31 ธันวาคม 2550 14:25 น.
อัลมิตรา
.
๏ วันพรุ่งนี้ไม่มีแล้ว.."ที่รัก"
ฉันประจักษ์หัวใจโดยไม่ฝืน
เหลือเวลาซาบซึ้งแค่หนึ่งคืน
ยามเธอตื่นลืมตาฉันลาไกล
ที่ผ่านมาครานั้นเหมือนฝันแท้
กว่ารู้แน่ก็ชอกช้ำเกินคำไข
ฉันรักเธอเสมอมั่นสัมพันธ์ใจ
ส่วนเธอนั้นรักใครไกลใกล้มี
"ความรักนั้นปันให้อย่าไปหวง
จงตักตวงเพราะรักคือศักดิ์ศรี
หญิงรุมล้อมรอบกายคล้ายดูดี"
เหตุผลนี้เธอสะกิดให้คิดพลัน
"รักจากใจจริงแท้มีแค่หนึ่ง"
เมื่อไม่ซึ้งแถมเลี่ยงใช่เพียงฉัน
คงสูญสิ้นความรักในสักวัน
"รักแบ่งปัน" พร่ำเพรื่อจะเหลือใด
คืนสุดท้ายคืนนี้แล้ว.."ที่รัก"
พรุ่งนี้จักปรากฏความสดใส
ฝากจุมพิตปริศนาก่อนลาไกล
ส่วนร่องรอยความอาลัยคงไม่มี ๚ะ๛
.
25 ธันวาคม 2550 00:40 น.
อัลมิตรา
๑.
๏ ให้ห้วงกาลวารวันอันล่วงพ้น-
ช่วงชีวิตจิตตนจนเลยล่วง
ฝืนเฝ้าตามความหลังดั่งเล่ห์ลวง
แล้วเลยห้วงแห่งฝันนั้นเนิ่นนาน
๒.
เพียงพักนอนผ่อนคลายให้หายล้า
ให้เวลารื่นรมย์ผสมผสาน
แม้นมากสุขทุกข์ใดในวันวาน
พร้อมเหตุผลพ้นประมาณด้านจิตใจ
๓.
ความรู้สึกตรึกตรองผองถูกผิด
ชั่วชีวิตเคยหวังทั้งน้อยใหญ่
คงมีพลั้งครั้งพลาดขาดสิ่งใด
ที่ผ่านไปยังมีที่อยากทำ
๔.
แท้ที่สุดจุดจบพบสรรพสิ่ง
ทั้งเท็จจริงที่มีถลีถลำ
ล้วนหนักหนาสาหัสเป็นสัจธรรม
เนิ่นนานนำเหนื่อยหน่ายมิคลายคลา
๕.
จึงอยากนอนผ่อนบ้างปล่อยวางสิ้น
ไม่ยลยินสารพันผองปัญหา
หวนคำนึงถึงสุขทุกเพลา
ด้วยปรารถนาพบชีวิตจิตเสรี
๖
หากมีเหตุเศษเสี้ยวแสนเปลี่ยวเหงา
ทั้งใหม่เก่าสารพันอันแทนที่
ดั่งแผ่ผ่านซ่านกระจายทั่วกายมี
ตามราวีรุกเร้าเข้าบั่นทอน
๗.
โปรดให้ฉันนั้นพบความสงบบ้าง
ยิ่งอ้างว้างหวั่นไหวในกาลก่อน
ยามคืนนี้มีดาวพราวอัมพร*
นิศากร*แจ่มกระจ่างช่างงดงาม
๘.
ให้ชื่นชมภิรมย์ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
หาความฝันอันพิไลที่ไถ่ถาม-
มาเนิ่นนานประหนึ่งเป็นเช่นนิยาม
นั้นคือความสุขสงบอยากพบเจอ
๙.
สู่อ้อมกอดเทวามหาศาล
ซึ่งอบอุ่นละมุนมานสำราญเสมอ
จักนำฉันสู่นภาฟ้าเลิศเลอ
ที่พร่ำเพ้อคะนึงหามาเนิ่นนาน
๑๐.
แล้วจากดินถิ่นแคว้นแดนอาศัย
ก่อนลาไกลจากเคหานิวาสถาน-
ห้องเย็นเยียบเงียบสงัดยามรัตติกาล
จากสงสาร*ภพชาติซึ่งหวาดกลัว
๑๑.
จิตวิญญาณอันผุพังในครั้งก่อน
ซึ่งร้าวรอนอ่อนล้าคราคืนสลัว
จักพักฟื้นคืนพลังเพื่อตั้งตัว
พ้นความกลัวมัวหมองของจิตใจ
๑๒.
ในอ้อมกอดเทวามหาศาล
มีไออุ่นละมุนมานสำราญให้-
เธอจักพบประสบฝันอันอำไพ
มีกายใจสุขเกษมทั้งเปรมปรีดิ์
๑๓.
เคยอ่อนล้าฉงนใจในถูกผิด
ทั้งชีวิตมีเส้นกฎเกณฑ์ชี้-
นำลุ่มหลงพะวงวนสับสนมี
หันทางนี้ที่นั้นด้วยหวั่นเกรง
๑๔
เห็นนกแร้งแข็งขันอันหิวโหย
กลิ่นสาบโชยทั้งทรชนคนข่มเหง
บรรยากาศแปรปรวนชวนวังเวง-
หวาดหวั่นเกรงฝนฟ้าพายุพลัน
๑๕.
แท้เธอพรั่นหวั่นผวาคราจิตหลอน
จนบั่นทอนซึ่งนิยามความใฝ่ฝัน
จึงตรอมตรมขมขื่นทุกคืนวัน
ชีวิตพลันสั่นคลอนทั้งอ่อนแอ
๑๖
หากใคร่ครวญถ้วนถี่ที่เป็นอยู่
หากรับรู้เรื่องราวคราวพ่ายแพ้
หากตรึกตรองมองตามความผันแปร
ความพ่ายแพ้แลชนะคือสัจธรรม
๑๗.
หากหลบลี้หนีปัญหาทุกคราครั้ง
คงสิ้นหวังโศกเศร้าทุกเช้าค่ำ
หากเธอเห็นเป็นวิถีทางชี้นำ-
ให้จดจำคำนึงถึงสิ่งดี
๑๘.
หากยังตรมระทมอยู่มิรู้หาย
ตราบชีพวายสิ้นหวังยังหลบหนี
ที่เธอมัวหัวดื้อทั้งถือดี
ทำเช่นนี้แท้สนุกสุขหรือไร ?
๑๙.
อันตัวตนค้นหามานานเนิ่น
จนเพลิดเพลินในภวังค์ทั้งเก่าใหม่
ลืมโลกจริงสิ่งเห็นที่เป็นไป
เธอทำให้ฉันพร้อมยอมจำนน
๒๐
จึงคุกเข่าเฝ้าพร่ำรำพันว่า
โปรดค้นหาความหวังทั้งเหตุผล-
จินตนาการเสรีที่ใจตน
คืออิฐผล*บรรเจิดแสนเลิศเลอ
๒๑.
สู่อ้อมกอดเทวามหาศาล
ซึ่งอบอุ่นละมุนมานสำราญเสมอ
เธอนำฉันสู่นภาฟ้าเลิศเลอ
ที่พร่ำเพ้อคะนึงหามาเนิ่นนาน
๒๒.
แล้วจากดินถิ่นแคว้นแดนอาศัย
ก่อนลาไกลจากเคหานิวาสถาน-
ห้องเย็นเยียบเงียบสงัดยามรัตติกาล
จากสงสาร*ภพชาติซึ่งหวาดกลัว
๒๓.
จิตวิญญาณอันผุพังในครั้งก่อน
ซึ่งร้าวรอนอ่อนล้าคราคืนสลัว
จักพักฟื้นคืนพลังเพื่อตั้งตัว
พ้นความกลัวมัวหมองของจิตใจ
๒๔.
ในอ้อมกอดเทวามหาศาล
มีไออุ่นละมุนมานสำราญให้-
เธอจักพบประสบฝันอันอำไพ
มีกายใจสุขเกษมทั้งเปรมปรีดิ์ ๚ะ๛
ไออุ่นอ้อมกอดแห่งเทพยดาองค์ใด
ฤๅจะเทียบเท่า อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ในตัวเธอ
23 ธันวาคม 2550 22:04 น.
อัลมิตรา
๏ เป็นมติประชาธิปไตยไทยทั่วถ้วน
คราเมื่อเห็นสมควรก็ชวนสรร
ใช้สติปัญญาพิจารณาพลัน
ทุกชนชั้นครวญคิดสิทธิ์เสรี
จะพรรคใหม่หรือเก่าเข้าสภา
หัวหน้าพรรคปากกล้าเข้าท่านี่
หัวหน้าพรรคหล่อหรูมาดผู้ดี
ตัดสินที่เหตุสมควรของมวลชน
หากมัวคิดแค้นเคืองเรื่องเก่าก่อน
แล้วแคะค่อนถากถางระหว่างผล
คงไม่แคล้วอีกคราจราจล
ชาติอับจนถูกห้ำหั่นล่มบรรลัย
ถ้ารักชาติรักศาสน์กษัตรา
เชิญร่วมแก้ปัญหาดีกว่าไหม
ช่วยกอบกู้วิกฤตเภทประเทศไทย
จนพ้นภัยเศรษฐกิจพิษรุงรัง
พรรคใดได้เก้าอี้กี่คะแนน
อย่าเคืองแค้นกลัดกลุ้มจนคลุ้มคลั่ง
ใครรักใครหรือใครใคร่ชิงชัง
อาจทำให้ชาติพังหากพลั้งตน
พรรคใดเป็นรัฐบาลทำงานชอบ
รอคำตอบให้ประจักษ์อีกสักหน
ประเทศชาติใช่พึ่งเพียงหนึ่งคน
คือเหตุผลวางไว้พึงไตร่ตรอง ๚ะ๛
20 ธันวาคม 2550 17:28 น.
อัลมิตรา
๏ นับเวลาถอยหลังเหมือนครั้งก่อน
หลับตาย้อนเรื่องราวคราวผ่านผัน
สิบสองเดือนสามร้อยหกสิบห้าวัน
มากสุขสันต์เคล้าคลุกทุกข์ปนเป
เผลอแป๊บเดียวพ้นผ่านอีกขวบปี
งานเลี้ยงมีเพื่อนชวนให้สรวลเส
พรรคพวกนัดกินลมชมทะเล
แล้วเตร็ดเตร่ตามภูดูเดือนดาว
แต่ปลายเดือนงานรุมสุมท่วมหัว
เพื่อนมายั่วหยิบหมอกหยอกลมหนาว
เราหมดหวังกระทั่งแหงนดูดาวพราว
แถมนั่งหง่าวง่วงเหงาเฝ้าหน้าจอ
คนอื่นอื่นท่องเที่ยวกันสุขใจ
คงปราศใครหน้าเศร้าดุจเราหนอ
งานไอทีเงินเดือนเหมือนเกินพอ
นึกแล้วท้องานประชิดคิดไม่ทัน
งานรื่นเริงปีใหม่ไม่ว่างเที่ยว
ต้องโดดเดี่ยวทำงานหัวบานนั่น
เพราะภาระหน้าที่ที่ผูกพัน
ยากจัดสรรเปลี่ยนตัวผู้ทำแทน
นับเวลาถอยหลังเหมือนครั้งก่อน
รำลึกย้อนแบบอย่างพร้อมวางแผน
หลังปีใหม่จะท่องไปทั่วทุกแดน
แล้วโลดแล่นเยือนถิ่นจินตนาการ
จะพักร้อนนอนหนาวบนราวฟ้า
ขี่เมฆาเกี่ยวรุ้ง ณ สรวงสถาน
เอื้อมเด็ดดอกดาริกางามละลาน
สุขสราญประทังใจที่ไหวเอน
ซบจันทราต่างหมอนหนุนนอนฝัน
แก้มแนบจันทร์นวลเจ้าหยอกเย้าเล่น
ปล่อยโลกลอยละล่องไปไร้กฎเกณฑ์
ปลดหลักการหลีกเร้นเรื่องหลอกลวง
มหรรณพจบสายสมุทรสิ้น
จะเริงรินรื่นระลอกให้ใหญ่หลวง
แล้วหยอกเอินแก่งเกาะออเซาะทรวง
สดับท่วงทีท่าชลาลัย
เพียงดื่มด่ำอมฤตสฤษฏ์รุ่ง
ประดับปรุงปรัศนาอัชฌาสัย
พักโลกร้อนนอนหนาวผะผ่าวไป
มิปรารถนาสิ่งใดในชีวี ๚ะ๛
16 ธันวาคม 2550 23:53 น.
อัลมิตรา
๏ ถ้าหากเธอรู้สึกร้าวลึกเจ็บ
แล้วกักเก็บซ่อนไว้โดยไม่เผย
เฝ้าอดทนขมขื่นจนคุ้นเคย
จนชาเฉย "-เหตุนี้ไม่มีอะไร-"
กระทั่งเธอรู้สึกเกินเก็บกด
สิ่งปรากฏต่างเห็นเป็นสงสัย
ประหนึ่งความระคางแตกต่างไป
"-สุดที่จะระงับได้-" คงใกล้เคียง
ขึ้นอยู่กับสิ่งใดเปิดใจเลือก
ภายในเปลือกสุขได้ไม่ต้องเสี่ยง
ภายนอกเปลือกทุกข์ท้อเกินพอเพียง
อยากอยู่เยี่ยง"- นอก/ใน-"ใคร่ครวญเอง
ฉันอาศัยในเปลือกเลือกตามจิต
หลบภัยพิษทุรนคนข่มเหง
ฟังเสียงคลื่นทะเลเห่บรรเลง
แสนครื้นเครงตามประสาอุราตน ๚ะ๛