๗ - ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๐ ท่ามขุนเขากลางพนาดาวดารดาษ ท่ามบรรยากาศไมตรีจิตมิตรสหาย ท่ามข้าวของเนืองนองมองเรียงราย ท่ามความหมายรื่นรมย์อุดมการณ์ แม้นเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแสนสาหัส เส้นทางป่ารกชัฏอัตคัตผ่าน รู้ !.. อีกฟากโพ้นนั้นแสนกันดาร เขาเล่าขานชาวป่าปากะญอ เสียงหัวเราะหยอกเย้าราวพี่น้อง เกิดจากความปรองดองใช่ร้องขอ ไม่มีความแตกแยกแผกเหล่ากอ ต่างแต่งแต้มเติมต่อสายสัมพันธ์ เปิบข้าวเหนียวเคี้ยวหมูดูเอร็ดอร่อย ถึงมีน้อยก็แบ่งให้ไม่เดียจฉันท์ จะมาจากแหล่งไหนไม่สำคัญ ต่างแบ่งปันเสบียงเยี่ยงคุ้นเคย มิตรภาพตราบสิ้นทั้งดินฟ้า สมเจตนาเปรมปรีดิ์พี่น้องเอ๋ย ทุกสัมผัสเกินคำนำภิเปรย กาลล่วงเลยทั้งหมดยังจดจำ เริ่มต้นวันเดินทางกระทั่งเช้า ผ่านขุนเขาลำธารละหานฉ่ำ คืนที่ฟ้าดื่นดาวพราวระบำ น้ำค้างพร่ำไอหมอกหยอกเยียบเย็น รำลึกถึงรอยยิ้มของเด็กน้อย และชาวดอยที่ลำบากทุกข์ยากเข็ญ หนาวปีนี้คงสบายคลายลำเค็ญ และกลายเป็นความอบอุ่นละมุนละไม ขอบคุณเอื้องอังกูรก่อการคิด และมวลมิตรผู้เอื้อเฟื้อจุนเจือให้ บุญร่วมสร้างมหาศาลธารน้ำใจ จักสืบสานต่อไปในปณิธาน
๏ รีบกลับบ้านจัดกระเป๋าจะเข้าป่า หมวก,เสื้อหนา,ถุงมือหาซื้อใส่ ทั้งถุงนอนเต้นท์พกเกือกผ้าใบ คืนพรุ่งนี้ต้องไปเชียงใหม่แล้ว รู้สึกเหมือนตื่นเต้นใจตึกตัก หนาวยิ่งนักฟังข่าวเรายิ่งแผ่ว คนมีคู่คงอบอุ่นแนบเนื้อแนว เราส่อแววหนาวขดอดอุ่นไอ ละการงานสังคมไปอมก๋อย จิบดาวลอย* ท่ามภูผา ณ ป่าใหญ่ คนกรุงเทพฯขอพรางเป็นนางไพร รอบกองไฟนั่งล้อมวงคงปรีดา ดาวที่นั่นคงระยิบระยับไสว และงดงามกว่าใดในแหล่งหล้า แม้นเดือนดับแต่ฟากฟ้ามากดารา พวกเรามานับดาวพราวแข่งกัน นั่น !!..ดาว หนึ่ง - สอง - สาม - สี่ - ห้า- หก โน่น !!..ดาวตกชี้ให้บางใครขัน เอ้า !!..ดาวลอย* มามะมาแบ่งปัน ชวนยอกจอกเย้ยจันทร์แม้ไม่มี ๚ะ๛