8 มกราคม 2547 23:47 น.
อัลมิตรา
หลากเรื่องราวกานท์กวีที่สื่อสาร
เป็นสัญญาณความหมายให้ค้นหา
แฝงบางสิ่งย้ำให้ได้พิจารณา
อาจด้อยค่าไร้คุณ...เกื้อกูลตน
หากบทความบางคราวเฝ้ารังสรรค์
เคยประพันธ์บทกวีที่สับสน
ขออภัยที่ล่วงล้ำตามใจตน
นึกว่าฝนผิดฤดูครู่เดียวเอง
อันโพธิ์ไทรสูงยิ่งมากกิ่งก้าน
เปรียบครูกานท์นักกวีที่ฉกาจเก่ง
มองตัวเราเพียงกอหญ้า...พากริ่งเกรง -
หากยืนเพ่งคงเข้าใจ...ไร้ราคา
ขอวอนหมู่นักกวีเป็นที่รัก
แจ้งประจักษ์สรรพสิ่งชัดจริงว่า
หากนิยามคำกวีที่เขียนมา
แม้นด้อยค่าขอให้อภัยกัน ฯ
6 มกราคม 2547 09:49 น.
อัลมิตรา
ลุงเวทย์ โหด โจษขานการบ้าน หิน
คอยติฉินสารพัดดูขัดเขิน
กระทั่งศิษย์ก็สับแทบยับเยิน
ลองประเมินดูใหม่เปลี่ยนใจทัน
****
คมคำสร้างทางนำธรรมชูเชิด
คำพริ้งเพริศเลิศอรรถชัดแจ่มสาร
ร่ำรินรสถวิลรอยถ้อยแห่งงาน
ร้อยเรียงผ่านกานท์ให้ไว้จดจำ
จำจดไว้ให้กานท์ผ่านเรียงร้อย
งานแห่งถ้อยรอยถวิลรสรินร่ำ
สารแจ่มชัดอรรถเลิศเพริศพริ้งคำ
เชิดชูธรรมนำทางสร้างคำคม
6 มกราคม 2547 00:31 น.
อัลมิตรา
๏ ก่อนกิ่งก้านใบผลต้นสูงใหญ่
รากแทรกไปตามดินแลหินผา
ซอกซอนทรายดินดานผ่านเวลา
จนสูงสง่าเป็นต้นแตกผลใบ
กิ่งแกร่งกล้าท้าแดดแผดเผาผลาญ
จนหยาบกร้านกรำฝนจนเติบใหญ่
ลมกรรโชกเอนลู่ดูแกว่งไกว
โยกคลอนไปตามแรงแห่งสายลม
กว่ากิ่งก้านมากมายอันไพศาล
ล่วงเลยกาลเพียงใดจึงให้ร่ม
ลำต้นแกร่งเปลือกหนาว่ากลึงกลม
มองสวยสมล้วนต้องผ่านวันเดือนปี
อีกมดแมลงสารพันนั้นขวักไขว่
สัตว์น้อยใหญ่แทะกัดมิอาจหนี
เล็มกิ่งก้านกัดผลใบหมายราวี
ที่โชคดีจึงพ้นจนสง่างาม
เปรียบผองชนต่างชาติศาสนา
ล้วนเกิดมาหลายหลากมากล้นหลาม
จิตสำนึกมารยาทอาจแยกความ
ปัญญาทรามฤาเลิศเกิดตามตน
มีมูลเหตุจากจิตใจใต้สำนึก
อันตกผนึกฝังในให้สับสน
มิอาจแยกถูกผิดสุจริตชน
จึงวกวนเวียนว่ายหมายรังควาญ
อีกยามเล็กไม่มีเมธีสอน
จึงรุ่มร้อนรุนแรงกำแหงหาญ
จากเผ่าพงษ์สูงเด่นเช่นวิมาน
อาจดักดานนอนซมจมธรณิน
ไม่อาจโตเติบใหญ่ด้วยใจสูง
ถูกลากจูงด้วยทุจริตจิตเสื่อมสิ้น
เพราะอวิชชาปิดบังดั่งมลทิน
จึงเคยชินติดนิสัยไม่อาจลด
เป็นอย่างไรก็ได้ตามใจท่าน
แต่อย่ารั้นเบียดเบียนใครให้ปรากฏ
จงเคารพกติกาอย่าคิดคด
ตามตัวบทกฎหมายคงได้ดี
แม้นตัวใครย่อมรักประจักษ์อยู่
จงเพ่งดูตัวอย่างดังตนนี้
เราย่อมหวังใจว่าทุกนาที
ให้เปรมปรีด์สุขสันต์ทุกวันไป
แม้นผู้อื่นย่อมเป็นเช่นเราบ้าง
จะมัวสร้างเวรกรรมนำไปไหน ?
แม้ต่างคนแผกผิดมากจิตใจ
แต่ก็ใช่ให้ทำระกำเบียน
ในสังคมย่อมมีแบบนี้อยู่
จงหยั่งรู้คราวใดใจแปรเปลี่ยน
หลีกคนพาลชั่วช้าน่าติเตียน
คบเหล่าเธียรจักสุขทุกวันวาร
เปรียบไม้ใหญ่ใบหนาสง่านัก
ย่อมปักหลักต้นตรงคงกล้าหาญ
ไม่หวั่นไหวยังสู้ทุกฤดูกาล
ภัยแผ้วพานยังยืนหยัดองอาจมา
คงต้องถามตัวเราคราวท้อถอย
ทุกข์ใหญ่น้อยยากผ่านจนหวั่นผวา
ควรจมปลักต่อไปไม่นำพา
ตกลงว่าสู้หรือหมอบตอบเอาเอง ๚ะ๛
4 มกราคม 2547 00:15 น.
อัลมิตรา
๏ โยกเยก...กายสั่นเทิ้ม.........ใจระรัว
มือจับแน่นหวาดกลัว.............พลาดพลั้ง
เผลอไผลอาจเจ็บตัว.............เคล็ดขัด- ยอกเฮย
ยึดมั่นคงเหนี่ยวรั้ง................อย่าได้ตกใจ ๚
๏ ฝึกหัดก่อนเพื่อให้...............ชำนาญ
คลายฮึกเหิมอันธพาล.............เก่งกล้า
ขอเรียนจากอาจารย์...............ไปก่อน
อย่าอ่อนแรงจนล้า..................ก่อนคว้าหาฝัน ๚ะ๛
3 มกราคม 2547 23:19 น.
อัลมิตรา
...โอ้มวลมลุลี..............ทิวาราตรี.....................หอมนี้เนิ่นนาน
...ชื่นใจไป่สิ้น..............ดอมกลิ่นเบ่งบาน..........ขาวผ่องสวยสะคราญ
...อวดก้านอรชร
...ร่มครึ้มเครือเถา.........กิ่งก้านเกลี้ยงเกลา.......แลเสลาซอกซอน-
...เกาะเกี่ยวเหนี่ยวกัน....พัวพันสัญจร...............แนบนาบซับซ้อน
...ชูสลอนงดงาม
...ยอดอ่อนตอนแตก.....อ่อนนุ่มพุ่มแยก...........ยังแทรกล้นหลาม
...ใบเดี่ยวเรียวคู่..........แลดูคั่งคาม*................สวยสดงดงาม
...ล่วงยามย่ำเลย
...ชมดูมลุลี................อิ่มเอมเปรมปรีด์..........เกินที่กาพย์เฉลย
...กลีบดอกออกแฉก....ดูแปลกจริงเอย...........ขาวผ่องปองเชย
...อ้างเอ่ยเด็ดดอม
...หอมฟุ้งขจรไกล.......กลิ่นเย้ายวนใจ.............ฝันใฝ่ใคร่หอม
...เปลี่ยนวันผ่านคืน.......ดาษดื่นพรั่งพร้อม.......มวลภมรไต่ตอม
...แห่ห้อมล้อมชม
...โอ้ว่ามลุลี.................งดงามล้ำฉวี...............แลฤดีรื่นรมย์
...ชวนน้องเยาวพา........ผ่านมาดอมดม............บุปผาสวยสม
...อภิรมย์เริงใจ
...จักร้อยสังวาล..........สายสร้อยตระการ.........เกษมศานต์ทันใด
...มอบแด่พนิดา...........สวยสง่ากว่าใคร............มลุลีไฉไล
...อย่าได้เฉยชา
...ใต้ร่มมลุลี................อุปมาพาที...................กาพย์ที่รจนา
...เพียงน้องผ่องพรรณ.....มิ่งขวัญกัลยา..........สุขสันต์หรรษา
...สมอุราแล้วเอย ฯ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=28