14 มีนาคม 2550 23:50 น.
อัลมิตรา
๏ 'ศิลป/อนาจาร' พิจารณ์รู้
ต่างมุมอยู่เจตนาสายตาแจ้ง
เพียงฉุกคิดด้วยใจไม่เคลือบแคลง
นัยยะแฝงเบื้องลึกชวนตรึกตรอง
เมื่อตามองคล้องภาพตาวาบคิด
จะถูกผิดสุดตาที่แตะต้อง
ย่อมต่างตาต่างตนต่างคนมอง
ย่อมเกิดสอง 'ศิลป/อนาจาร'
เมื่อใจมองใจมีมโนภาพ
'ละเอียด/หยาบ' กรองแยก 'แปลก' ประสาน
จึงเรื่อง 'ตากับใจ' ใดตระการ
ให้พิชานชัดชอบจักขอบคุณ
อย่าตัดสินด้วยตาแล้วพาพากย์
อย่าคิดถากผูกเรื่องเหมือนเคืองขุ่น
จงพินิจพิเคราะห์เหมาะการุญ
วางจิตตุลตามกระบวนอย่าด่วนลาม ๚ะ๛
12 มีนาคม 2550 17:33 น.
อัลมิตรา
๏ ประหนึ่งมีบางอย่างกั้นขวางอยู่
ทำให้เราทั้งคู่.. - รู้ไหวหวั่น-
ความอาทรเยื่อใยในสัมพันธ์
เนิ่นนานวันเลือนไปไม่เหมือนเดิม
เธอบอก..- เธอ เข้าใจในรู้สึก -
แต่ส่วนลึกช่างแผกจากแรกเริ่ม
ฉันอยากกล่าวถ้อยคำย้ำเพิ่มเติม
กลัวส่งเสริมปัญหาค้างคาใจ
เธอบอก.. - ฉัน เปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน -
ให้ฉันย้อนเรื่องราวเอาใจใส่
ฉันผู้ปราศความฉลาดสามารถใด
ตรึกเท่าไรเหมือนม่านหมอกมาหลอกบัง
สุดท้ายเธอทำเมินและเหินห่าง
ทิ้งช่องว่างฝากไว้ให้ฉันหยั่ง
ฉันเปรียบคนสูญค่าล้ากำลัง
เจ็บอีกครั้งทนได้หัวใจชิน๚ะ๛
12 มีนาคม 2550 12:52 น.
อัลมิตรา
๏ ถือมาตรวัดบรรทัดเงินเดินจับผิด
ดีดลูกคิดคำนวนหาส่วนขาด
แขวนลูกดิ่งเพื่อเห็นความเอนลาด
นี่หรือปราชญ์มุ่งประโยชน์โปรดใคร่ครวญ
มีแส้หวายใช้เฆี่ยนเคี่ยวเขียนอ่าน
ผิดหลักการณ์ต้องฆ่าอย่าสอบสวน
ลงโทษทัณฑ์ด่าไปใส่โซ่ตรวน
ไม่บังควรคิดเทียบเปรียบเมธี
ผิดแบบแผนคือกบฏล้ำกฏเก่า
จดจำเอาไว้เป็นเช่นแผนที่
ห้ามนอกลู่นอกทางหวังอวดดี
อย่าได้มีปากเสียงเลี่ยงประเด็น
จดจำโน่นทำตามนี่ก็ดีแล้ว
ตัวอย่างแนวแบบเก่าเท่าที่เห็น
ห้ามคิดแผลงแตกต่างทางเคยเป็น
โทษจักเช่นความผิดศิษย์นอกครู
แต่คนเราควรมีอิสระภาพ
มาตราทาบบรรทัดกดช่างอดสู
หากกักขังจินตนาการอันพรั่งพรู
สิ้นความรู้ดีกว่าต้องถูกจองจำ
เถอะ !! ปล่อยรั้งรังสรรค์ที่ฝันใฝ่
อย่าเชื่อใครกำหนดกฎเกณฑ์ต่ำ
เมื่อพบแนวแห่งใจให้เร่งทำ
อย่าสนคำเหล่าเมธีชี้เป็นตาย ๚ะ๛
9 มีนาคม 2550 11:42 น.
อัลมิตรา
กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ ๑๘
๏ อันความรักนั้นหนาผิว์กวิอุปมา
ซึ่งเสมือนว่า......................มหาศาล
เปรียบแสงแรงกล้าแห่งอชสุริยการ
ดุจจะเผาผลาญ.................สะท้านนัก
บางคราวอบอุ่นเอื้อดุจรติพิทักษ์
ชื่นอุรามัก-.......................ประจักษ์ใจ
แม้นพรากคู่ครองกันอุระดุจวิลัย
อาจสิส่งให้........................ฤทัยครวญ ๚
๏ บรรเลงรักตัวตนจนรู้รัก
แล้วหวานวักน้ำใจไปให้เขา
ไม่เคยรักตนตัวจะมัวเมา
รีบรักใครใครเขาคงป่วยการ
เพราะในโลกของเรามันเฉารัก
โดยเนื้อแท้ไม่ตระหนักในรักหวาน
ด้วยคารมจึงรักต้องหักราน
ไร้บรรเลงเพลงผ่านหัวใจพรหม ๚ะ๛
8 มีนาคม 2550 22:05 น.
อัลมิตรา
๏ ฉันกินข้าวไข่เจียวเธอเหลียวมอง
ฉันแก้มป่องหรือไร ? .. สงสัยค่า
เธอกระซิบ..ประทับใจในกริยา
ไร้มายาเสียจริงหญิงซุกซน
ฉันวิ่งเล่นกลางสนามปีนข้ามรั้ว
เธอส่ายหัวหน่ายพลางในบางหน
ช่างก๋ากั่นแสนดื้อลิงหรือคน
ว่องไวจนเหนื่อยใจจับไม่ทัน
แต่ทั้งหมดคือเสน่ห์ไร้เล่ห์หลอก
ฟังเธอบอกแล้วปลื้มจนลืมขัน
หากแต่เธอเปลี่ยนไปในนานวัน
ถ้อยเหล่านั้นเธอแผลงทิ่งแทงใจ
หล่อนสร้างภาพทั้งเพเสแสร้งปั้น
ความจริงนั้นตรงข้าม .. เธอหยามใส่
ปากเปรยย้ำซาบซึ้งถึงไส้ใน
เที่ยวบอกใครฉันเป็นเช่นคนลวง
เหมือนเดิมกินไข่เจียวเคี้ยวตุ้ยตุ้ย
ปราศขุดคุ้ยบางถ้อยใครพล่อยล่วง
เพราะไข่เจียวมีค่ากว่าทั้งปวง
หลุดจากบ่วงทุกลิ้นกินไข่เจียว ๚ะ๛