22 สิงหาคม 2550 17:44 น.
อัลมิตรา
๏ จะสารภาพความหลังอยากฟังไหม ?
หากฟังโปรดทำใจอย่าไหวหวั่น
เพราะมีเรื่องมาบอกไม่หลอกกัน
รักคราวนั้นฝังใจ...ลืมไม่ลง
ปากเสแสร้งแข็งขืนยืนยันหัก
บอก "- ไม่รัก -" แท้ใจสุดใหลหลง
ทนกล้ำกลืนระทมจิตใกล้ปลิดปลง
ฝืนทระนง...แต่ทว่า...แสนล้าแรง
สุขสูญสิ้นตั้งแต่วันตัดขาด
แต่บังอาจแสดงตน "- คนกล้าแกร่ง -"
ถึงใครคิดห้ามปรามหยามตะแบง
ซ้ำปากแข็งเยาะไปสบายดี
ความจริงแสนทรมานร้าวรานจิต
เหมือนชีวิตหมองหม่นบนวิถี
ความรักเอยกลับกลายคล้ายไม่มี
ทุกวันนี้ขอบอกชอกช้ำใจ
ยังมีอีกหนึ่งอย่างอยากให้รู้
โปรดฟังดูสักนิดอย่าคิดไล่
ฉัน...คนที่ปวดปร่าทุกข์กว่าใคร
สารภาพไว้เผื่อประจักษ์.."- ฉันรักเธอ -" ๚ะ๛
16 สิงหาคม 2550 16:01 น.
อัลมิตรา
๏ หากว่าเขาเข้าใจในรู้สึก
มิใช่นึกติดลบจบความหมาย
คงไม่เที่ยวพูดพร่ำบ่อนทำลาย
ความเสียดายอาจมีไมตรีเรา
แต่นี่เขาอคติคิดผิดแผก
จนดูแปลกเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
คอยระแวงทุกครั้งกระทั่งเงา
ซ้ำยังเฝ้ามุ่งร้ายหมายฆ่าฟัน
เรามิหวังให้เขาเข้าใจอีก
จึงหลบหลีกทว่าใจก็ไม่หวั่น
ไมตรีเคยปรากฏหมดสิ้นพลัน
ไร้ซึ่งวันหวนคืนราบรื่นใด
ตัดสัมพันธ์อยู่ห่างเส้นทางเกี่ยว
ยอมดายเดียวดีกว่าหาเรื่องใส่
เขาจะพูดจะพล่ามทำอะไร
ปล่อยเขาไปตามยถามิราวี
แม้ไม่เหลือผู้ใดเข้าใจจิต
ปัจญมิตรใส่ไคล้ให้บัดสี
อันตัวตนของเรา....เรารู้ดี
ใช่เขานี้ซึ้งฌานวิญญาณเรา ๚ะ๛
10 สิงหาคม 2550 20:55 น.
อัลมิตรา
๏ งดงามตามแต่งฟ้า........ฟากสวรรค์
แสนสุดโสภาพรรณ...........เพริศแพร้ว
พราวพรายพร่างอัศจรรย์...เจิดจรัส
เลอเลิศปานเก็จแก้ว.........เกลื่อนฟ้ามหาศาล ฯ
๏ แสนสลดยามเจ้าร่วง......ลงดิน
สิ้นรัศมีโศภิณ...................สว่างนั้น
สูงเด่นสู่ธรณิน..................อย่างสงบ สงัดเฮย
จึงแต่เพียงอดกลั้น............โศกเศร้าถวิลหา ฯ
๏ ดวงดาวรายร่วงแล้ว.......เรียมเอย
บางสิ่งก็เกินเปรย..............สะกดไว้
เราโดดเดี่ยวดั่งเคย...........หมอง จิต
เฉกเช่นคนยากไร้.............ปราศผู้เล็งเห็น ฯ
๏ รัตติกาลยังเจิดจ้า..........นภาพราว
ดาวเด่นส่องแสงวาว....... ..ระรื่นแล้
หากแต่อกเราราว........... ..ระทมอยู่
คงเพราะขาดมิตรแท้...... ..จึงให้กำสรวล ๚ะ๛
8 สิงหาคม 2550 14:20 น.
อัลมิตรา
๏ ชวนล่องแพท่องไพรใครไปบ้าง
เราถามอย่างตรงตรงอย่าสงสัย
อาจเดินทางทั้งหมดโดยรถไฟ
หรือแยกไปพบกันถ้ำกระแซ
วางแผนไปเมืองกาญจนบุรี
สัปดาห์นี้สุขสันต์เนื่องวันแม่
กำหนดวันอาทิตย์ไม่คิดแปร
ใจแน่วแน่ขอย้ำกระทำการ
หากเดินทางทั้งหมดโดยรถไฟ
เชิญแวะไหว้พระปฐมฯ คราชมผ่าน
ร่วมอาลัยรำลึกตรึกเหตุการณ์
นับขอนไม้บนสะพานมิย่านเดิน
จวบใกล้เที่ยงที่หมายปลายทางรถ
เพื่อนทั้งหมดข้ามฝั่งยังดินเถิน
บ้านริมแควแพริมน้ำลำนำเพลิน
มิขาดเกินบ่ายสามนำล่องแพ
ลงแพเปียกตื่นตาตื่นใจนัก
เรือจอดพักให้เล่นน้ำตามกระแส
ใครตกปลา/ใครว่ายน้ำ/ธรรมชาติแล
เชิญตามแต่จะถนัดมิขัดใจ
หลังอาหารมื้อค่ำย่ำสนธยา
ยังเฮฮากลมเกลียวกลุ่มเที่ยวได้
และมากมีกิจกรรมร้องรำไป
ร่วมแคมป์ไฟพร้อมพรักสามัคคี
ราวสี่ทุ่มกลุ่มใดใคร่ทานเพิ่ม
ก็เชิญเติมอาหารให้กายสุขี
ก่อนฟาดฟันรำพัดหากจัดมี
ก็ยินดีท้าเจ้าเข้าประลอง
วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามุ่งเข้าป่า
อย่าชักช้าขอเตือนนะเพื่อนผอง
เขาว่าถ้ำก่อนเคยเชลยจอง
เพื่อย้อนมองพิษสงจากสงคราม
หรือใครอยากท่องไพรก็ไม่ขัด
เขาก็จัดขี่ช้างข้ามเขตขาม
จะพาลงลำห้วยด้วยพลายงาม
จวบถึงยามได้เวลาพากลับแพ
จบมื้อเที่ยงเลี้ยงลาร่ำลาเพื่อน
อีกกี่เดือนได้เที่ยวต่อก็ตามแต่
ขอจดจำจารึกไว้ในดวงแด
ใช่เพียงแค่นิยามพ้นข้ามวัน
ถ้าหากใครไปร่วมรถส่วนตัว
อย่าซื้อตั๋วรถไฟวุ่นวายนั่น
อาทิตย์เช้าแวะค่ายถ่ายหนังพลัน
เจอพร้อมกันค่ายสุรสีห์ดีไหมเกลอ
ร่วมย้อนรอยหนังใหญ่ใจเบิกบาน
ฉากอลังการพม่า/ไทยใคร่เสนอ
กำแพงเมืองหงสาฯ คราเจอะเจอ
ต่างร้องเอ้อ.. !! อู้หู !! .. ดูสมจริง
ท้องพระโรง/เจดีย์ชเวดากอง
ตะลึงจ้องจังงังช่างใหญ่ยิ่ง
อีกบัลลังก์/วัดวา คราเทียบอิง
ดั่งโดนสิงย้อนยุคอยุธยา
เราเสนอจากใจชวนไปเที่ยว
ไม่ยุ่งเกี่ยว..ไม่ว่า..อย่าครหา
ถ้าใครอยากไปด้วยช่วยกรุณา
แจ้งชื่อมาพร้อมสรรพเพื่อจับจอง
ฉุกละหุกไปนิดอย่าคิดมาก
แต่ถ้าหากสนใจก็ใคร่สนอง
จะรอรับเหล่าสหายด้วยใจปอง
เชิญพี่น้องถ้าว่างร่วมทางไพร
จะรถยนต์/รถไฟเราไม่เกี่ยง
หวังเราเลี้ยงตอบตรงคงมิไหว
ต่างเดินทางต่างจ่ายสบายใจ
ท่องเที่ยวได้ตามกระเป๋าเข้าถิ่นกาญจน์
หยุดสามวันว่างเว้นอยากเร้นหลบ
ขอนัดพบท่องไพรแม้นใครผ่าน
ร่วมย้อนรอยวีรกรรมสร้างตำนาน
พร้อมขับขานบทกวีที่แคมป์ไฟ๚ะ๛
. . เ ดิ น ท า ง ไ ก ล - ท่ อ ง เ ที่ ย ว ไ ป - ห า ค ว า ม ห ม า ย - จ า ก เ ส้ น ท า ง . .
7 สิงหาคม 2550 12:51 น.
อัลมิตรา
๏ แสร้งชอกช้ำระกำใจบางใครคิด
ดัดจริตทำกระแดะค่อนแคะขรม
มากมารยาประมาณว่าอุราตรม
เขาหยามถ่มเพราะเขามิเข้าใจ
เราจำใจเขียนกลอนตอนอกหัก
แม้เจ็บหนักเตือนตนต้องทนไหว
ร่ายปรัชญา/ธรรมชาติ/วาดพฤกษ์ไพร
เพื่อมิให้คนติฉินหมิ่นประณาม
ทุกเรื่องราวประหนึ่งว่าชีวาชื่น
แท้ขมขื่นจิตทุรนทุกข์ล้นหลาม
เราเขียนกลอนสารพัดถนัดความ
แต่ถูกปรามเขียนมิได้จากใจตน
ช่างเสแสร้งแสดงบทสมบทบาท
เขาปรามาสอักษรใช้คอนผล
ซ้ำทุกพจน์ทั้งเพเพียงเล่ห์กล
ปราศสักคนที่คำนึงซึ่งใจเรา
จอมปราชญ์เคยเปรยว่าภาษาศิลป์
ถึงอยู่ถิ่นแคว้นใดหรือใจเหงา
แม้นมากทุกข์ก็จักคลายคล้ายบรรเทา
ความโศกเศร้าจะสลายกลายรื่นรมย์
เรากลับแปลกแตกต่างไร้ทางออก
ยามช้ำชอกจมทุกข์แสร้งสุขสม
แสนลำบากคราวเค้นลำเค็ญตรม
จึงซ่อนระทมแฝงไว้ ณ นัยกวี ๚ะ๛