16 มิถุนายน 2547 22:12 น.
อัลมิตรา
..๏ บัวสวรรค์บานยามรุ่ง.............กลิ่นหอมฟุ้งคละคลุ้งไกล
เชยชมดอมดมใกล้....................ชวนฝันใฝ่ละเมอหา
หมายดอกที่งอกงาม...................เกินหักห้ามยามโรยรา
เกรงหมู่ภู่ผึ้งมา...........................ลวนลามพาให้หมองมัว ฯ
..๏ ขอเด็ดดอมดอกเจ้า................ยามรุ่งเช้าคราวดอกบัว-
สวรรค์เบ่งบานงามทั่ว................ ด้วยตื่นตัวเพราะต้องใจ
แม้นนามงามสูงเด่น...................ดอกหลบเร้นตามหลืบไพร
ขอล่วงเกินทันใด.......................เอื้อมมือไขว่คว้าเด็ดดม ฯ
..๏ นำมาพาขึ้นหิ้ง.....................บูชาสิ่งอันเหมาะสม
องค์พุทธ ฯ สุดนิยม...................งามภิรมย์ควรคู่กัน
ที่เหลือเผื่อใจไว้.........................ตกแต่งให้ใจสุขสันต์
ลอยบนวารีอัน-..........................อยู่ในขันตั้งพานรอง ฯ
..๏ บัวเอยบัวสวรรค์....................ดอกเจ้านั้นงามผุดผ่อง
กี่วันผ่านเดือนปอง-...................หมายแตะต้องยามดอกมี
รดน้ำและพรวนดิน....................ดอกโศภินจักมากมี
เมื่อคราวเจ้าโสภี........................เกินคำมีที่เปรียบเปรย ฯ
..๏ แม้นบานเมื่อกาลเปลี่ยน........ยังพากเพียรรอชมเชย
ยามดอกออกกลีบเผย..................งามเช่นเคยแม้นเปลี่ยนคราว
สูงนักจักเอื้อมคว้า......................แม้สมัญญา ณ กลางหาว
เทียมเดือนเพ็ญเด่นดาว.............ทุกครั้งคราวเจ้าเบ่งบาน ๚ะ๛
10 มิถุนายน 2547 15:16 น.
อัลมิตรา
ผู้ชายคนหนึ่ง กล่าวกับหญิงคนที่เขารักว่า
..คุณไม่เคยเอ่ยปากบอกรักผมเลย หรือว่าคุณมีคนอื่นในใจ..
หญิงคนนั้นตอบ
..คำว่ารักนั้น ใช่ว่าเป็นเพียงคำรำพัน ที่คิดจะบอกก็บอกใครได้ง่ายๆ
ก่อนหน้าที่เธอจะพบฉัน เธอเองก็เคยมีรักมากมาย
และหัวใจของเธอแจกจ่ายให้กับหญิงเหล่านั้นไปจนทั่ว
ฉันเองทั้งที่ปวดปร่า แต่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
รักของเธอและของฉัน นิยามอาจจะแตกต่างกัน
คำว่ารักของฉัน คือ ทั้งชีวิตและวิญญาณ์
และถึงแม้ว่า ตอนนี้เธอจะรักฉันด้วยเศษเสี้ยวหัวใจที่เหลืออันน้อยนิด
ฉัน.. ผู้มาทีหลัง ก็จะไม่ปริปากถามเธอเลย ว่าเคยรักใครในวันวาน..
..๏ มั น ค ง ย า ก ห า ก เ พ้ อ เ ผ ล อ จำ น ร ร จ์
ค ว า ม รั ก นั้ น มี ค่ า ก ว่ า สิ่ ง ไ ห น
เ พี ย ง คำ ห นึ่ ง ซึ่ ง ย า ก ห า ก บ อ ก ใ ค ร
โ ป ร ด เ ข้ า ใ จ ฉั น บ้ า ง อ ย่ า ร้ า ง ล า
ก่ อ น เ ธ อ นั้ น แ จ ก จ่ า ย ใ จ จ น ทั่ ว
ห ญิ ง พั น พั ว ม า ก ม า ย ก ร า ย เ ข้ า ห า
ห ว่ า น คำ รั ก ป ร า ก ฏ บ ท พ ร ร ณ า
ฉั น ก็ แ ส ร้ ง ทำ ท่ า เ ห มื อ น ช า ชิ น
รั ก ข อ ง เ ธ อ แ ล ะ ฉั น นั้ น แ ต ก ต่ า ง
อ ย่ า อำ พ ร า ง ห ล อ ก ใ จ ใ ห้ สู ญ สิ้ น
ค่ า แ ห่ ง รั ก ย า ก ยิ่ ง นั ก ห า ก ย ล ยิ น
นั่ น คื อ วิ ญ ญ์ แ ล ะ ก า ย นั ย นิ ย า ม
แ ม้ น เ ธ อ ค ง เ ห ลื อ ใ จ ใ ห้ น้ อ ย นิ ด
เ พ ร า ะ ชี วิ ต รั ก ก่ อ น นั้ น มั น ล้ น ห ล า ม
ฉั น.. ค น ม า ที ห ลั ง ข อ ยั้ ง ค ว า ม
จ ะ มิ ถ า ม เ ธ อ รั ก ใ ค ร ใ น วั น ว า น ๚ะ๛
9 มิถุนายน 2547 22:16 น.
อัลมิตรา
..๏ มองไกลสุดปลายสายฟ้า..............เมฆาลาเลื่อนเคลื่อนหาย
บังเกิดอัศจรรย์พลันกลาย..................โปรยปรายเป็นเม็ดเกร็ดงาม
สวยใสต้องกายเย็นฉ่ำ.......................สุขล้ำเกลื่อนกล่นล้นหลาม
กระเซ็นเป็นละอองฟองตาม...............ยังความสดชื่นรื่นรมย์ ฯ
..๏ กี่เม็ดโปรยปนหล่นฟ้า.................แหงนหน้าเพ่งมองสวยสม
กายเปียกเย็นฉ่ำตามชม.....................ยามลมล่องแผ่วพัดพา
เมฆฝนบนฟ้าครากลาย......................ควรหมายสุขสันต์หรรษา
ชมวสันต์พลันเพลินเจริญตา..............จนกว่าซาสร่างร้างกลาย ฯ
..๏ สองมือชูรับจับน้ำ.........................ดื่มด่ำความเย็นกระเซ็นสาย
น้ำฝนกลางหาวราวคลาย....................ดับกระหายโหยหิวกิ่วท้อง
ฝูงนกเริงร่าหฤหรรษ์..........................เฉกฉันไม่ขยับจับจ้อง
ปรารถนาเห็นรุ้งเรืองรอง....................ขอบฟ้าสีทองอำไพ ฯ
..๏ สายฝนโปรยปรายคล้ายเคลื่อน......คล้อยเลื่อนลอยห่างทางไหน
คงเหลือดินชุ่มพุ่มไม้.........................สวยใสสดชื่นตื่นตา
ต่างแย้มดอกตามความฉ่ำ-..................ชื่นล้ำรับรองพฤกษา
เสกสรรค์หลากสีลีลา...........................เกินกว่าบรรยายในกวี ฯ
..๏ สายรุ้งพุ่งพานภาเพริศ...................ล้ำเลิศปาฏิหาริย์วรรณฉวี
สัตตพรรณช่างล้ำงามมี........................บังเกิดยามที่ฝนคลาย
ต้องแสงสุรีย์ฉายกลายเปลี่ยน...............ล้อเลียนฝนฟ้าคราหาย
สดชื่นแจ่มใสใจสบาย.........................เรียงรายงดงามยามมอง ๚ะ๛
3 มิถุนายน 2547 08:35 น.
อัลมิตรา
..๏ บ น ล า น จั น ท ร์ รั ญ จ ว น อ บ อ ว ล รั ก
เ ยื่ อ ใ ย ถั ก แ ท น แ พ รบ า ง ห่ ม ร่า ง ข วั ญ
ร า ต รี เ ริ่ ม ม น ต์ ร่ำ ส า น สั ม พั น ธ์
ก ร ะ ซิ ก สั่ น ก ร ะ ซิ บ แ ก้ ว เ พี ย ง แ ผ่ ว เ บ า
แ ส ง จั น ท ร์ น ว ล เ นื้ อ เ นี ย น ใ จ เ จี ย น ข า ด
ไ ฟ ส ว า ท อ่ อ น โ ย น แ ต่ โ ช น เ ผ า
เ นื้ อ ต่ อ เ นื้ อ อิ ง แ น บ แ อ บ อุ่ น เ น า
ก า ย ใ จ เ ร า ร่ ว ม ผ ส า น ห ว า น ล ะ มุ น
โ ด ย ดื่ ม ด่ำ ล้ำ ลึ ก รู้ สึ ก ไ ด้
ล่ อ ง ล อ ย ใ น ค ว า ม ฝั น อั น อ บ อุ่ น
ทุ ก นุ่ ม น ว ล เ ส น่ ห์ เ นื้ อ เ ธ อ เ จื อ จุ น
ค ว า ม ห อ ม ก รุ่ น ก ล่ อ ม ใ ห้ ใ จ ร ะ รั ว
ร า ว ค ลื่ น โ ถ ม โ ล ม ห า ด ไ ม่ ข า ด ส า ย
จ น ห ลื บ ท ร า ย ซั บ ฟ อ ง เ จิ่ ง น อ ง ทั่ ว
ห ย า ด น้ำ ผึ้ ง พ ร ะ จั น ท ร์ ยิ่ ง ก ลั่ น ตั ว
ยิ่ ง พั น พั ว พ ร่ำ พ ล อ ด ต ล อ ด คื น ๚ะ๛