27 กันยายน 2550 22:44 น.
อัลมิตรา
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
๏ มือกอบเก็บกาก
ซึ่งขนมหลายหลาก......ตกมากเต็มถนน
คงแสนอร่อยล้ำ...........เร่งกำสาละวน
ไม่ดูผู้คน.....................เกลื่อนกร่นไปมา ฯ
๏ ชิ้นใดใหญ่น้อย
กินบ้างอย่างอร่อย........มือคอยควานหา
มดแมลงแห่ห้อม..........ไต่ตอมเหลือคณา
ปัดเป่าจนกว่า..............มีค่าควรคำ ฯ
๏ นี่ขนมแบบไหน
เรียกขานอย่างไร...........ลืมใส่ใจจำ
ขอเพียงอิ่มก่อน............รีบร้อนควานคลำ
ก่อนใครเดินย่ำ.............แล้วทำกระจัดกระจาย ฯ
๏ แม้นขนมไร้ชื่อ
ที่อยู่ในมือ...................ยิ่งคือความหมาย
ยิ้มระรื่นชื่นชม..............สุขสมแสนสบาย
อ่อนล้าตาลาย..............จึงหายโดยพลัน ฯ
๏ โหยหิวบ้างไหม
เจ้าหมาน้อยใหญ่..........อยากได้ขนมฉัน ?
จักแบ่งให้บ้าง...............ชิ้นบางบิ่นนั้น
อ้าปากโดยพลัน.............ขนมฉันอร่อยจริง ฯ
๏ เหลือเพียงเท่านี้
เจ้าอย่าเซ้าซี้..................ตรงปรี่สุงสิง
ฉันมีขนมน้อย................อย่าคอยช่วงชิง
จงนั่งอย่างนิ่ง................ขนมยิ่งน้อยจัง ฯ
๏ ครั้นฉันหาได้
ขนมบิ่นชิ้นใหญ่..............จักให้กินมั่ง
หากตามร้านตลาด..........คนอาจทิ้งถัง
ของเทเลหลัง..................ฉันยังแบ่งกิน ๚ะ๛
26 กันยายน 2550 10:42 น.
อัลมิตรา
๏ ยลหยาดแก้วแพรวพราวคราวรุ่งสาง
จากคัคนางค์เยือนดินถิ่นไพรสณฑ์
แลล้ำเลอเผลอใจในบัดดล
ดั่งต้องมนต์มัดใจให้ชื่นชม
เป็นเกล็ดแก้วแววมณีหลากสีสัน
วิไลวัลย์วับวามงามสวยสม
ล้วนเรียงรายชม้ายมองต้องรื่นรมย์
ยิ่งเจิดจ้าทินารมภ์ชมชื่นใจ
ฤๅเทพไท้ใดประสงค์บรรจงสร้าง
ให้ลอยคว้างกลางหาวพราวสวยใส
ฤๅเดือนดาวสกาวนั้นพลันเผลอใจ
ต่างหลงใหลแดนดินถิ่นชาวดง
จึงจากลานภาพรหมชมโลกมนุษย์
พราวพิสุทธิ์งามกระจ่างอย่างสูงส่ง
แล้วพวยพุ่งรุ่งหล้ามามั่นคง
จนเราหลงชมเพลินจำเริญตา ๚ะ๛
25 กันยายน 2550 12:48 น.
อัลมิตรา
๏ รวมมิตรคิดกอบกู้............ระบบระบอบ
เขยใหม่หมายรีบหอบ.........ขยับเขยื้อน
รวมพรรคพวกหากชอบ.......อย่าสงบ- เสงี่ยมนา
มาร่วมกันเอ่ยเอื้อน-............สนั่นฟ้าอธิปไตย ๚
๏ ใครรักหน้าเหลี่ยมนั้น.......รวมพลัง
ใครชอบระบอบบัง...............ระรื่นแล้
ใครยังห่วงหน้าหลัง.............ชลอก่อน
ใครที่กลัวพ่ายแพ้-...............โยกย้ายกระจายหนี ๚
๏ ไวน์ใหม่มาใส่แก้ว............แชมเปญ
กลองชุดบวกกลองเพล.........ประหลาดแล้ว
เหมือนหงส์อยากได้เวนย์-....รูนี่ ฮ่าฮ่า
อำนาจเก่าคือแม้ว-................ใหม่นั้นคือใคร ? ๚
๏ ผสมผสานกันสนุกทั้ง.......เริงระบำ
มองประเทศเป็นต้มยำ........อร่อยลิ้น
ซดกันแซบหลายคำ.............หมายเขมือบ
คนหกสิบล้านดิ้น-...............กระแด่วคล้ายตั๊กแตน ๚
๏ พรรคพวกพาเพลี่ยงพล้ำ..พลิกผัน
เพียงพูดเพลิดเพลินพลัน.....ผิดพี้
ภัยพูนเพิ่มผูกพัน.................พาพ่าย
พจน์พ่อเพรียกเพียงผี้ว์........เพื่อนพ้องเผ่นพรึ่บ ๚
๏ สวมบททศพักตร์แล้ว......ชมสวน
ถึงคราวถูกยียวน................เปลี่ยนหน้า
ตีอกชกตัวชวน-..................ประลองยุทธ
ยกทัพจับศึกท้า..................ท่านท้าวสี่กร ๚
๏ รวบรวมมวลยักษ์น้อย......สะโอดสะอง
อีกยักษ์ใหญ่ทระนง............แยกเขี้ยว
มาร่วมทัพดังประสงค์-........เขียนสั่ง
มีท่านฤาษีเคี้ยว-................หมากชี้สบายใจ ๚ะ๛
23 กันยายน 2550 15:16 น.
อัลมิตรา
๏ บนถนนยาวไกลไม่รู้จบ
วนซ้อนทบเส้นทางหว่างเธอ-ฉัน
เวียนคดเคี้ยวคงเห็นเช่นทุกวัน
ปลายเส้นทางสายนั้นที่ใจเธอ
ในคืนโศกกลางฝนยังทนหนาว
พายุโหมใจร้าวท่วมล้นเอ่อ
ทิ้งเป็นแอ่งน้ำฟ้าน้ำตาเพ้อ
รอหวังเก้อกว่าถึงซึ่งปลายทาง
หลายครั้งคราเดียวดายในความเศร้า
อยู่กับเงาอุปสรรคที่ดักขวาง
แม้พยายามสุดใจไม่ปล่อยวาง
เพื่อจบลงหลงคว้างบนทางเดิม
นานแสนนานยังคงอยู่ตรงนี้
บนวิถีไกลเห็นเช่นแรกเริ่ม
รอเธอนำความรักมาตักเติม
จากสุดทางต่อเพิ่มสู่กลางใจ ๚ะ๛
18 กันยายน 2550 22:31 น.
อัลมิตรา
๏ มวลลูกหลานคร้านพิทักษ์รักษาหรือ
ซึ่งชาติคือพสุธาเจ้าอาศัย
อันยายตาย่าปู่ผู้เกรียงไกร
รักษาไว้ให้เจ้าคงเผ่าพันธุ์
เพียงข้ามวันผันปีไม่กี่ศก
ให้วิตกกังวลจนเสียขวัญ
ด้วยต่างจิตผิดแผกแตกแยกกัน
แบ่งชนชั้นสูงต่ำร่ำรวยจน
ใครอยู่ดีมีสุขต่างรุกไล่-
หากยากจนชนไพร่ใครขัดสน
ถูกเอาเปรียบเหยียบข้ามตามใจตน
คราวอับจนจึ่งพิพาทลงอาชญา
ปล่อยให้โจรทะโมนเถื่อนเดินเกลื่อนกลาด
มาปล้นชาติบ้านเมืองเรื่องศาสนา
ทั้งเล่ห์ร้ายหมายลวงปวงประชา
คงไม่ช้าไร้ชาติเอกราชไทย
มันวางยาฆ่าเจ้าทุกเช้าค่ำ
หมายขบขย้ำเจ้าอยู่รู้หรือไม่
คิดแทรกแซงแบ่งริบอธิปไตย
ครั้นผู้ใดรู้ทันมันย่ำยี
แล้วเจ้ายังนั่งสบายหมายความสุข
ลืมความทุกข์บรรพชนคนเมืองผี
จงเร่งรู้กู้ชาติเอกราชที
อย่าเสียทีที่กำเนิดเกิดบนดิน
ยิ่งเสียใจไยเจ้าแยกเผ่าพรรค
ลืมรู้รักสามัคคีนี้หมดสิ้น
ก่อนข้า ฯ ยังหวงแหนซึ่งแผ่นดิน
เคยอยู่กินสงบสุขทุกราตรี
แม้นวิกฤติคิดวิธีที่แก้ไข
อย่าปล่อยให้แผ่นดินสิ้นราศี
ใครเนรคุณสถุลชนคนอัปรีย์
อย่าให้มีผืนดินอยู่กินเลย ๚ะ๛