23 กุมภาพันธ์ 2549 09:15 น.
อัลมิตรา
..๏ ผูกสำนวนครวญคร่ำปานย่ำจิต
ดั่งศรพิษปักอกวิตกแสน
เรียบเรียงถ้อยร้อยคำนำทดแทน
ดั่งขาดแคลนยากประพันธ์ซึ่งวรรณกรรม
เจ้าร้างไกลไยเสมือนมีดเฉือนเชือด
ให้หลั่งเลือดร้าวรอนนอนเพ้อพร่ำ
ยิ่งปวดแปลบแสบร้อนให้ย้อนจำ
ความบอบช้ำกระหน่ำลงตรงจิตใจ
สำนวนหวานกานท์กวีที่เอื้อนเอ่ย
คงเปรียบเปรยต่อแตนที่แค้นใส่
บินพุ่งมาถลาทิ่มจิ้มเหล็กใน
คิดหลบลี้หนีไปไม่ทันการ
ความเจ็บปวดรวดร้าวราวฝังร่าง
ให้อับปางจมปลักรักเผาผลาญ
ไร้เรี่ยวแรงแข็งขืนฝืนทรมาณ
แม้นเนิ่นนานเสมือนเศร้ายังเย้ายวน ๚ะ๛
19 กุมภาพันธ์ 2549 23:57 น.
อัลมิตรา
..๏ ดาวเดือนริบหรี่ไร้-.............เรืองแสง
ยามกลุ่มเมฆสำแดง-..............เดชล้อม
ทิ้งถ่วง*ต่างกำแหง..................เห่อศักดิ์
หาหวั่นวิตกพร้อม-..................พร่างฟ้าราตรี ๚
..๏ ควันขรมอวดข่มฟ้า...........คุยโขมง
ขุยถ่านขี้เถ้าโยง-....................ผูกถ้อย
เราเกิดแต่ไฟโพลง...............สุกสว่าง
หาใช่ผู้ต่ำต้อย-.......................เศษเชื้ออัคคี ๚
..๏ พลุแสงแดงอวดจ้า............เพ็ญแข
ดูหมิ่นดาวเรืองแล.................ใหญ่น้อย
ยามพวยพุ่งจวนแจ.................แสงดับ
คงร่วงหล่นเคลื่อนคล้อย-.........ฟากฟ้าอวสาน ๚
..๏ มีดยังปรามาสแม้น............ด้ามตน
ยามถือจับกลมมน.................มั่นแท้
ช่างดูแปลกพิกล....................เกินเปรียบ
ปราศจากคมหนึ่งแม้..............เช่นนี้ควรไฉน ๚
..๏ ฝักดาบยอมห่อหุ้ม............ดาบคม
สันโดษยังสุขสม....................เช่นนั้น
ฝักดาบทื่อยังทนม*...............เจียมจิต- ตนแฮ
ปกปักรักษากั้น.....................บ่ให้คมหาย ๚ะ๛
18 กุมภาพันธ์ 2549 12:39 น.
อัลมิตรา
..๏ ใ ค ร กั น ห น อ ซ่ อ น จั น ท ร์ ริ ม สั น เ ขื่ อ น
ฤ ๅ เ ม ฆ า ที่ เ ค ลื่ อ น ล อ ย เ ลื่ อ น ห า
ร า ต รี ที่ ป ร า ศ แ ส ง แ ห่ ง จั น ท ร า
ไ ร้ ร่ อ ง ร อ ย รุ จิ ร า เ ดื อ น ล า ไ ก ล
ล ง แ พ น้ อ ย ล อ ย ล่ อ ง ท่ อ ง ก ล า ง ช ล
ค ว า ม ห ม อ ง ห ม่ น ข อ อำ ล า ณ ช ล า ศั ย
ส่ ว นไ ม ต รี มิ ต ร ภ า พ ซ า บ ซึ้ ง ใ จ
เ ร า จั ก จ า รึ ก ไ ว้ ใ น ท ร ง จำ
ห นึ่ ง หั ว ใ จ พ ก พ า ม า ท่ อ ง เ ที่ ย ว
เ ค ย ห่ อ เ หี่ ย ว ทุ ร น ค น เ ห ยี ย บ ย่ำ
ก ลั บ แ ช่ ม ชื่ น ส ด ใ ส ไ ม่ ร ะ กำ
ค ว า ม ช อ ก ช้ำ ล บ เ ลื อ น เ ห มื อ น ไ ม่ มี
รั ต ติ ก า ล ม่ า น ฟ้ า ม า มื ด มิ ด
แ ต่ ด ว ง จิ ต เ ร า นั้ น พ ลั น สุ ข ขี
แ ม้ น คำ เ ป ร ย อ า จ น้ อ ย ถ้ อ ย พ า ที
ม า ก ค ว า ม นั ย ยั ง มี ที่ แ ว ว ต า
ห ว น คิ ด ยั ง สุ ข ใ จ ใ น ภ วั ง ค์
อ ย า ก ส ม ม า ต ร อี ก ค รั้ ง ดั่ ง ป ร า ร ถ น า
ล ง แ พ น้ อ ย ล อ ย ล่ อ ง กั บ ท่ อ ง เ ม ฆ า
เ คี ย ง กั น ย ล จั น ท ร า ค ร า คื น เ พ็ ญ ๚ะ๛
16 กุมภาพันธ์ 2549 00:43 น.
อัลมิตรา
( มงคลรัตนฉันท์ ๒๒ )
..๏ กากะกะกะกะกะกากะกะกา.....กะกะกากะกะกา
กากะกากะกากา ฯ
..๏ ด้วยอภิรติมิสิ้น ณ หทัย.........อุปสรรค ฤ กระไร
ล้วนจะพ่ายสิเนหา ฯ
..๏ ดุจศศิชุติระวี สุวิภา..............บ่มิเสื่อมรุจิรา
ทั้งทิวาและราตรี ฯ
..๏ อีก สกลนรชน ฤ ก็มี..............หฤทัยรมณีย์
ที่ประจักษ์ ณ ดวงมาน ฯ
..๏ ยังยุวและดรุณีปฏิญาณ..........สรพันปณิธาน
ร่วมสมานจิรันดร ฯ
..๏ ยิ่งขณะมธุรพจน์กวิวอน..........สิประจักษ์มธุสร
อันจะอ้อนและเอ่ยเอื้อน ฯ
..๏ ครั้นขณะปฏิพัทธ์สิเสมือน......รติภักดิ์ดุจเยือน
ทั้งมิเลือนและโรยรา ฯ
..๏ แลบ่วิธุรและไร้อุระล้า............อนุรักติกระว่า
เอื้ออุราสราญชม ฯ
..๏ เพียงยุวและดรุณีสินิยม..........และตระหนักรติรมย์
จึ่งประจักษ์นิรันดร์เทอญ ๚ะ๛
14 กุมภาพันธ์ 2549 08:57 น.
อัลมิตรา
..๏ ล่วงวันแล้วโรยรา..............แม้นงามตาโสภาพรรณ
หลายหลากมากสีสัน..............ต้องพลิกผันพลันซีดเซียว
งดงามเมื่อยามแย้ม...............ชื่นกลิ่นแกมหอมครู่เดียว
พอใจใคร่แลเหลียว................กลับแห้งเหี่ยวให้โหยหา ฯ
..๏ พริ้มพิไลเมื่อภายแรก.......แล้วผิดแผกแปลกลักขณา
ใบดอกออกงามตา.................ต้องไร้ค่าไม่น่าชม
เวลามาคุกคาม......................ทั้งทาบทามลวนลามข่ม
บุปผชาติอาจหมองตรม..........ต้องแรงลมต่างเรรวน ฯ
..๏ สรรพสิ่งซึ่งปรากฏ...........ให้กำหนดอย่างถี่ถ้วน
สิเนหามาเย้ายวน.................จนแปรปรวนจึงห่วงใย
สิ้นแล้วศุภลักษณ์...................แม้ประจักษ์แจ้งแก่ใจ
นิยามความรักใคร่.................เข้ารุกไล่ให้พ่ายแพ้ ฯ
..๏ คืนวันอันหมุนเวียน.........ดั่งเบียดเบียนให้อ่อนแอ
สัจธรรมความเกิดแก่............ความตายแท้แลนิรันดร์
อาลัยไม่สร่างซา...................ภาพลวงตาพาโศกศัลย์
ข่มจิตพินิจพลัน....................อวสานนั้นคือ ร่วงโรย ๚ะ๛