31 มีนาคม 2550 16:29 น.
อัลมิตรา
๏ กับคำถามที่ใจเคยไต่ถาม
กลายเป็นความเร้นลับและสับสน
ใจของฉันกับใจใครบางคน
ไยต้องหม่นทุกทีที่ห่างกัน
ไม่ทันจะเตรียมใจเอาไว้ก่อน
เผลอมองย้อนกลับไปในความฝัน
ความรู้สึกลึกล้ำก่อสัมพันธ์
ผ่านคืนวันแสนหวานสานเยื่อใย
เป็นความรักที่ใจไม่รู้สึก
แต่ฝังลึกจนฉันนั้นหวั่นไหว
ณ วันนี้ที่เผอิญสายเกินไป
เมื่อต้องไกลเกินกว่ากลับมาเคียง
เพิ่งรู้ตัวตอนนี้ตอนที่ช้ำ
ต้องกลืนกล้ำรันทดหมดทางเลี่ยง
เห็นสายตาตัดพ้อจนพอเพียง
ยังบ่ายเบี่ยงพยายามหนีความจริง
อยากย้อนวันเวลาถ้าทำได้
เพื่อบอกให้เธอประจักษ์ว่ารักยิ่ง
กลับไปขอหัวใจไว้พักพิง
ไปแอบอิงไออุ่นหนุนตักเธอ ๚ะ๛
29 มีนาคม 2550 12:47 น.
อัลมิตรา
...ดอกไม้กำใหญ่
...ใส่ความจริงใจไว้ในนั้น
...เชือกความรักใยความสัมพันธ์...
...คือสิ่งที่ฉันหมั่นคอยร้อยสิ่งทั้งปวง
...ผูกอย่างถนอมไม่ยอมให้ช้ำ
...แทนถ้อยน้ำคำว่า...ย้ำความห่วง
...แม้นไม่เทียบใจที่อยู่ภายใน...มีหนึ่งดวง
...แต่สิ่งใหญ่หลวง..นั่นคือห่วงใย
...ดอกไม้กำไม่น้อย
...คุณค่าอาจคงด้อย...ราคาคงไม่เท่าไหร่
...อาจไม่ปลื้มจิต..อาจไม่สะกิดหัวใจ
...เพียงหนึ่งผู้มอบให้...หวังได้ยิ้มหวานหวาน นั้นกลับคืนมา
...ดอกไม้ใกล้เหี่ยวแล้ว
...สิ่งที่ยังแน่แน่ว...เพียงแค่อยากบอกว่า
...อย่ามัวยืนมอง...หรือแค่จ้องตา
...โปรดยื่นมือมา...แล้วคว้าดอกไม้..นี้ไปโดยพลัน
28 มีนาคม 2550 17:57 น.
อัลมิตรา
๏ เขาและเธอตรงข้ามในความคิด
สองดวงจิตเคยรักสมัครสมาน
มาถกเถียงเปล่าเปลืองเรื่องวันวาน
ต่างบาดเจ็บร้าวรานหวานมิคืน
ต่างคนต่างน้อยใจในคนรัก
จึงจมปลักความระทม,ความขมขื่น
ต่างคนต่างทระนงตรงจุดยืน
ต่างแข็งขืนบอกปัดขัดแย้งกัน
เรื่องราวของ เธอ-เขา คล้ายเรานี้
คล้ายตรงที่เราทะเลาะเพราะเหตุนั่น
ต่างคนต่างอธิบายนัยสำคัญ
ต่างดื้อรั้น,ไม่อ่อนข้อ,ไม่ง้อใคร
ในที่สุดพวกเราต่างเศร้าหมอง
ฤๅเรียกร้องเหตุผลจากคนไหน ?
รักที่เราปรารถนาเกินกว่าใด
ที่เหลือไว้คือน้ำตามาครอบครอง ๚ะ๛
24 มีนาคม 2550 09:55 น.
อัลมิตรา
๏ เพราะสับสนดวงจิตเหมือนติดขัด
แสนอึดอัดเหนื่อยหน่ายใจหม่นหมอง
ทุกคราวที่ร่ายคำพร่ำทำนอง
กลอนดันพ้องกระทบใครวุ่นวายจริง
ครั้นเขียนเรื่องสังคมโสมมมฉาว
ยามอ่านข่าวบ้านเมืองเรื่องร้อนยิ่ง
ทั้งไฟใต้,ควันเหนือ เบื่ออ้างอิง
คนโดนยิง,เด็กสูญหาย ข่าวรายวัน
ยิ่งเขียนยิ่งอดสูหดหู่จิต
ชักตะหงิดรัฐบาลสมานฉันท์
นโยบายห่วยแตกยิ่งแยกกัน
ไทยทั้งนั้นที่ตายเลือดไหลนอง
ยามกลั่นกลอนรักหวานดุจตาลอ้อย
เขาก็คอยหมั่นเกี้ยวหวังเกี่ยวข้อง
ตูบหยอกไก่กระมังเราหยั่งตรอง
ใช่อยากดองจริงจังจึงยั้งใจ
คราวเขียนปาด/ปรัชญาก็ว้าวุ่น
เพื่อนเคืองขุ่นเรางงงสุดสงสัย
ผิดกาละเทศะ ฤๅ กระไร ?
เหตุไฉนจิตแผลงระแวงเรา
อยากเขียนกลอนรื่นรมย์แต่ขมขื่น
แม้นยามคืนเพ่งจันทร์ไหวหวั่นเหงา
โลกทั้งโลกล้วนหมองมองสีเทา
ธรรมชาติเล่าเคยสวยสดพลันหมดงาม
เหมือนรอยร้าวบนอุราเริ่มปรากฏ
ความรันทดทุกข์ทุรนเพิ่มล้นหลาม
เขียนโน่นนี่ก็อั้นใจบางใครปราม
จนอยากถาม "บทกวี" มีค่าอะไร ?" ๚ะ๛
20 มีนาคม 2550 22:05 น.
อัลมิตรา
๏ ทุกทุกก้าวในวิถีของชีวิต
ความถูกผิดถูกวางบนทางแพร่ง
เป็นทางเลือกที่ไม่มีใครชี้แจง
ทุกอย่างแฝงปริศนาน่างุนงง
เธอต้องคอยระวังคอยยั้งคิด
ทางผิดมักลวงใจล่อให้หลง
ทางเรียบง่ายปลายมักวกเข้ารกพง
พาเธอลงหุบเหวสิ่งเลวทราม
หนทางดีแม้สูงชันต้องฟันฝ่า
เธอต้องกล้าต้องเก่งอย่าเกรงขาม
เธอต้องมุมานะพยายาม
เพื่อสร้างความฝันใฝ่ให้เป็นจริง
ถึงแม้มีบางครั้งเธอพลั้งพลาด
ต้องสามารถยิ้มรับกับทุกสิ่ง
ต่อให้เธอไร้หลักไว้พักพิง
ก็ต้องหยิ่งที่จะสู้อยู่ลำพัง
ขอแค่มีหัวใจไว้ใฝ่ฝัน
ตราบมีวันพรุ่งนี้ย่อมมีหวัง
ทำสิ่งที่ควรทำเต็มกำลัง
คิดทุกครั้งก่อนจะทำอะไร
ขออย่ายอมเหนื่อยหน่ายหรือพ่ายแพ้
ยามอ่อนแอเก็บน้ำตาอย่าให้ไหล
สู้ไปเถิดอย่าท้อสู้ต่อไป
เหนื่อยแค่ไหนอย่าท้อขอให้เดิน
ชั่วชีวิตอุปสรรคฤๅสิ้นสุด
มหาสมุทรยังมีที่ตื้นเขิน
ตั้งสติ รอเวลา กล้าเผชิญ
แล้วจะเพลินหาฝันอย่างมั่นใจ
ทุกทุกก้าวในวิถีของชีวิต
แม้พลาดผิดหนึ่งก้าวเพียงก้าวใหม่
อนาคตยังยาวทางก้าวไป
ความสำเร็จคือเส้นชัยคนไม่แพ้ ๚ะ๛