27 มกราคม 2555 10:38 น.
อัลมิตรา
๏ เขาแสนซื่อพูดจาขวานผ่าซาก
ไร้หน้ากากมารยามาเคลือบแฝง
ละครโลกบทเก่าเขาแสดง
คือภาพแห่งทุกสิ่งที่จริงใจ
จากชีวิตวัยเยาว์เขลาและซื่อ
กลัวสองมือเปื้อนความเลวความเหลวไหล
กลับต้องจมสู่ปลักความยากไร้
จนทำให้ความคิดเดิมเริ่มเปลี่ยนแปลง
ในสังคมซึ่งความดีไม่มีค่า
ธารศรัทธาในสายเลือดจึงเหือดแห้ง
แม้น้ำใจพอจะหวังก็ยังแล้ง
ยิ้มจึงแฝงเลศนัยอยู่ในที
อุดมการณ์เก่าเก่าเขาเคยสร้าง
จมท่ามกลางอารยะประดับสี
ความชั่วแย่งสิทธิ์ครอบครองของความดี
เหนือพื้นที่ความคิดและจิตใจ
มันเป็นการเริ่มต้นบนจุดจบ
เพื่อก้าวพบความเลวความเหลวไหล
ยุคที่มือใครยาวก็สาวไป
หวังอะไรได้เล่าเปล่าทั้งเพ
จากคนซื่อพูดจาขวานผ่าซาก
สวมหน้ากากเต็มเปี่ยมด้วยเหลี่ยมเล่ห์
บทเรียนความชอกช้ำอันจำเจ
ได้หันเหชีวิตเขาผิดทาง
แล้วคนดีที่ใครใครเคยรู้จัก
ก็จมปลักความชั่วตัวเองสร้าง
หลังลดความซื่อเขลาให้เบาบาง
เพื่อสู้อย่างกร้าวพอโกงต่อโกง ๚ะ๛
2 มกราคม 2555 21:58 น.
อัลมิตรา
๏ วันที่ไม่มีใครมารายล้อม
ฉันก็ย่อมเหงาหงอยคอยห่วงหา
แต่คราวที่ท่วมท้นคนสนทนา
กลับรู้สึกเหว่ว้ากว่าเคยเป็น
ฤๅ ฉันนั้นสติแปลกพิกล
เพราะบางหนหดหู่รับรู้เห็น
เหงาลึกลึกร้าวใจไร้ประเด็น
มันซ่อนเร้นไปทั่วในตัวตน
ฉันต้องทำอย่างไรเพื่อไกลเหงา
ลบรอยเศร้าอย่างไรให้ได้ผล
เหงาซ้ำซ้ำลำบากทุกข์ยากทน
เหงาเหลือล้นเสียจริงเหงาจริงจัง
ฤๅ ต้องอยู่กับเหงาเศร้าเรื่อยไป
อยู่อย่างใจพังภินท์สูญสิ้นหวัง
เหงาตั้งแต่เกิดมาคราลำพัง
และอีกยังนานไหมฉันไม่รู้ ๚ะ๛