16 พฤษภาคม 2549 09:12 น.
อัลมิตรา
..๏ สงสัยว่าเธอนี้แอบมีกิ๊ก
ทำหลุกหลิกกลบเกลื่อนไม่เหมือนเก่า
คงจะมีบางอย่างอำพรางเรา
ตั้งแต่เช้าโทรศัพท์รับทั้งวัน
กลายเป็นคนสำมะเลเที่ยวเร่ร่อน
กลับบ้านตอนรุ่งเช้าแถมเมานั่น
หลากข้ออ้างยกมาสารพัน
เงินเดือนนั้นเคยได้...หนอย !!..ไม่มี
พอถามถึงรอยจูบเผลอลูบคอ
ทำหัวหมอแกล้งขำโดนอำผี
ปดเราว่าเข้าป่าเจอตานี
เถอะจะไม่จู้จี้เซ้าซี้เธอ
ไม่อยากขู่ออกไปทำไก่ตื่น
เราพกปืนขอย้ำนำเสนอ
แอบมีกิ๊กเมื่อไหร่เป็นได้เจอ
แม้นว่าเผลอโดนจับได้ตายแน่มึง !!..ฮึ่ม.. !!
7 พฤษภาคม 2549 23:53 น.
อัลมิตรา
..๏ ลายคน
..๏ รูปลักษณ์มักยอกย้อน.......ยิ่งซับซ้อนซ่อนเล่ห์กล
กลบเลศนัยเหตุผล.................ผิดแผกจนสับสนพลัน
เพียงร่างอันล้ำเลอ.................หลงพลั้งเผลอละเมอครัน
คงขย้ำเข้าห้ำหั่น....................หาญข่มขวัญครั่นเรรวน ฯ
..๏ แล้วเขี้ยวจึงขบร่าง..........เล็บคมบางเข้าขีดข่วน
คุกคามจนกำสรวล.................ซึ่งทบทวนแสนทุกข์ใจ
เจ็บปวดรวดร้าวแล้ว...............ฤๅคลาดแคล้วผองเภทภัย
เพียงพลั้งพลาดเผลอไผล......ผูกพันไว้จวบวายปราณ ฯ
..๏ ปรุงแปลงแต่งลวดลาย.....หลากเล่ห์ร้ายล้วนเหี้ยมหาญ
หากติดจิตรการ......................เกรงพบพานผองภาพลวง
เลวร้ายรุมล่อหลอก................ราวเมฆหมอกบังแดนสรวง-
สุริยันจันทร์ดาวดวง................ดับโชติช่วงสิ้นเฉิดฉาย ฯ
..๏ ชั้นเชิงอันฉ้อฉล................เฉกเล่ห์กลบนลวดลาย
รำลึกพิษเหลือร้าย..................แล้วมุ่งหมายเข้าบีฑา
แทงทิ่มจิ้มเล็บเขี้ยว................ความแสบเสียวเสียดอุรา
ร้อนรนทนทรมา......................หมดปัญญาจักแก้ตัว ฯ
..๏ ตราบตรองมองลายลักษณ์....รอยจำหลักอย่างถ้วนทั่ว
แท้จริงสิ่งน่ากลัว......................กลับเกลือกกลั้วสิ่งโสภี
ผองภาพอันซับซ้อน.................ซึ่งซุกซ่อนความบัดสี
สิ่งใดใครเห็นดี........................ดูโดยพลันมีปัญญา ฯ
..๏ แยบยลบนรูปลักษณ์.........รอยจำหลักล้วนลักขณา
ในความงามโสภา...................เพียงฉาบทาด้วยชั้นเชิง
เชาว์ใช้อย่างลึกซึ้ง.................เสพย์สิ่งหนึ่งซึ่งบันเทิง
ทบทวนอย่าหลงเหลิง.............แลรื่นระเริงในลวดลาย ๚ะ๛
1 พฤษภาคม 2549 22:54 น.
อัลมิตรา
..๏ คำสัญญาคราเก่าที่เล่าขาน
ยังกังวานปรุงใจให้พร่ำเพ้อ
พาเรานั้นหวั่นไหวใจละเมอ
แล้วพลั้งเผลอหลงผิดคิดเป็นจริง
หลากถ้อยความยามอดีตช่างรีดเค้น
แล้วขู่เข่นคุกคามตามทุกสิ่ง
จวบความเศร้าเข้ากระหน่ำตามแอบอิง
ถูกทอดทิ้งให้เปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ฟังลมครวญล้วนประหวั่นพรั่นใจนัก
ยิ่งประจักษ์ความหวังครั้งเหือดหาย
หากยังมีวลีหนึ่งซึ่งย่างกราย
มาทักทายหลอกหลอนตอนค่ำคืน
ท้องทะเลเห่สะอื้นคลื่นโหมซัด
แม้นอึดอัดหวั่นไหวใคร่ขัดขืน
หากความตรมระทมนั้นพลันยั่งยืน
ปลุกให้ตื่นขื่นขมยามชมจันทร์
มีจันทร์งามอร่ามเรืองเบื้องบนฟ้า
แสนโสภารัศมีที่เฉิดฉัน
พร้อมดาวรายพรายประภาวิลาวัลย์
หวนคำนึงถึงสารพันอันล่วงเลย
มือบอบบางพลางเพียรเขียนบางสิ่ง
เรื่องลวงจริงจากใจใคร่เปิดเผย
ทั้งวรรณกรรมคำกวีที่คุ้นเคย
บางใครเปรยเอ่ยอ้างอย่างเล่ห์ลวง
เขียนหัวใจใหญ่น้อยอันคอยครวญ
ร้าวรัญจวนในคำพร่ำหวงห่วง
แท้คือเท็จดังเบ็ดร้ายคล้ายพร่ำทวง
สิ่งทั้งปวงเขียนขีดกรีดผืนทราย
แล้วขุดคุ้ยกรุยกอบรายรอบนั้น
ลบโศกศัลย์ร้าวระทมตรมหลากหลาย
แม้นบางใครใช้มือเพียรเขียนมากมาย
กลับใจร้ายปาดเท้าเข้าลบคำ
ขุดผืนทรายหมายเป็นเช่นบ่อลึก
ด้วยใจนึกปรารถนาคราบอบช้ำ
ครั้นเดือนดาวพราวประพรายฉายหนุนนำ
จักลืมคำบางใครไร้เมตตา
บ่ออันน้อยพลอยฉ่ำน้ำเข้าขัง
เปี่ยมความหวังดังจิตคิดปรารถนา
ปรากฏรายพรายดาวพราวจันทรา
ให้ทัศนาชื่นชมสุขสมพลัน
ลืมเรื่องราวคราวอดีตที่กรีดข่วน
ลืมคร่ำครวญถึงใครไร้คำมั่น
ลืมรักร้าวราวพิษปลิดชีวัน
ลืมบทประพันธ์วรรณกรรมคำสิ้นเปลือง
ลืมบทพากษ์หลากกวีที่เอื้อนเอ่ย
ลืมคำเปรยพจน์พยางค์ในบางเรื่อง
ลืมภาพลักษณ์มักแสดงแสร้งเนื่องเนือง
ลืมขุ่นเคืองฝังในเบื้องใจเรา
มองจันทราดารารายประกายล้ำ
บนผิวน้ำล้วนพิไลอย่างใฝ่เฝ้า
แม้นดาวเพ็ญเด่นตระการคราญพริ้มเพรา
คงเพียงเงาดาวจันทร์กระนั้นเอง ๚ะ๛