11 ตุลาคม 2550 00:19 น.
อัลมิตรา
..๏ หงส์เอยเจ้าอ่อนล้า.......ฤๅไฉน
จึงร่อนลงพงไพร..............ภาคพื้น
คงเผลอจิตหลงใหล...........แดนป่า
เยือนถิ่นดินชุ่มชื้น.............ดั่งให้ยลโฉม ๚
..๏ อึดอัดอันเนื่องด้วย.......อนิฏฐา- รมณ์*ฤๅ
จึงจากภพเคหา.................เพริศแพร้ว
ฤๅจิตคิดปรารถนา............แดนสงบ
เห็นป่าดั่งเมืองแก้ว............หลบร้อนนอนดิน ๚
..๏ หงส์เอยหากอ่อนล้า.....โรยแรง
ขออย่าได้หวาดระแวง........เล่ห์ร้าย
จงซุกปีกออมแรง..............พักผ่อน
วันพรุ่งจึงแยกย้าย.............สู่ฟ้าดังเดิม ๚
..๏ ปราศแสงแห่งคบใต้.....ประทีปงาม
มีแต่เดือนดาววาม............กระจ่างฟ้า
ไร้เสียงดุริยางค์นิยาม.......เพลงเสนาะ
มีหริ่งเรไรร้า*...................กล่อมให้คลายเหงา ๚
..๏ เผือกมันผลไม้ป่า........มากมี
หวังเพื่อความดุษฎี............แห่งเจ้า
หงส์ฟ้าเพริศโสภี..............คงสุข- เกษมนา
ปรารถนาดีจึงเฝ้า.............ชุบเลี้ยงดูแล ๚
..๏ ยามเมื่อสุริเยศเยื้อง.....เยือนมหรรณพ์
กวีที่เคยปลอบขวัญ...........กล่อมใกล้
มวลพฤกษ์มากสรพัน........เลือนจาก หทัยแฮ
ผลหมากหลากลูกไม้.........หมดสิ้นโอชา ๚
..๏ สำเนียงเสียงแห่งเจ้า.....หงส์งาม
เคยพร่ำเพรียกไถ่ถาม.........หยอกเย้า
กาลผันผ่านย่ำยาม..............ยังแว่ว- หวานนอ
ฤๅแค่ความโศกเศร้า...........หลอกให้ละเมอหา ๚
..๏ หงส์เอยเคยอยู่ฟ้า.........เมืองแมน
เลยหน่ายพฤกษ์พรมแดน...เยี่ยงนี้
ฤๅดูหมิ่นถิ่นแคลน.............สกุลต่ำ
มากเรี่ยวแรงจึ่งลี้...............หลีกเร้นโดยพลัน ๚
..๏ ยามจากหากฝากถ้อย.....คำลา- หนึ่งเอย
คงมิคร่ำครวญพา................อกไข้
เพียงคำกล่าวสนทนา..........ยากยิ่ง แลฤา
บินผ่านยังเมินได้................บ่ายหน้าเบือนหนี ๚
..๏ ผิดแผกแตกต่างชั้น-.....สกุลพงศ์
กามิควรคู่หงส์...................แน่แท้
เพียงจิตคิดลุ่มหลง............จักหม่น- หมองเฮย
กาคู่กาควรแล้...................อย่าได้หมายหงส์ ๚ะ๛
.
8 ตุลาคม 2550 07:48 น.
อัลมิตรา
. ๏ ความกล้าหาญนั้นมี ณ ที่ไหน ?
หากดวงใจเธอตรองจึงมองเห็น
กุศโลบายหลายหลากมากประเด็น
ซึ่งจักเป็นเกราะแกร่งแข็งทนทาน
เพียงอย่าหวั่นพรั่นพรึงซึ่งอุปสรรค
จงตระหนักความจริงสิ่งพ้นผ่าน
รู้เท่าทันชั่วดีด้วยปฏิภาณ-
อย่างห้าวหาญคือคำตอบมอบแด่เธอ
เพียงเธอพร้อมยอมรับซึ่งสรรพสิ่ง
ทั้งลวงจริงสารพันเช่นนั้นเสมอ
อุดมการณ์อันประเสริฐแสนเลิศเลอ
ล้วนอยู่ในใจเธอเสมอมา
แม้นโศกเศร้าร้าวระทมทั้งขมขื่น
ในวันคืนสิ้นหวังบ้างหวาดผวา
จักคลี่คลายหายไปในทันตา
เพียงแกร่งกล้าพร้อมเผชิญมุ่งเดินไป
แล้วเมื่อเธอได้ประสบพบความแกร่ง
ที่เปลี่ยนแปลงปริกัลป์*อันยิ่งใหญ่
ทิ้งความขลาดหวาดหวั่นพรั่นพรึงใด
เพื่อเข้าใจบัญญัติความสัจจ์จริง
จึ่งรู้ดีว่าชีวิตทั้งอิฐผล*
บันดาลดลให้ประสบพบสุขยิ่ง
ล้วนพร้อมพรั่งทั้งนิยามความเป็นจริง
ว่าคือสิ่งสร้างสรรค์อย่างมั่นคง
เมื่อใดใจเริ่มล้าคราพ่ายแพ้
ฤๅอ่อนแอทุกข์ระทมไม่สมประสงค์
ให้เธอตรองมองเหตุเจตจำนงค์
เพื่อดำรงชีวิตกิจการงาน
จงเข้มแข็งแกร่งกล้าหาสิ่งหมาย
มุ่งขวนขวายกอปรกิจคิดสืบสาน
มีสิ่งหนึ่งซึ่งประสิทธิ์จิตรการ*
คือความหาญกล้าแกร่งแห่งใจเธอ
แม้เส้นทางระหว่างก้าวแสนยาวยิ่ง
ยามถูกทิ้งเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเสมอ
แท้โลกกว้างทางฝันอันล้ำเลอ
มีเพียงเธอไร้คนจับประคับประคอง
เธอสามารถปรารถนาหาความรัก
เพื่อประจักษ์ความจริงสิ่งทั้งผอง
เพียงใคร่ครวญเพ่งพินิจคิดไตร่ตรอง
รู้ครรลองแห่งใจในเธอนั้น
แล้วความทุกข์ร้าวระทมทั้งขมขื่น
แม้วันคืนเปลี่ยวเหงาเศร้าโศกศัลย์
จักเสื่อมคลายมลายไปในปัจจุบัน
เช่นหลับฝันครั้นตื่นแล้วรื่นรมย์
คุณองค์พระชินสีห์ที่ล้ำเลิศ
สิ่งประเสริฐแห่งพระธรรมกรรมเหมาะสม
คุณพระสงฆ์ทรงคุณ(ะ)วโรดม*
ทั้งอินทร์พรหมเทวาในสากล
จักคุ้มครองป้องปักษ์และรักษา-
ยามเธอล้าอ่อนแรงทุกแห่งหน
ถึงยากแค้นแสนเข็ญเป็นกังวล
เทพเบื้องบนจักช่วยอำนวยชัย
จงแกร่งกล้าสามารถองอาจพร้อม
อย่ายินยอมพ่ายแพ้แม้ยามไหน
วันพรุ่งนี้มีฝันอันอำไพ
ยังรอให้มุ่งหน้าหาหนทาง ๚ะ๛
1 ตุลาคม 2550 08:02 น.
อัลมิตรา
.
๏ ทั้งทั้งที่เขาระบุอายุต่าง
ซ้ำไกลห่างแดนดินถิ่นอาศัย
รู้ทั้งรู้แต่ถลำเกินทำใจ
ตกหลุมรักจนได้เบรคไม่ทัน
เถอะมาฟังเรื่องราวอันเศร้าสร้อย
เรื่องหนุ่มน้อยที่พันพัวกับตัวฉัน
ซึ่งปรากฏบทกลอนย้อนนานวัน
กลายเป็นความผูกพันนิรันดร
ตราตรึงจิต"มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า"
ทุกเพลาห่วงใยมิไถ่ถอน
แม้บางทีตัวฉันถูกบั่นทอน
เขารับรู้ทุกตอนในร้อน-เย็น
คราร้องไห้ใจโรยเรี่ยวแรงล้า
เขาก็มาปลอบใจให้ความเห็น
คราเพลี่ยงพล้ำยังอำนวยช่วยประเด็น
ยามยากเข็ญเขาหยัดอยู่เคียงกาย
กระทั่งฉันเผลอไผลไม่ยั้งจิต
และเริ่มคิดลามปามเบี่ยงความหมาย
ลืมตระหนักศักดิ์แท้แค่.."น้องชาย"
แอบเอียงอายบางคราหลงคารม
เขาเพรียกพร่ำซ้ำซ้ำย้ำ.."พี่สาว"
ฉันปวดร้าวหัวใจคล้ายขื่นขม
รักที่ผิดระบบแบบต้องแอบตรม
โทษสาสมตัวอย่างรักข้างเดียว
เขายังคงยิ้มแย้มยามเยี่ยมเยือน
และดูเหมือนเขานั้นมิทันเฉลียว
"ว่า..พี่สาวทุกข์หนักเพราะรักเชียว
เห็นเขาเกี้ยวสาวอื่นยากฝืนใจ"
เฝ้าเก็บกดอดทนจนอัดอั้น
รักของฉันจะวางลง ณ ตรงไหน
ถ้าเขารู้ว่าจิตฉันผันแปรไป
จะมีผลกระทบไหมในไมตรี
จาก"น้อง-พี่"พลิกเพี้ยนเปลี่ยนเป็นรัก
หากอกหักตัวฉันคงขวัญหนี
ทนกล้ำกลืนมิกล้าเอ่ยพาที
เนิ่นนานปีเก็บงำไว้ในอุรา
อยากให้เขาเข้าใจในดวงจิต
ที่ฉันคิดหลงใหลใฝ่ปรารถนา
แม้เขานั้นแน่วนิ่งและเฉยชา
เหมือนเจตนาเกี่ยวข้องแค่ "น้องชาย" ๚ะ๛
ไม่รู้ว่า.. ความรู้สึกดังกล่าวเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อใด ?
ต่อไป ฉันจะวางตัวอย่างไรดี ?