันขอบคุณ .."

////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ช่วงนี้ผมมีเวลาว่างมากขึ้น  จากแต่ก่อนที่แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
ด้วยหน้าที่การงานของผม  และด้วยภาระรับผิดชอบต่อครอบครัว มันทำให้ผมรู้สึกว่า
"ช่วงเวลาของผมหายไป"  

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ..
ผมไม่คิดจะโทษโชคชะตา ผมกลับคิดว่า สิ่งที่ผมฝ่าฟันมาตั้งแต่ต้นท้ายสุดคือผลสำเร็จ
ต้องขอบคุณยถากรรม ต้องขอบคุณความยากจน ผมขอบคุณก็เพราะว่า นั่นคือ บททดสอบ

ในสถานภาพระดับกรรมการผู้บริหาร ผมใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากกว่าแต่ก่อน 
ทว่าผมก็ไม่เคยลืมความยากจนที่ผมเคยมี ขึ้นรถเมล์ กินข้าวแกง 
มันเหมือนภาพที่ผุดขึ้นมาบ่อย ๆ ในยามที่ผมย้อนทบทวนตัวเองว่าผ่านอะไรมาบ้าง

มีอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจ เรียกได้ว่า ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่เมื่อผมได้อ่านข้อความเล่าในบอร์ดแห่งหนึ่ง มันเหมือนถูกช็อต อย่างแรง

เช้าวันนั้น เป็นวันที่ผมรีบ เนื่องจากผมมีนัดสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน
ถึงผมจะแต่งกายเนี๊ยบแค่ไหน แต่ปัจจัยในการเดินทางของผมก็ไปได้แค่รถเมล์
ยังโชคดีที่ผมขึ้นต้นสาย ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง แต่บรรยากาศมีดฟ้ามัวฝนขนาดนั้น
ทำให้ผมคิดในใจว่า "ช่างเป็นวันที่ฤกษ์ไม่ดีเอาเสียเลย"

ทั้งที่ฝนตกหนัก แต่ทุกคราวที่รถเมล์จอดรับส่งผู้โดยสารตามป้าย
กลับปรากฏคนขึ้นรถเมล์มากกว่าคนลงรถเมล์เสียอีก
สภาพภายในรถเมล์แออัดยัดเยียดมาก ผมรู้สึกเอาเองว่า"แอร์คงเสีย"

คนแล้วคนเล่าที่ก้าวเท้าขึ้นรถ ซึ่งดูแล้วเหมือนถูกจับขังรวมกันเสียมากกว่า
ผมสังเกตุเห็นนักเรียนสาวคนหนึ่ง ดูเธอกระวนกระวายพยายามขอทางลง
แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เมื่อรถเมล์แล่นบนทางด่วนแล้ว มันจะไม่เปิดประตูจนกว่าจะลงทางด่วน
สภาพของเธอดูไม่ค่อยดีเลย หน้าซีด และดูเหมือนการทรงตัวจะเริ่มแย่

ผมรู้ว่า กรณีนี้ผมต้องเลือก 
เลือกระหว่างที่จะช่วยเธอคนนั้น หรือเลือกที่จะนิ่งเฉยและไปสอบสัมภาษณ์งานให้ทันเวลา
ผมรีบลุกจากที่นั่งและแหวกทางไปหาเธอ ซึ่งยังทันการณ์พอดีก่อนที่เธอจะหมดสติลง

ด้ายปักอักษรย่อสีน้ำเงิน พ.น. บนอกเสื้อ 
ทำให้ผมรู้ว่าเธอเรียนอยู่ที่วิทยาลัยพณิชยการบางนา
ทั้งที่ผมรู้ว่าผมคงไปสอบสัมภาษณ์ไม่ทันเวลาแน่ แต่ผมก็เลือกที่จะช่วยเธอ
โดยที่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรไปมากกว่า พาตัวเธอไปให้ถึงวิทยาลัยโดยปลอดภัย

เหตุการณ์ในวันนั้น ผลคือ .. ผมพลาดโอกาสที่จะได้งาน 
แต่ในอีกไม่กี่วันถัดไป อีกบริษัทหนึ่งเรียกตัวผมไปสอบสัมภาษณ์ ซึ่งก็เป็นที่ทำงานในปัจจุบันนี้

เหมือนเรื่องตลกที่จู่ ๆ ผมก็นึกอยากท่องเที่ยวในเน็ต จนกระทั่งได้อ่านเรื่องเล่าของเธอ
และที่ตลกกว่านั้น เธอเองก็คงไม่รู้ว่า  ผมรับรู้ถึงคำขอบคุณของเธอแล้ว./


   				
22 สิงหาคม 2555 17:27 น.

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินลุยไฟ

อัลมิตรา


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินลุยไฟ
ฉันได้รับการเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กว่า .. "ไฟมันร้อน อย่าไปยุ่งกับไฟเชียว"

นั่นสิ ! ไฟมันร้อน แล้วถ่านที่คุโชนแดงซะขนาดนั้น
หนำซ้ำ เมื่อกลางวันล่อข้าวขาหมูมาซะเต็มแปร้
โอย ! ไม่อยากจะคิด 
อยู่ดี ๆ เอาตัวไปให้ไฟปิ้งซะงั้น หาเรื่องเข้าตัวหรือเปล่านะ

"พี่อิม ไปกับผม เดี๋ยวผมพาพี่ไปลุยไฟ ไม่ร้อนหรอกพี่ ผมเดินทุกปี" สำเริงเชียร์เต็มที่
"จริงพี่ พี่อิมเดินลุยไฟสิ เผื่ออะไรต่อมิอะไรในชีวิตจะดีขึ้น หายป่วยเลยไง" ปอสนับสนุน
"อะไรจะดีขึ้น เรื่องเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องธรรมชาติ" ฉันตอบไป
"เหอะน่าพี่อิม เชื่อผมดิ ต้องเชื่อดิว่าไม่ร้อน" ทั้งสำเริงและปอต่างก็ยืนยัน
"เอาเป็นว่า ขอเดินข้ามสะพานก่อนละกัน เรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อน" .. ฮา

				
9 มีนาคม 2555 07:37 น.

มาฆปุรณมีที่.."คิชกูฏ"

อัลมิตรา

เมื่อสามปีก่อน ..
แม่มดใจร้ายชวนฉันไปเมืองจันทน์ โดยมีเป้าหมายที่เขาคิชกูฏ
เราเดินทางในตอนเช้า ถึงเมืองจันทน์ใกล้เที่ยง เจอลุงราม ลิขิต
กินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นใกล้ห้างโลตัส แวะบ้านสวนเก็บผลไม้ และงีบบ้าง
พอตกค่ำ ก็มุ่งไปทางเส้นกระทิง  ----->  ขึ้นเขาคิชกูฏ

ฉันเองก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นหรอก ถึงแม้ว่าเคยได้ยินมาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจ
เขาคิชกูฏ .. มีอะไร ทำไมใครต่อใครจึงไปที่นั่น
เพื่อนของแม่มดใจร้ายคนที่ขับรถน่ะ เขาไปเพราะมีจุดมุ่งหมาย แม่ของเขาป่วย
ส่วนแม่มดใจร้ายจะมีประสงค์ใดหรือเปล่าก็ไม่ได้ถามแฮะ
สำหรับฉัน .. " อ ย า ก ไ ป เ ที่ ย ว   อ่ ะ"

 เริ่มต้นที่วัดพลวง คนมากมายเหลือเกิน ยืนเข้าแถวตั้งนานกว่าจะซื้อบัตรขึ้นรถได้
ที่ว่านาน ยังนานไม่เท่าตอนที่รอขึ้นรถ .. รอตั้งสองชั่วโมงแน่ะ นานชะมัดเลย

จะขึ้นเขาก็ต้องขึ้นโฟร์วิลล์ก่อน เขาขับรถกันได้สุดยอดเลย วืด วืด แซงซ้าย ป่ายขวา
ระทึกตลอดเส้นทาง ไม่กล้าหลับตาเชียว สองมือเกร็งจับขอบรถแน่นจนนิ้วแทบล็อค

ขนาดขึ้นรถยังระทึก แต่ก็ยังเห็นคนเดินขึ้นเขาอยู่นะ เส้นทางไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย
หน้ำซ้ำทั้งมืดและต้องระวังรถที่แฉลบไปมาให้หนาวขนเล่น ๆ ด้วย  

เหมือนคล่องเลยนะ ไปหนนั้น กลับมาเล่าเป็นตุเป็นตะให้เพื่อนร่วมงานฟังอย่างเท่ห์

มีพระพุทธรูปเยอะแยะ ตรงนั้น ตรงนี้ กล่องรับบริจาคทานก็มีหลายจุด
มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลอย่างอึกทึกครึกโครม .. เท่านั้น เท่านี้ 

รถโฟรวิลล์น่ะ ตื่นเต้นในรอบขาขึ้น 2 หน และ ขาลงอีก 2 หน 
มีช่วงเดินเท้าด้วย นับจากจุดที่สองละกัน ตรงนั้นมีพระสีวลี  สังเกตุง่าย ๆ 

เอาล่ะ รายละเอียดอื่น ๆ ต้องประสบด้วยตัวเองละกัน  แน่ะ มีทิ้งท้ายไว้ด้วย				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา