15 ธันวาคม 2549 12:42 น.
อัลมิตรา
..๏ เมื่อถึงจุดแตกหักความรักจบ
ยามติดลบหัวใจฉันไร้ค่า
กระทั่งเธอเผลอพลั้งหยั่งวาจา
ควรคบหาต่อไปทำไมกัน ?
เธอเอาความวางใจไปล้อเล่น
แล้วพูดเน้นซ้ำซ้ำตอกย้ำฉัน
อารมณ์หวานผ่านไปในสัมพันธ์
สูญสำคัญทั้งสิ้นด้วยลิ้นเธอ
ฉันปราศสิ่งอธิบายขยายความ
แม้นถูกถามอย่างไรก็ไม่เสนอ
ความรักที่มากล้นเคยปรนเปรอ
อยากบอกเธอถึงจุดสิ้นสุดลง
ต่อแต่นี้อิสระคนละทาง
ฉันปล่อยวางเรื่องกลุ้มไม่ลุ่มหลง
รักเธอ เพื่ออะไร ? ให้คิดปลง
จำจากกรงหัวใจโดยไม่คืน ๚ะ๛
15 ธันวาคม 2549 00:15 น.
อัลมิตรา
๏ กายพองลองเบ่งบ้า.......บารมี
ยามเมื่อใครราวี................บ่สะดุ้ง
ปากเปรยเอ่ยวาที............. จงขยาด เรานอ
เราจักใหญ่คับถุ้ง...............กว่าถั้น แหง๋แหง๋ ๚
๏ ปากขยับพลางเขยิบทั้ง...พองตน
แสนทะมัดทะแมงจน..........สั่นสะท้าน
จงสยิวจึ่งสยบฉงน.............ตามถนัด อิ! อิ!
เราใช่ดัดจริตจ้าน...............อึ่งน้อยจอมคะนอง ๚
๏ ใครใหญ่ใครอยู่ยั้ง...........ยืนยง
ใครเท่ห์ใครทะนง...............แน่แท้ ?
ใครขยาดอาจสยบคง..........ถูกกระทบ- กระทั่งเฮย
เป็นอึ่งองอาจแล้..................ทะลึ่งท้าพญากระทิง ๚
๏ โคลงเบ่งจนทุ่งสะท้าน.....นาสะเทือน
ใครเขม่นโปรดตักเตือน.......อึ่งน้อย
เพียงสนุกซุกซนเเสมือน......มาแหย่ พุงพี่
จงอย่าคิดกระทืบข้อย...........เท่านี้สบายแแฮ ๚ะ๛
12 ธันวาคม 2549 17:33 น.
อัลมิตรา
..๏ สืบเสาะหาความจริงอันยิ่งใหญ่
ท่ามเสียงพร่ำภายในหัวใจฉัน
ซึ่งบางครั้งผุดปุจฉาสารพัน
สิ่งอัศจรรย์เพริศพิไลใครให้มา ?
ทั้งดาว,เดือนบนฟ้าที่ปรากฏ
สุดจารจดบทกวีชี้ชัดค่า
ดวงอาทิตย์,ต้นไม้,สายธารา
ดาษดื่นตาเกินจัดสรรพสัตว์มี
ชวนขบคิดสงสัยใครหนอสร้าง
ส่วนเวิ้งว้างกว่าจะเป็นดั่งเห็นนี่
โลกสดสวยดั่งประสิทธิ์ด้วยฤทธี
ทุกชีวีดำรงได้ใครเจือจาน ?
ออกแสวงแหล่งหลักแห่งศรัทธา
หวังวิญญาณ์วุ่นวายคลายฟุ้งซ่าน
ก่อนจะถูกธุลีกลบขอพบพาน
เพื่อกราบกรานสำนึกคุณผู้จุนเจือ ๚ะ๛
11 ธันวาคม 2549 00:09 น.
อัลมิตรา
..๏ ครั้นดาวเคลื่อนเดือนลอยคล้อยเวหา
ผองดาราโรจน์รุ่งพุ่งแสงสาย
แสนอัศจรรย์ราตรีที่เพริศพราย
ทั้งเรียงรายประชันแสงแห่งความงาม
ซึ่งแสงดาวพราวกระพริบระยิบระยับ
เหนือคณานับดาวพิไลทั้งไถ่ถาม
ว่ากลุ่มดาวสกาวนั้นอนันต์นาม
ครั้นมองตามยามคืนรื่นฤดี
เจ้าเรียงรายฉายแสงแข่งจันทร์ผ่อง
แต้มเวหานภาผองมองสวยสี
สุดขอบฟ้าหล้าตระการปานแก้วมณี
ทุกราตรียังคะนึงถึงดาวเดือน
ปานกลุ่มแก้วแวววิไลให้ปรารถนา
บ้างบางคราจรกระจายคล้ายคลาดเคลื่อน
พุ่งผาดแผงแจ้งกระจ่างต่างเยี่ยมเยือน
ผ่านดวงเดือนเสมือนเย้ากระเซ้าพลัน
คงไถ่ถามความคำอันล้ำเลิศ
คงบังเกิดไมตรีที่ห้วงมหรรรพ์
คงแช่มชื่นรื่นสราญแต่กาลบรรพ์
คงรังสรรค์กานท์กวีที่เบื้องบน
ล้วนหลากหลายฉายฉวีรัศมีแสง
ทั้งแต้มแต่งเบื้องนภาเวหาหน
จนพร่างพราวสกาวสรวงห้วงสากล
แสนโศภณจนพินิจจิตตรึงตรา
ดาวเคียงเดือนเสมือนใครเคยใกล้ชิด
สุขสัมฤทธิ์พลางพร่ำคำภาษา
เบื้องบทความล้ำกวีที่พรรณนา
มาชมฟ้าดารารายพรายศศิธร
เจ้าคล้อยเคลื่อนเยือนทิศวิจิตรนัก
แจ่มประจักษ์วิมานแดนแสนภัสสร
พุ่งหลบหลีกปลีกไปในอัมพร
บ้างจากจรเร้นหลบสู่ภพใด
ทุกคราวคืนยืนมองผองเวหา
หมายดาราเดือนงามเฝ้าถามไถ่
ว่าแสนสุดปรารถนาดีมีห่วงใย
เกินกว่าใครดุจดาวพราวเคียงเดือน ๚ะ๛
9 ธันวาคม 2549 22:47 น.
อัลมิตรา
เ รื อ ลำ ใ ห ญ่ ล่ อ ง ไ ป ไ ก ล ลิ บ ลั บ
แ ส ง ท อ ง จั บ ฟ้ า ค ร า ม ง า ม ภู ผ า
ร ะ ล อ ก ค ลื่ น พ ลิ้ ว ไ ห ว ใ น ธ า ร า
ทุ ก จิ น ต น า สื่ อ ไ ด้ หั ว ใ จ เ ธ อ
...ไม่ว่าฟ้าจะหม่นหมอง,คะนองพร่ำ
...ล้วนจดจำสิ่งเคยคุ้นอบอุ่นเสมอ
...เท้าเปลือยเปล่าเริงร่ายคล้ายละเมอ
...แล้วพลั้งเผลอบอกรักไปใต้แสงจันทร์
...ดวงตาเธอนั้นปรากฏทุกบทแจ้ง
...ปราศเสแสร้งสิ่งปกปิดจริตผัน
...แม้นเวลาจะเนิ่นไปคล้ายนานวัน
...สุขเกินกลั้นยังเก็บไว้ในอารมณ์
...แล้วต้องหนาวกี่คราวหนอพ้อรำพึง
...หากวันหนึ่งเราต้องพรากจากสุขสม
...วอนเธอโปรดรั้งหัวใจอย่าได้ตรม
...เรื่องชื่นชมย่อมมีมาอย่าหวั่นใด
...ดูนั่นสิ !!ที่สนามยามเด็กเล่น
...ทโมนทะเล้นช่างลิงโลดแสนสดใส
...เสียงหัวร่อหยอกกระเซ้าแหย่เย้าใคร
...ฉันจำได้ความเบิกบานวันวารเคย
...และภายใต้ร่มเงาไม้ในยามนี้
...ความจริงที่ซ่อนไว้ฉันใคร่เฉลย
...รักของเรานานเนา แต่..มิเก่าเลย
...เราต่างเผยหัวใจ..ในดวงตา
==============================