8 กุมภาพันธ์ 2547 01:07 น.
อัลมิตรา
...๏ เห็นปากกาขยับร้องก้องกากา
ถูกแล้วว่ามันฟ้องร้องหาฝัน
เจ้ากิ้งก่าชะเง้อมาว่าทันควัน
มิสร้างสรรค์สมค่าไม่น่าชม
ขัดเขินนักหากเปล่งเสียงเพียงให้ทึ่ง
แม้นกบอึ่งฟังยังหลับปานทับถม
ทุกท่วงท่าเอื้อนเอ่ยเผยคารม
แทบเป็นลมตาลายได้ฟังกา
คงเป็นผลแห่งเสียงเพียงผิดเพี้ยน
หลงปรับเปลี่ยนสำเนียงเบี่ยงภาษา
ยึดอกตั้งเปล่งเสียงเยี่ยงก่อนมา
โอ้อนิจจาเสียงแหบแสบทรวงแท้
ทุกรูปแบบได้ยินมาน่าละห้อย
กิ้งก่าหงอยจิ้งจกหลับอีกกั๊บแก้
คงเหนื่อยหน่ายหลบตาเกินกว่าแล
เสียงกาแย่ร้องไป...ไพรอลเวง
โอ้เจ้ากาตัวเก่าจงเพลาก่อน
มีขั้นตอนฝึกเสียงสำเนียงเปล่ง
เลิกแหกปากร้องกากา...นึกว่าเพลง
ยังวังเวงอย่าเอื้อนคำยามริตติกาล
จงฟังเสียงนกน้อยต้อยตีวิด
แสนวิจิตรถ้อยเสนาะเพราะเสียงหวาน
ให้เพลิดเพลินน่าฟังดังกังสดาล
กิ้งก่าขาน...ทำได้ไหมไอ้กา ? ๚ะ๛
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:09 น.
อัลมิตรา
..๏ ทุกชีวิตเลือกเกิดเองได้หรือ
ไยยึดถือชนชั้นขั้นศักดิ์ศรี
ก็ต่างเกิดร่วมโลกก็โชคดี
อวดบารมีกีดกั้นกันทำไม
สุดจะหยั่งและคะเนเล่ห์มนุษย์
ไม่สิ้นสุดลึกล้ำเกินคำไข
ร้อยชีวิตก็คิดร้อยจิตใจ
แล้วแต่ใครมุ่งดีมีศีลธรรม
แต่ทุกวันเหล่ามนุษย์ในโลกนี้
จะหาดีเท่าไหร่ใคร่วอนถาม
เห็นต่างคนต่างปองจ้องตะกราม
เอาแต่ความสุขสบายเข้าใส่ตัว
สร้างกันแต่กิเลสชั่วมั่วตัณหา
ไม่นำพาคุณธรรมมองข้ามหัว
แม้บาปบุญเพียงนิดไม่คิดกลัว
ขอเพียงตัวข้าสบายใครช่างมัน
สิ่งคือสัตว์มนุษย์ในยุคนี้
จากเคยดีกลับกลายเป็นร้ายนั่น
เพราะสภาพของสังคมที่ข่มกัน
จะสร้างสรรความดีกลัวมีภัย
อยู่กันอย่างอิจฉาริษยา
ใครจะมาเกินหน้าข้ามิได้
ชิงกันดีชิงกันเด่นดุจเล่นไฟ
ชีพดับไซร้ลงหลุม..กูกลุ้มแทน.. ๚ะ๛
5 กุมภาพันธ์ 2547 22:17 น.
อัลมิตรา
..๏ ดึกสงัดลมโบกใบไม้ไหว
เหงาฤทัยอ้างว้างวังเวงหวิว
แสงเดือนจับไม้ลู่ดูเป็นทิว
และลมพริ้วสะบัดผ่านสะท้านกาย
สรรพสิ่งส่งสำเนียงเสียงเสนาะ
เคยไพเราะสุขสันต์มาพลันหาย
เมื่อสิ้นนวลบ่วงรักปลักทลาย
เหมือนสิ้นใจลาโลกโศกระทม
ยามนี้เจ้าคงชื่นระรื่นสุข
เขาคงรุกโลมเล้าเจ้าก็สม
เขาคงกอดรัดเจ้าเคล้าภิรมย์
เขาคงชมคงชื่นระรื่นทรวง
เขาคงลูบจูบเจ้าเพียงเบาก่อน
แล้วลงนอนลูบไล้ไต่เนินหวง
ยามเขาชมเริงรื่นเจ้าชื่นทรวง
แต่เหมือนบ่วงทรมานประหารเรา
ไม่อยากคิดนิจจาจิตพาฝัน
มารำพัน..ใครประโลมโฉมเฉลา
ป่านฉะนี้คงชอกช้ำถูกทำเอา
โธ่ !..นวลเจ้าแหลกราญเพราะผ่านมือ
ไม่มีสิทธิ์นึกหวงแต่ห่วงเจ้า
อันความสาวเพียงหนึ่งควรพึงถือ
อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาลือ
เกินจักยื้อพรหมจรรย์..โปรดกั้นใจ ๚ะ๛
5 กุมภาพันธ์ 2547 08:45 น.
อัลมิตรา
..๏ ศิลป์ศาสตร์ควรแปดเปื้อน......อนาจาร ฤาพ่อ
ไยจึ่งคิดหักหาญ........................สิ่งล้ำ-
เลิศลักษณ์หากผสมผสาน............สกปรก
อาจย่ำยีเหยียบซ้ำ.......................ชาติชั้นงานศิลป์ ๚
..๏ เขียนรูปเขียนร่างแล้ว............ลืมตรอง
ศิลป์เปรอะศิลป์เปื้อนปอง-...........ปาดป้าย
ขีดขูดขีดข่มของ-.......................เคารพ
คงสื่อคงส่อคล้าย........................คับแค้นจริงเหวย ๚
..๏ หัวโขนอาจเปรียบด้วย............บรมครู
ชาวนาฏศิลป์เชิดชู......................ยิ่งแล้
ไยไม่คิดตรองดู..........................ก่อนสื่อ- ภาพนอ ?
อวดเด่นดังจริงแท้.......................แต่ไร้วิญญาณ- ศิลป์เอย ๚
..๏ ชีวิตแสนสั้นยิ่ง.....................ดังสัจ- จธรรมนา
หนึ่งภาพศิลป์เด่นชัด..................เช่นอ้าง
หากมวลจิตรกรอัจ-.....................ฉริยภาพ
มุ่งมั่นรังสรรค์สร้าง......................จักได้คำสรร- เสริญเอย ๚ะ๛
2 กุมภาพันธ์ 2547 21:57 น.
อัลมิตรา
..๏ ความโดดเดี่ยวเดียวดายใต้โลกกว้าง
ยากอำพรางความโศกวิโยคได้
หนึ่งชีวิตครวญคร่ำพร่ำเสียใจ
ว่าทำไม..มิเหมือนที่เพื่อนมี
ฉันไร้พ่อขาดแม่ตั้งแต่เกิด
ถือกำเนิดแหล่งใดไม่รู้ที่
จะถามหาเทพไท้ที่ไหนดี
ตอบฉันที..ตอบหน่อย..ฉันน้อยใจ
เห็นคนอื่นมีทั้งพ่อและแม่
คอยเผื่อแผ่โอบอุ้มคุ้มครองได้
จะทุกข์ร้อนเย็นหนาวมิร้าวใจ
เทียบกับฉันแล้วไซร้..ไม่เหมือนกัน
ยามค่ำคืนยืนมองผองเพื่อนสุข
แต่ฉันทุกข์มากมายกายหนาวสั่น
เพียงแค่ผ้าห่อหุ้มมิคุ้มกัน
หรือปิดกั้นร้อน-เย็นที่เข่นทรวง
เห็นเพื่อนเรียก..พ่อจ๊ะ..แม่คะขา
กลั้นน้ำตาช้ำตรมระทมร่วง
สะอื้นเศร้าปวดร้าวทั้งแดดวง
อยากจะทวงคำนั้น...ฉันขอเปรย
ให้ฉันเกิดทำไมในโลกนี้
แล้วไม่มีอ้อมกอดพรอดเฉลย
ปล่อยทิ้งร้างตามทางอย่างละเลย
ใครต่างเย้ย..กำพร้ามาขอทาน
ครั้นยามหิวลิ่วค้นตามซอกถัง
เพื่อประทังชีวาหาอาหาร
แม้นมีบ้างบางครามาเจือจาน
มอบเศษทานอิ่มมื้อยื้อชีพตน
จะกี่วันกี่คืนที่ขื่นขม
จะระทมอีกเท่าใดใจสับสน
เด็กกำพร้าอย่างฉันนั้นก็คน
แต่ไยผลจึงแปลกผิดแผกมา
อยากจะมีเพียงหนึ่งซึ่งคาดหวัง
เป็นพลังก้าวต่อไปในวันหน้า
แม้นชีวิตลิขิตไว้ไร้ราคา
ขาดบิดรมารดา..มาอุ้มชู
ขอเป็นแรงพลังใจให้เด็กน้อย
ที่ยังด้อยเยาว์จิตคิดต่อสู้
อย่าท้อแท้แม้ใครไม่เหลียวดู
จงรับรู้..ฉันกำพร้ามาคุ้มกัน ๚ะ๛