12 พฤศจิกายน 2551 17:07 น.
อัลมิตรา
เดือนพฤศจิกาครานี้ไม่มีรัก
เพราะอกหักจึงทนมิบ่นหนาว
ปราศสะสมปมเขื่องทุกเรื่องราว
แม้ปวดร้าวคราวฝนผ่านพ้นฤดู
ทนเหน็บหนาวคราวนี้อาจดีกว่า
คร่ำครวญหาบางใครให้อดสู
แค่น้ำตาบางครั้งหลั่งพรั่งพรู
เพียงชั่วครู่จากนั้นก็บรรเทา
เมื่อรักลับคลับคล้ายคนดายเดียว
จนบางเสี้ยวอารมณ์พร่างพรมเหงา
ฉันเขียนกลอนปรุงแปลงแต่งแต้มเงา
กลบเกลื่อนเศร้ายิ้มละมุนเฉกคุ้นเคย
โ อ้ ! ปลายฝนต้นหนาวฉันร้าวแล้ว
เพียงลมแผ่วพัดผ่านทรมานเหวย
ขาดคู่เคียงพร่ำพลอดก่ายกอดเกย
หนาวนักเอยยิ่งกว่าหนาวคราใด
4 พฤศจิกายน 2551 21:08 น.
อัลมิตรา
๏ ถ้าปู่ย่าตายายอยากคลายเหงา
ลูกหลานเล่าธุระปะปังหลาย
ปราศเวลาเศษเสี้ยวเหลียวแลกาย
อาจเบื่อหน่ายคนแก่ยักแย่ยัน
เมื่อลูกหลานพาลระอาไม่พาเที่ยว
จนห่อเหี่ยวเปลี่ยวจิตคิดอัดอั้น
อยากอาสาพาไปในบางวัน
ถ้าหากฉันงานว่างในบางที
อยากไปวัดจัดให้โดยไม่เกี่ยง
ถวายเพลเลี้ยงสร้างกุศลบนวิถี
เป็นชาวพุทธฟังธรรมกระทำดี
บรรดาเฒ่าเปรมปรีดิ์ฉันดีใจ
หากอยากขยับแข้งขาจะพาเดิน
ผ่อนจิตเพลินสุขอุรายามฟ้าใส
ฟังนกพากย์ภิรมย์ชมพฤกษ์ไพร
จินตนาการใดแจ่มจรัสฉันจัดการ
หรืออยากไปโหวกเวกเฉกวัยรุ่น
นั่งม้าหมุนร็อคแอนด์โรลโชว์วัยซ่าน
กรี๊ดไวกิ้งดิ่งรถไฟให้เบิกบาน
เรื่องสำราญฉันถนัดพร้อมจัดแจง
อยากเที่ยวไหนพาไปไม่ขัดข้อง
เพียงแต่ต้องอย่าเล่ห์อย่าเสแสร้ง
อย่าเจ้ายศเจ้าอย่างกร่างสำแดง
อย่าแอบแฝงหมายสนิทเพื่อคิดร้าย
เรียนปู่ย่าตาตายทั้งหลายแหล่
ฉันพูดแท้นิยามสัตย์ความหมาย
หากลูกหลานทอดทิ้งแถมนิ่งดาย
ท่านทั่งหลายอย่าเศร้าเหงาลำพัง
เถิดปล่อยใจให้ลอยละล่องลิ่ว
อย่าหน้านิ่วทุกข์ตรมจมความหลัง
ปลายชีวิตคิดสุข...ย่อมสุขจัง
ดีกว่านั่งเดียวดายเหมือนใครเมิน ๚ะ๛