23 กันยายน 2548 08:14 น.
อัลมิตรา
ท้อ ..
ฤๅเราจะต้องช้ำจนจำเจ
เคยทุ่มเทจนหมดกลับหดหาย
เหลือเพียงซากผุพังซังกะตาย
รอวันสลายเป็นผงคลุกลงดิน
..๏ ท้อแท้จังเจ็บช้ำ...............ประเดประดัง
ยอมทุ่มเทหมดยัง............ ....เหือดว้าง
เหลือเพียงซากผุพัง..............ซังอดีต
รอแต่วันสลายร้าง..................ร่วงเคล้าลงดิน ฯ
ร้าว ..
ฤๅเป็นเพียงความฝันที่ฟุ้งเฟ้อ
พริบตาเผลอตื่นกลายมลายสิ้น
ยามเพ้อพร่ำร่ำไห้ไร้คนยิน
โศกกัดกินกร่อนใจไปทุกวัน
..๏ ร้าวรอนฝันเฟื่องเฟ้อ.........ฤๅคลาย
เผลอพริบตาตื่นมลาย..............มอดสิ้น
เพ้อพร่ำร่ำไห้ตาย...................คนไป่ ยินเนอ
กรำโศกใจเจ็บดิ้น...................ด่ำเทื้อทุกวัน ฯ
นึก ..
ฤๅเป็นเพียงตัวเราที่รู้สึก
ในส่วนลึกของใจหลงใฝ่ฝัน
แท้คือภาพมายามาหลอกกัน
ม่านหมอกกั้นเลือนลางช่างพรางตา
..๏ นึกฤๅรู้สึกเพี้ยง...............เราคณา
ในส่วนลึกโหยหา..................ใฝ่นั้น
แท้คือภาพมายา....................มาหลอก
ม่านหมอกเลือนลางกั้น..........เหล่าล้วนพรางตา ฯ
หวัง ..
ฤๅต้องทนต่อไปในชีวิต
เฝ้าข่มจิตข่มใจคนไร้ค่า
รอเศษเสี้ยวความหวังอย่างทรมา
ก็ปราศคนกรุณามาบรรเทา
...๏ หวังชีพฤๅจักต้อง.............ฝืนทน
เฝ้าข่มจิตใจตน......................ค่าไร้
รอเสี้ยวเศษหวังวน.................เวียนเทวษ
ก็ปราศคนโอบให้...................ทุกข์ท้อบรรเทา ๚ะ๛
22 กันยายน 2548 08:38 น.
อัลมิตรา
..๏ เพราะแววตาอาทรมันซ่อนยาก
ทุกครั้งหากพบหน้าตาจึงเผลอ
คอยประจานว่าใจห่วงใยเธอ
แม้ต้องเก้อทุกทีที่สบตา
เข้าใจนะ..เข้าใจ..ไม่ต้องบอก
แค่คนนอกหัวใจย่อมไร้ค่า
เมื่อใจเธอมีเขาแทรกเข้ามา
จึงเป็นครากีดกันผลักฉันไกล
อย่างคนซื่อจนเซ่อจนเธอเบื่อ
ยิ่งเชื่องเชื่อเธอยิ่งเห็นเป็นเหลวไหล
แม้เหมือนลาโง่เขลาก็เข้าใจ
และจะไม่หวงหึงอย่างดึงดัน
เมื่อแววตาชาเย็นเห็นได้ชัด
เชิญเธอตัดเยื่อใยให้สะบั้น
ถึงเวลาบอกลาว่าลากัน
ลาอย่างฉันเคยหรือดื้อกับเธอ ๚ะ๛
19 กันยายน 2548 09:19 น.
อัลมิตรา
..๏ กลางแสงสลัวรำไรในห้องหอ
เธอเคลียคลอเคียงข้างมิห่างหาย
สัมผัสหวานวาบหวิวทั่วผิวกาย
เนิบนุ่มคล้ายคอยถนอมกล่อมนิทรา
สองกายอุ่นอิงแอบอย่างแนบแน่น
เพื่อทดแทนที่ผ่านการโหยหา
ยามนี้ดาวพราวพร่างกลางแววตา
เหมือนฟ้องว่าหัวใจไหวกระเจิง
เนื้อเสียดเนื้อแทรกเนื้อจนเหงื่อชื้น
ระหว่างคืนปรารถนาอารมณ์เหลิง
สัมผัสเนื้อต่อเนื้อโหมเชื้อเพลิง
เร้าระเริงแห่งฝันสันดาปไฟ
แล้วสวรรค์พลันสว่างกลางห้องหับ
ดาวระยับรุ้งระย้าจ้าแจ่มใส
ยังหยาดเยิ้มรอยยิ้มอิ่มเอิบใจ
ตอนเธอใช้จุมพิตปิดเปลือกตา
ในอ้อมกอดแห่งกันอันอบอุ่น
หวานละมุนยิ่งนัก...ที่รักจ๋า
กระซิบซึ้งตรึงทรวงห้วงนิทรา
ยืนยันว่ารักมั่นนิรันดร์กาล ๚ะ๛
15 กันยายน 2548 23:30 น.
อัลมิตรา
๏ มีปัญหาสารพันครั้นวิตก
มันยอกอกปวดใจจนไหวหวั่น
คราเรายินเรื่องร้ายไม่เว้นวัน
คำคนสรรนินทามาเบียดเบียน
อยากละเลงความช้ำชอกตอกลงกานท์
ระบายทุกข์ร้าวรานผ่านงานเขียน
หวังโคลงกลอนกาพย์ฉันท์ซึ่งหมั่นเพียร
จะแปรเปลี่ยนบางอย่างที่หมางใจ
แต่สิ่งที่คาดหวังยังไกลนัก
จึงจำกักอารมณ์ระทมไห้
อดทนฟังข้อกล่าวหาทุกคราไป
มิโต้แย้งต่อใครให้ร้อนรน
ครั้นเสียงลือเสียงอ้างอย่างลุกลาม
คงยากปรามจิตใครมิให้สน
หากยับยั้งทำได้ก็ใจตน
เรื่องเลวร้ายหนีให้พ้นไกลคนลวง
ระบายตนระบายใจลงในกลอน
จำอำลาไปก่อนมิย้อนหวง
รอจนกว่าใจที่ล้าจะกล้าทวง
ถึงแม้ไร้คนห่วงทั้งปวงลืม ๚ะ๛
14 กันยายน 2548 23:37 น.
อัลมิตรา
๏ หลง รักเจ้าพักตร์พริ้ม..............นิ่มอนงค์
รูป รสกลิ่นเสียงผจง....................ประจักษ์จ้า
จูบ ค่อยเรื่อยละลง.......................อิ่มอาบ
จันทร์ แจ่มเปรียบน้องข้า............ใช่น้อยหนึ่งเสมือน ฯ
๏ หลง ใหลในบ่วงห้วง.................มหรรณพ์หาว
รูป ลักษณ์ช่างแพรวพราว.............หลอกล้อ
จูบ รับกับเดือนดาว......................สุกสว่าง
จันทร์ เจิดเพริศพริ้งพ้อ................เพ่งหล้าโอบอิง ฯ
๏ ปราศจันทร์โอ้อกเศร้า................สุดถวิล
คลาดเคลื่อนเดือนดับดิน...............ดาษด้าว
โหยหากว่าชีวิน.............................สูญดับ
หากลับกับรุ่งเช้า...........................พ่ายแพ้สุริยงค์ ฯ
๏ ใครกันพลันอาจต้อง..................อิงกาย แม่เอย
จิตพี่อาจฟูมฟาย...........................ยากห้าม
จักชิงช่วงทวงหมาย......................ปักษ์ปก
ชายอื่นพันหมื่นคร้าม....................หากใกล้หมายนวล ฯ
๏ หลงนวลผันผกคล้าย.................รัตติกาล
อาจหม่นจนมรณานต์...................จิตร้าว
เวิ้งว้างว่างศฤงคาร......................ดังดับ จันทร์เฮย
มิอาจจรัศอะคร้าว........................พร่างฟ้าเฉิดฉาย ฯ
๏ หลงรูปคอยใฝ่เฝ้า.....................ขวายเงา
จักษุวิญญาณเมา.........................มิดแล้ว
สมมุตอัตตะเขลา.........................ยุดแย่ง มนุษย์นอ
ประดุจบัวคลาดแคล้ว...................ส่องสิ้นสุรีย์แสง ๚ะ๛