17 ตุลาคม 2549 17:08 น.
อัลมิตรา
..๏ อันเรื่องราวมากมายทั้งหลายแหล่
คือตัวแปรให้จิตติดปัญหา
หากไม่สืบเสาะผลค้นที่มา
ปล่อยเวลาพอกพูนสิ่งวุ่นวาย
จากเรื่องเล็กเรื่องน้อยพลอยลุกลาม
จนยากปรามผู้กระทำย่ำเสียหาย
คิดวางเฉยหวังผ่านยิ่งบานปลาย
ผู้มุ่งร้ายฉวยโอกาสปราดซ้ำเติม
ไร้สาระคือต้นเหตุอาเภทภัย
ก็เป็นได้ถ้าหากหลายปากเสริม
ด้วยพยาบาทเคืองขุ่นเป็นทุนเดิม
จากแรกเริ่มจึงกลายโตมโหฬาร
มูลสาเหตุเพียงน้อยดูด้อยค่า
แต่ผลลัพธ์ตามมามหาศาล
ยามทุกสิ่งพลาดพลั้งเกินหยั่งการณ์
อีกกี่นานพลังใจกู้ได้คืน ? ๚ะ๛
8 ตุลาคม 2549 22:30 น.
อัลมิตรา
Colors Of The Wind . .
สี สั น แ ห่ ง ส าย ล ม . .
..๏ เจ้าโปรดได้ใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่
ถึงถิ่นที่พสุธาเจ้าอาศัย
มีคุณค่าหลายหลากมากเพียงใด
ฤๅปล่อยให้อุดมการณ์นั้นสิ้นลง
อันห้วงน้ำธรรมชาติเคยปรารถนา
ควรรักษาให้งามดั่งความประสงค์
ไยปล่อยร้างหมางเมินเกินดำรง
ให้จบลงสมัยเจ้าเท่านั้นฤๅ
เจตน์จำนงคงมิใช่นัยยะนั้น
ซึ่งสารพันความจริงสิ่งยึดถือ-
ขอเพียงเจ้าตรองบ้างอย่าวางมือ
ทุกสิ่งคือชีวิตและจิตใจ
ด้วยข้า ฯ รู้ว่าภูผามหาศาล
เด่นตระหง่านเป็นนิยามความยิ่งใหญ่
ทั้งรวยระรินกลิ่นบุปผาพฤกษาไพร
ล้วนทำให้สดชื่นจิตรื่นรมย์
เห็นสรรพสัตว์ชาติพันธุ์อันหลากหลาย
เยื้องย่างกรายแสนสนุกต่างสุขสม
จึ่งเข้าใจในสัตยธรรมความนิยม
เป็นสังคมธรรมธาติอาจอ้างอิง
ลองใคร่ครวญพิจารณาซึ่งสาเหตุ
โดยสังเกตุมนุษยชนจนสรรพสิ่ง
แม้พวกเราแตกต่างอย่างแท้จริง
แท้ชายหญิงเสมอกันทุกชั้นชน
มีชีวิตจิตใจวิสัยทัศน์
จงแจ้งชัดพิจารณาหาเหตุผล
เราต่างเป็นสุจริตวิศวชน
เฉกเช่นเจ้า ฯ ผู้ดั้นด้นคนเมืองนั้น
ถ้าเจ้ามีความฝันอันยิ่งใหญ่
ด้วยจิตใจเปี่ยมพลังทั้งมุ่งมั่น
จักพบสิ่งสารพันอันอัศจรรย์
ที่เจ้านั้นคาดหวังทั้งชีวี
นั่นเสียงวฤก*พฤกษ์ไพรใดเห่าหอน
ครั้งศศิธรแจ่มจรัสเรืองรัศมี ?
เจ้าแมวป่าว่องไวในท่วงที
ต่างหลบรี้โจนทะยานผ่านไปมา
ลวดลายหลากมากมีสีสวยสด
เช่นปรากฏให้คิดซึ่งปริศนา
เจ้าจักเลียนเปลี่ยนเสียงเยี่ยงสกุณา
ทั้งสัตว์ป่าทั่วไปในบรรพต ?
ที่เจื้อยแจ้วแนวป่าพนาสัณฑ์
เสียงลดหลั่นสูงต่ำเกินกำหนด
ชมไม้ป่าเถาวัลย์อันเลี้ยวลด
ซึ่งไม่คดเหมือนหนึ่งในจิตใจตน
เจ้าจักเพียรเขียนวาดสมปรารถนา
ให้โสภางดงามตามเหตุผล
เป็นลมพัดผ่านคีรีคิริกานน*
บันดาลดลแตกต่างนั้นอย่างใด ?
อันฤดูกาลแห่งพระพายอันกลายผัน
บางครานั้นเสมือนโกรธโทษยิ่งใหญ่
บางครั้งแผ่วพัดผ่านซ่านทรวงใน
เจ้าจักเพียรเขียนได้ให้ครบครัน ?
มาค้นหาพุทธธรรมอันล้ำค่า
ในขุนเขาลำเนาป่าพนาสัณฑ์
มารับรู้สัจจริงสิ่งสามัญ
ชิมผลสุกลูกไม้นั้นอันโอชา
มาสัมผัสสัตยธรรมล้ำเลอยิ่ง
แล้วทุกสิ่งที่เจ้าเฝ้าค้นหา
ล้วนรายล้อมทั่วไปให้พิจารณา
ต่างสวยงามล้ำค่ากว่าคาดเดา
แท้ลมฝนบนฟ้าอีกชลาศัย
เช่นพี่น้องคล้องใจในเรือนเหย้า
นกกระสาตัวนากหลากหลายเชาว์
เป็นเพื่อนเราตลอดไปด้วยไมตรี
แล้วเมื่อเราเปี่ยมล้นกุศลจิต
เหมือนญาติมิตรสนิทใจไม่หน่ายหนี
พร้อมโอบเอื้อทุกคราอย่างปรานี
ยามเรามีประสบเหตุพบเภทภัย
ตราบยังเพลินเดินหลงในสงสาร
จวบสิ้นกาลไม่รู้ฝั่งอยู่ไหน
กิเลสกรรมนำวิบากหลายหลากไป
ครั้นเผลอไผลหลงกลจักวนเวียน
จงใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ที่ดวงจิต
สิ่งถูกผิดชนะแพ้ล้วนแปรเปลี่ยน
เจ้าจักแจ้งในสัจธรรมอันจำเนียร
หมายรักษ์เกียรติ์สุขไว้อย่างไรกัน
หากประหาณ*โพธิญาณพิศาลสุทธิ์
ซึ่งประดุจคุณธรรมนำสุขสันต์
แล้วเจ้าจงเพ่งพินิจจิตสัมพันธ์
สิ่งเหล่านั้นจักยังคงสูงส่งฤๅ ?
หากเจ้ามีความฝันอันยิ่งใหญ่
ด้วยจิตใจเปี่ยมพลังทั้งเชื่อถือ
ความพิลาสอัศจรรย์อันเลื่องลือ
เหล่านั้นคือผลสัมพัทธ์แห่งปรัชญา
นั่นเสียงวฤก*พฤกษ์ไพรใดเห่าหอน
ครั้งศศิธรแจ่มกระจ่างกลางเวหา ?
แม้นชนชั้นพันธุ์เผ่าเราแปลกตา
เจ้าจงอย่าได้วิตกตระหนกเลย
ร่วมปรองดองคล้องใจให้คงมั่น
แล้วรำพันบทกวีที่เอื้อนเอ่ย
เพลงพรรณนาป่าเขาเราคุ้นเคย
ข้า ฯ จักเปรยถ้อยคำนำรื่นรมย์
ร่วมบรรยายร่ายกวีเปรมปรีดิ์นัก
ด้วยประจักษ์ความงามตามเหมาะสม
ทั้งสีสันตระการใจแห่งสายลม
แล้วชื่นชมสมดุลย์อย่างสุนทรี
เจ้าจักแจ้งสัจธรรมความจริงแท้
ความผันแปรแห่งโลกธรรมตามวิถี
ตราบเมื่อเจ้าระบายความตามเสรี
นิยามสีซึ่งเปลี่ยนแปลงแห่งสายลม ๚ะ๛
7 ตุลาคม 2549 21:37 น.
อัลมิตรา
..๏ จันทร์กระจ่างพร่างพราวบนราวฟ้า
ม่านนภางามเด่นด้วยเพ็ญแข
เหลียวหาคนข้างกายชายตาแล
ปราศจากแม้เงาปรารถนายอดยาใจ
ค่ำคืนก่อนเขานั้นรำพันถ้อย
โปรดรอคอยกันและกันอย่าหวั่นไหว
แม้นขุนเขาทะเลขวางหนทางไกล
สองสายใยสายสวาทมิขาดกัน
มาบัดนี้ความหมองครอบครองจิต
ดั่งถูกพิษคะนึงให้ใจโศกศัลย์
เวิ้งนภาสุกสว่างกระจ่างจันทร์
แต่เรานั้นทุกข์หนักรักกลับกลาย
จันทร์กระจ่างพร่างพราวบนราวฟ้า
คำสัญญาคือปดหมดความหมาย
แท้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
คนข้างกายคือเงาจันทร์เท่านั้นเอง ๚ะ๛