3 มีนาคม 2549 12:01 น.
อัลมิตรา
..๏ ทำเป็นเขียนตัดพ้อและต่อว่า
แสร้งทำท่าเศร้าจริงทุกข์ยิ่งใหญ่
พอลับหลังหน้าชื่นระรื่นใจ
เที่ยวเจ๊าะแจ๊ะใครใครไปทั้งเมือง
ทีเห็นเขียนเพลงยาวจีบสาวโน้น
หลายร้อยหนทำไมไม่เป็นเรื่อง
"แมวขี้หลี"..คำน้อย หนอย !!.. ทำเคือง
เลียนประเทืองตุ๊ดตู่ดูวุ่นวาย
แกล้งเอะอะเหมือนเด็กแล้วเก๊กท่า
"จอมลีลา"..มองแล้วมิแคล้วหน่าย
"คนเจ้าชู้".. ผู้หญิงเรียงล้อมกาย
ยี้ !! ..ผู้ชาย "ชีกอ".. "วัวพ่อพันธุ์"
หากอยากไปเชิญไปเราไม่ส่ง
บอกตรงตรงหัวใจไม่กีดกั้น
นับจากนี้ทางใครก็ทางมัน
ขาดสะบั้นเยื่อใยและไมตรี ๚ะ๛
1 มีนาคม 2549 07:34 น.
อัลมิตรา
..๏ หอบหัวใจอ่อนล้ามาพักผ่อน
หลบการเมืองเรื่องร้อนมาคอนฝัน
ฟังหรีดหริ่งเรไรกล่อมไพรวัลย์
นอนชมจันทร์ ณ ถิ่น.. อินทนนท์
มวลหมอกเมฆเฉกม่านตระการนัก
แจ้งประจักษ์ความสุขทุกแห่งหน
มีเดือนดาวส่องประกายรายรอบตน
ดั่งเทพดลเสกสรรค์อัศจรรย์ใจ
ล้วนเรืองรองผ่องผุดพิสุทธิ์แสง
ต่างตกแต่งจักรวาลดั่งม่านใหญ่
บ้างกระพริบสุกสกาวพราวใกล้ไกล
เฉิดไฉไลให้ชมสมใจปอง
ลืมเรื่องราวคราวก่อนแล้วนอนฝัน
ใต้แสงจันทร์พรรณรายคลายหม่นหมอง
มีลมแผ่วเพรียกผ่านขานทำนอง
แสนสอดคล้องเสนาะเสียงเยี่ยงดนตรี
ช่างจำเริญเพลินใจให้เคลิบเคลิ้ม
ธรรมชาติเติมความสุขทุกถิ่นที่
ชมแมกไม้ใหญ่น้อยพลอยสุนทรีย์
กิ่งก้านสีโยกย้ายคล้ายพร้อมเพรียง
สูงเสียดฟ้านภาพรหมสมเมืองสวรรค์
เทพใดกันเนรมิตรประสิทธิ์เสียง
ดั่งมนตราดลจิตติดสำเนียง
ล้วนเรียบเรียงกล่อมใจในห้วงภวังค์ ๚ะ๛