25 พฤษภาคม 2548 10:41 น.
อัลมิตรา
..๏ ยินเรไรเล่าความลำนำพ้อ
พริบตาพอเปลี่ยนไปโอ้ใจเอ๋ย
สิ่งดีงามกลับหมดค่าราคาเปรย
ถ้อยคำเอ่ยสัจธรรมย้ำให้ตรอง
ดุจนิยายซ่อนเงื่อนดูเหมือนว่า
เพียงเริ่มต้นผ่านตาพาจิตล่อง
หลงคำนวนตอนปลายนัยทำนอง
ดี-เลวพ้องตัดสินกันในทันที
บางคนเคยสูงค่าพริบตาหาย
คงเหลือสิ่งเลวร้ายกลายวิถี
และบางคนเขาประณามหยามสิ้นดี
กลับเลิศด้วยไมตรีมากมีคุณ
บทสรุปพลิกผันวันสุดท้าย
จากเริ่มต้นจวบปลายหมายจะลุ้น
สิ่งที่เคยคะเนไว้คล้ายเป็นทุน
อาจเหลือจุลซากผลึกให้นึกตาม
คือเรื่องจริง นะเรไรใช่น้ำเน่า
จิตของเราอย่าสนแม้นคนหยาม
เถอะ ! ดี - ชั่ว ก็รู้อยู่ทุกผู้นาม
สมควรปรามจิตตนก่อนบ่นใคร ๚ะ๛
24 พฤษภาคม 2548 20:46 น.
อัลมิตรา
..๏ คืนที่ฟ้าสวยเด่นเพ็ญเยือนหล้า
งามแสงทองทาบทาชลาสินธุ์
ขอเอ่ยคำ"มิตรภาพตราบฟ้าดิน"
มิสูญสิ้น..สายสัมพันธ์นิรันดร
เส้นขอบฟ้าจรดน้ำย้ำให้เห็น
มิตรควรเป็นเยี่ยงนั้นธรรมชาติสอน
ไม่มีใครเด่นกว่าคราคิดคอน
สมัคร-สมาน-เสมอ-สมร บ้านกลอนไทย
มิตรภาพตราบสิ้นฟ้ามาระยอง
เพื่อพี่น้องผูกมิตรจิตสดใส
ที่ผ่านนั้นหากพลั้งโกรธชังใคร
โปรดอภัยอย่าเคืองเรื่องแล้วมา
เพราะต่างคนต่างมีที่พานพบ
บ้างประสบเพื่อนดีมีคุณค่า
บ้างก็หมดสิ้นแล้วแนวศรัทธา
ที่อ่อนล้าเบื่อหน่ายเห็นหลายคน
ทริประยองคราวนี้มีความหมาย
มิใช่ง่ายหากให้เกิดประเสริฐผล
ขึ้นอยู่กับพวกเราบันดาลดล
สืบเสาะค้นหามิตรแท้เพื่อแน่ใจ ๚ะ๛
Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don't really comprehend
Don't need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna sing
.
18 พฤษภาคม 2548 21:55 น.
อัลมิตรา
..๏ ในแต่ละก้าวย่างบนทางฝัน
ยังผูกพันทุกนิยามของความหมาย
คำว่าเพื่อนเตือนตนจนวันตาย
แม้ร่างกายต่างตัวตนบนเส้นทาง
เคยเคียงคู่กลับไกลเกินกู่หา
สุดสายตาฟากโพ้นจนเหินห่าง
เส้นขนานร่องรอยพลอยเลือนราง
แต่ละย่างดั่งจบมิพบนัย
คำว่ามิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
คงล้ำค่ามั่นคงอสงไขย
แม้ชะตาพลัดพรากจึงจากไกล
ชั่วชีวิตจดจำไว้ไม่เคยจาง
สักวันหนึ่งทางหนึ่งซึ่งพานพบ
อาจบรรจบความฝันร่วมกันสร้าง
วันเวลายาวนานผ่านเส้นทาง
ค้นโลกกว้างไขว่คว้าหาใจตน
ไม่มีใครเป็นของใครได้ทั้งนั้น
แม้เธอ-ฉันเส้นทางยังต่างหน
อิสรภาพสำนึกเน้นความเป็นคน
ต่างความคิดต่างเหตุผล ..คนละใจ.. ๚ะ๛
หากเธอคิดผูกสัมพันธ์ใครสักคน อย่าดื้อด้นคิดว่ารักจักรั้งใคร
หากเธอคิดจะรักใครสักคน รับรู้ถึงเหตุผล คนละใจ
17 พฤษภาคม 2548 11:41 น.
อัลมิตรา
..๏ แม้ไม่เก่งวิชาทำอาหาร
เพียงเธอวานนิดหน่อยแล้วคอยสอน
จะตกปากรับคำตามคำวอน
แหม..! ช่างอ้อนหากเราเมินก็เกินไป
เขียนโคลงกลอนบรรยายก็ง่ายอยู่
แต่การเรือนอดสูสู้มิไหว
ครั้นต้องหัดเข้าครัวยังกลัวใจ
โถ !..หุงข้าวดิบ-ไหม้ใครจะกิน
เจอะพ่อครัวหัวป่าก์เข้ามาถาม
ประหนึ่งหยามเรามาท้าถึงถิ่น
จะฝากคำเรไรหากได้ยิน
จงเตรียมลิ้นเถิดหนอขอเชิญชวน
เลือกเมนูจานเด็ดรสเผ็ดปรี้ยว
ทั้งหอมเจียวซอยตะไคร้ให้หมดสวน
ยอดกระถินใบอ่อนสีเขียวนวล
เตรียมครบถ้วนเผื่อไว้จะได้ทำ
เลือกหอยสดใหญ่ใหญ่ไว้รอท่า
หยิบเครื่องเคียงออกมาจะขยำ
อร่อยลิ้นน่าชมนางรมยำ
แม้นใครหม่ำเพียงนิดไม่คิดลืม
นะจังงังคาถามหาระรวย
เสกมนต์ช่วยดลจิตให้มิตรปลื้ม
ใครเคยเกลียดเคยชังยังครางอืม.. !
แทบหยิบยืมยิ้มเขวี้ยงเหวี่ยงกลับมา
จานต่อไปที่ทำอาจซ้ำชาก
แต่ถูกปากคนทั่วไปจนใฝ่หา
กินได้หมดทั้งหนุ่มสาวเฒ่าชรา
เขาเรียกว่ายำเมียเบื่อมะเขือเผา
หาถั่วป่นเครื่องปรุงและกุ้งแห้ง
หอมหัวแดงดูให้ดีอย่ามีเน่า
มะเขือที่เตรียมไว้วางใส่เตา
หยิบจานเปล่าผักแกล้มแซมเพียงพอ
ใส่หอมซอยพริกสับแล้วปรับรส
ทั้งผักสดตามสั่งอย่างที่ขอ
ไข่ต้มหั่นบางบางวางไว้รอ
เสร็จสรรพก็ยกไปให้เพื่อนกิน
โอม..เสน่ห์สาริกามหาบท
ตามตำราปรากฏหมดทั้งสิ้น
เป่าคาถา เพี้ยง..เพี้ยง..เสียงได้ยิน
เพียงปลายลิ้นแตะลงหลงละเมอ
อย่างสุดท้ายอยากโชว์ โอ้ว..โป๊ะแตก
ชื่ออาจแปลกอยากทำนำเสนอ
ใส่กุ้งหอยปลาปูดูสิเธอ
ต่างร้องเฮ่อ ! ..แซบสะเด็ดเผ็ดดีจัง
ข่าตะไคร้ใบมะกรูดรูดให้พร้อม
พริกต้นหอมต้องมีผักชีฝรั่ง
น้ำพริกเผานมสดหมดหรือยัง
กุ้งผ่าหลังหอยแกะชำแหละปลา
น้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดพล่าน
พอประมาณหยิบตะไคร้ใส่แง่งข่า
กุ้งปูแกะเห็ดหอยทยอยมา
และหอยปลาตักรอพออิ่มพี
ก่อนยกเสริฟตั้งจิตคิดคาถา
ร่ายมนตรากาหลงหลงเรานี่
อีกขุนแผนแสนสะท้านบันดาลที
ให้คนรักเรานี้มีมากมาย
วางยาครบตำรับสำรับยก
ตาเถรหก ..โอ๊ย !ซุ่มซ่าม ชามเสียหาย
ทั้งโป๊ะแตกยำหอยลอยกระจาย
น่าเสียดายยำเมียเบื่อมะเขืองอม
เหลือเพียงข้าวคาหม้อพอประทัง
คลุกเกลือยังกินได้กันผ่ายผอม
แต่ยังหวังหากใครใจยินยอม
เราก็พร้อมทำใหม่ให้เธอชิม ๚ะ๛
13 พฤษภาคม 2548 16:10 น.
อัลมิตรา
..๏ คงยากที่จะหาใครเข้าใจฉัน
สารพันคำประณามเขาหยามหมิ่น
เฝ้ากลืนกล้ำน้ำตาอย่าไหลริน
พอเริ่มชินไม่นานก็ด้านชา
หลากเรื่องราวเลวร้ายถูกป้ายสี
จากคนที่ซ่อนพิษริษยา
ฟังแล้วแอบอัดอั้นเกินพรรณนา
ทุกนินทาเท็จหมดน่าสลดใจ
ฤๅย่างก้าวชาวพุทธจุดตกต่ำ
จนเชื่อคำคนเลวอย่างเหลวไหล
ลืมสังเกตกลั่นกรองตรองเลศนัย
มิยอมใช้สติพิเคราะห์ดู
ใครจะคิดอย่างไรตามใจเขา
ยังเป็นเราที่เห็นที่เป็นอยู่
ใช่พึ่งพาอาศัยใครอุ้มชู
เราเองรู้เท่าทัน ... แค่นั้นพอ ๚ะ๛