14 มีนาคม 2547 17:16 น.
อัลมิตรา
..๏ นิยายรักแรกเจอเธอกับฉัน
ร่วมแต้มฝันสายใยให้สุขสม
ทุกคืนวันผ่านไปใจรื่นรมย์
เราเพาะบ่มนิยามความสัมพันธ์
เวลาผ่านเนิ่นนานความหวานสิ้น
เธอโบยบินห่างไกลจากใจฉัน
ด้วยเหตุฐานชีวิตแปลกผิดกัน
จึงสิ้นฝันรักสลายแทบวายชนม์
วันสุดท้ายที่เราสองร่วมครองฝัน
ขอพบกันเพื่อน้อมรับความสับสน
ทั้งที่แผลมากเกินเยินกมล
ยังกล่าวด้นขอรักเธอเสมอไป
ใต้แสงเทียนตรงนี้ ณ.ที่เก่า
ก่อนนั้นเราพลอดคำย้ำสดใส
เคยพิลาสหมายครองรวมสองใจ
แต่นี้ไป..ขาดเธอเพ้อเดียวดาย
มองน้ำตาเทียนหยดเหมือนหมดค่า
ในสายตายังถวิลแม้นสิ้นหมาย
เงาเทียนทาบหมดชื่นสะอื้นกาย
แม้อยู่ใกล้ยังยากคว้ามาเชยชม
ช่อดอกไม้ยื่นส่งที่ตรงหน้า
พร้อมคำว่าโชคดีมีสุขสม
รอยยิ้มรับกลับเฝื่อนเหมือนมีดคม
บรรจงจมฝั่งรอยคอยย้ำเตือน
คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ส่ง
ยากจะปลง..เอ่ยคำลาน้ำตาเปื้อน
ขอให้เก็บค่ำสุดท้ายอย่าหมายเลือน
เพื่อย้ำเตือนรักย้อนก่อนจากกัน
ฉันจะเก็บทุกอย่างไว้ในชีวิต
ขอลิขิตบทกลอนตอนที่ฝัน
เป็นบทเรียนกำลังใจในทุกวัน
เผื่อฝ่าฟัน..หากชีวิตยังคิดเดิน ๚ะ๛
ผู้ชายที่ไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วความพยายามก็ทำให้เรารักกัน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจในกันและกัน
หรือว่าชายคนที่เธอรักอยู่อาจดีไม่พอสำหรับเธอเค้าเลยต้องแยกทางกัน
แล้วผู้ชายที่น่าสงสารก็ต้องเคารพในตัดสินใจของฝ่ายหญิง
แต่ก่อนที่พวกเค้าจะแยกไปมีหนทางชีวิตของตัวเองเค้าได้ขอให้หญิงคนที่เค้ารัก
ได้ร่วมโต๊ะใต้แสงเทียนในร้านอาหารเมื่อครั้งที่ยังหวานชื่น
ได้มอบดอกไม้และไปส่งหน้าบ้านเพื่อเก็บวันเวลาที่แสนดีนี้ใว้ในความทรงจำ
เพื่อจะได้มีกำลังใจที่จะเดินต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้...........
11 มีนาคม 2547 17:48 น.
อัลมิตรา
..๏ หงส์เอยเจ้าอ่อนล้า...........ฤๅไฉน
จึงร่อนลงพงไพร................ภาคพื้น
คงเผลอจิตหลงใหล...............แดนป่า
เยือนถิ่นดินชุ่มชื้น.................ดั่งให้ยลโฉม ๚
..๏ อึดอัดอันเนื่องด้วย...........อนิฏฐา- รมณ์*ฤๅ
จึงจากภพเคหา.....................เพริศแพร้ว
ฤๅจิตคิดปรารถนา................แดนสงบ
เห็นป่าดั่งเมืองแก้ว...............หลบร้อนนอนดิน ๚
..๏ หงส์เอยหากอ่อนล้า.........โรยแรง
ขออย่าได้หวาดระแวง............เล่ห์ร้าย
จงซุกปีกออมแรง..................พักผ่อน
วันพรุ่งจึงแยกย้าย.................สู่ฟ้าดังเดิม ๚
..๏ ปราศแสงแห่งคบใต้.........ประทีปงาม
มีแต่เดือนดาววาม................กระจ่างฟ้า
ไร้เสียงดุริยางค์นิยาม...........เพลงเสนาะ
มีหริ่งเรไรร้า*.......................กล่อมให้คลายเหงา ๚
..๏ เผือกมันผลไม้ป่า............มากมี
หวังเพื่อความดุษฎี................แห่งเจ้า
หงส์ฟ้าเพริศโสภี..................คงสุข- เกษมนา
ปรารถนาดีจึงเฝ้า.................ชุบเลี้ยงดูแล ๚
..๏ ยามเมื่อสุริเยศเยื้อง.........เยือนมหรรณพ์
กวีที่เคยปลอบขวัญ...............กล่อมใกล้
มวลพฤกษ์มากสรพัน............เลือนจาก หทัยแฮ
ผลหมากหลากลูกไม้.............หมดสิ้นโอชา ๚
..๏ สำเนียงเสียงแห่งเจ้า.........หงส์งาม
เคยพร่ำเพรียกไถ่ถาม.............หยอกเย้า
กาลผันผ่านย่ำยาม..................ยังแว่ว- หวานนอ
ฤๅแค่ความโศกเศร้า................หลอกให้ละเมอหา ๚
..๏ หงส์เอยเคยอยู่ฟ้า.............เมืองแมน
เลยหน่ายพฤกษ์พรมแดน.......เยี่ยงนี้
ฤๅดูหมิ่นถิ่นแคลน.................สกุลต่ำ
มากเรี่ยวแรงจึ่งลี้...................หลีกเร้นโดยพลัน ๚
..๏ ยามจากหากฝากถ้อย.........คำลา- หนึ่งเอย
คงมิคร่ำครวญพา.....................อกไข้
เพียงคำกล่าวสนทนา..............ยากยิ่ง แลฤา
บินผ่านยังเมินได้....................บ่ายหน้าเบือนหนี ๚
..๏ ผิดแผกแตกต่างชั้น-.........สกุลพงศ์
กามิควรคู่หงส์.......................แน่แท้
เพียงจิตคิดลุ่มหลง................จักหม่น- หมองเฮย
กาคู่กาควรแล้........................อย่าได้หมายหงส์ ๚ะ๛
9 มีนาคม 2547 16:31 น.
อัลมิตรา
..๏ เปลี่ยนรูปแปลงลักษณ์ล้วน......หลากหลาย
คิดข่มใคร่ขู่ขาย..........................เขตแคว้น
มั่นซุกมุ่งซ่อนหมาย....................เขมือบหมก - เม็ดเฮย
ทรัพย์มั่งสินมีแม้น......................ละโมภเม้มหมดเมือง ๚
..๏ วัวควายใครใคร่ค้า.................มาเสนอ
ฉ้อรัฐยามจิตเผลอ......................อย่าคล้าย
น้ำ-ไฟรวบปรนเปรอ...................โยมญาติ แบ่งนา
ฮุบทรัพย์ประชาย้าย....................ยักเยื้องเข้ากระเป๋า ๚
..๏ ลมเพลมพัดเพี้ยง...................กลิ่นโชย
ลมว่าวชักใยโกย.........................สู่แม้ว
ลมร้อนอาจผ่อนโดย....................โคลงรุ่ม กระฉ่อนฤๅ
ลมเครียดห่อนสงบแคล้ว............. ชะล้างฝนสมัย ๚
..๏ จำแลงรูปลักษณ์ล้ำ.................อวดตา
ไฉนสักแต่รจนา.........................ดุจงิ้ว
หน้าม่านจัดฉากมา.....................แสดงบท
ละครเล่นพลิกลิ้นพริ้ว..................แต่งแต้มเติมสี ๚ะ๛
8 มีนาคม 2547 14:23 น.
อัลมิตรา
..๏ แสร้ง..
ต้องหลบเลี่ยงสายตามิกล้าเอ่ย
วางหน้าเฉยไม่ทุกข์ร้อนตอนเธอถาม
ที่เป็นจริงคือร้องไห้ในทุกยาม
แต่หักห้ามเสแสร้งแกล้งบอกไป
ยังสบายดีอยู่..เธอก็เห็น
คงยิ้มเช่นเริงร่า..อย่าสงสัย
เรื่องราวที่เคยระทมตรมหัวใจ
ลบเลือนไปมิจำคำคนลวง
อย่าเพียรถามว่าฉันเจ็บปวดไหม
ตอบทันใด...ลืมซะ.. ! อย่ามาห่วง
สิ่งเธอทำช้ำใจทั้งหลายปวง
บัดนี้ล่วงมิจำคำบิดเบือน
ขอเถอะนะ..อย่าถามอีกได้ไหม
คำซักไซร้เหมือนมีดกรีดเสมือน
ฉันสร้างภาพมายามาแรมเดือน
เพื่อลบเลือน..แผลใจให้หายจาง
จำต้องใช้ช่วงเวลาครานี้
หลอกคนดีว่าใจไม่หม่นหมาง
เพราะรักเรากลับไป..ไร้หนทาง
จึงอำพรางแสร้งสุขเก็บทุกข์ใน ๚ะ๛
6 มีนาคม 2547 21:09 น.
อัลมิตรา
..๏ รัตติกาล..จันทร์แจ่มแต่งแต้มฟ้า
ดื่นดาราเรืองงามล้ำราศี
นั่งนอกชานเพ่งชมสมฤดี
เดือนดาวมีมากมายคล้ายเย้ายวน
เสียงหริ่งหรีดหลากหลายเรไรร้อง
สำเนียงก้องกู่ไกลจากท้ายสวน
แล้วเงยหน้ามองเดือนเหมือนเชิญชวน
มวลดาวล้วนสุกสกาวพราวพิไล
แสนงดงามเลิศล้ำเกินกำหนด
ยังปรากฏแสงส่วางพร่างสดใส
แจ่มจรัสจนเผลอละเมอไป
หมายคว้าไขว่ครอบครองปองรื่นรมย์
แสนหลงใหลจันทราดาราเอ๋ย
ยามชมเชยคราใดใจสุขสม
ครั้นคืนแรมลาร้างดั่งตรอมตรม
ด้วยหวังชมสีแสงแห่งดาวเดือน
ฤๅเป็นเพียงเผลอไผลฝันใฝ่หนอ
บางคราวท้อดาวดับเดือนลับเลื่อน
คราวคืนแรมร้างไกลไม่มาเยือน
รู้สึกเหมือนอ้างว้างใจในราตรี
ยามจันทร์ผ่องดาวพร่างช่างสวยสม
หลงชื่นชมพิศมัยในรัศมี
จึงพร่ำเพ้อรจนาภาษากวี
ตราบราตรีมีเดือนดาว...ยังเฝ้าปอง ๚ะ๛