14 กันยายน 2546 22:12 น.

สร่างโศกในโลกฝัน

อัลมิตรา


(หญิง)..รำพึง

 คืนค่ำอันเดียวดาย
แลจุดหมาย ณ ปลายฟ้า
เพ่งพิศดวงดารา
อยากจะคว้ามาแนบใจ

อยากติดปีกโผบิน
ไปทั่วถิ่น ณ แดนไกล
ลมพัดกระหวัดไกว
ล่องลอยไซร้ไม่อาวรณ์

แต่คืนนี้อ้างว้าง
อยู่ท่ามกลาง ณ นคร
ร่ำไห้ใจร้าวรอน
อกสะท้อนให้คะนึง

โหยหาคนใกล้ใจ
เหม่อมองไปให้ร้าวรึง
เกินยื้อยุดฉุดดึง
ไปไม่ถึงซึ่งภวังค์...


(ชาย)...รำพัน

สร่างโศกในโลกฝัน 
ด้วยมีวันอันสมหวัง 
อย่าขึงถึงชิงชัง 
ถ้าหากฝั่งฝันยังไกล
 
ความจริงที่ยิ่งเศร้า 
ถ้าหากเราเฝ้าสู้ไหว 
ความฝันที่มั่นใจ 
คงมาใกล้ในสักวัน 

คืนค่ำจำเดียวดาย 
สิ่งที่หมายอยู่ปลายฝัน 
ก้าวไปไม่ถึงกัน 
ใช่ด้นดั้นเกินฝันไป 

อ้างว้างอย่างเงียบเหงา 
คิดถึงเขาเราสุขไหม 
หากสุขสิ้นทุกข์ใจ 
กลัวไฉนที่ได้ทำ 

หากโศกในโลกจริง 
นี่ซิยิ่งไม่น่าขำ 
สิ่งเศร้าเราควรจำ 
อย่าให้ช้ำซ้ำเติมเรา 

กี่วันอันอ้างว้าง 
เธออย่าสร้างทางเงียบเหงา 
ทางรักจักแบ่งเบา 
หากต่างเอาใจเฝ้าใจ 

เพียงต่างอย่าห่างเหิน 
ร่วมทางเดินที่สดใส 
อย่าหวงแต่ห่วงใย 
ถึงห่างไกลเหมือนใกล้กัน... 


 				
14 กันยายน 2546 12:02 น.

รักยืนยง.. love will keep us alive

อัลมิตรา

สัทราฉันท์( ๒๑ ) 

๏ กากากากากะกากา...................กะกะกะกะกะกะกา 
กากะกากา...................................กะกากา 


๏ ฉันยืนอยู่เด่นและเดียวดาย........ละธุระอุระสบาย 
อย่างสงบคลาย-...........................ระทมทรวง 
ปราศกังวลรุมและสุมดวง-.............จิตะมุจะจรลวง*- 
พ้นพิภพห้วง.................................มหันต์หาว ๚ 

๏ เธอยังเร่งหานิวาสคราว-.............พละ ณ มนะมิด่าว 
หากแสดงราว................................อะคร้าวนัก 
ที่เร้นกายซึ่งประสงค์พัก.................อภิรติผิว์ประจักษ์ 
แม่จุฬาลักษณ์...............................มิพรากกัน ๚ 

๏ แม้นความสูญเสียสิโรมรัน...........ขณะจิตบ่มิพรั่น 
อย่างมิไหวหวั่น..............................ประคัลภ์คง 
อีกยามโดดเดี่ยวและเปลี่ยวจง-.......สติพิเคราะห์สละหลง 
จึ่งวิจักขณ์บ่ง..................................และปลงใจ ๚ 

๏ ยามนี้เธอมั่นเสมอใน-.................รติมธุระกระไร 
มอบสว่างให้..................................เสมอมา 
ฉันยังคงชีพ ณ โลกา.....................และมฤทุกะสง่า 
ยืนตระหง่านกล้า...........................มิล้าเลย ๚ 

๏ หากยากจนทนหิวมิพลั้งเปรย-....วจนะกวิมิเผย 
ยังสิชิดเชย....................................นิรันดร์กาล 
คงรักตราบเมื่ออวิญญาณ...............สมฤติผิว์ประสาน 
ซึ่งทหัยนาน...................................และยืนยง  ๚

๏ ขอเพียงเธอวางวิตกลง...............ละอรติและพวง 
อย่างยะยรรยง...............................ผจงฉันท์ 
ยามฉันพบเธอมิจาบัลย์..................กวิสิบริพันธ์ 
เอ่ยวจีนั้น.......................................นะขวัญเอ๋ย ๚

( สร้อย) 

๏ หากยากจนทนหิวมิพลั้งเปรย-....วจนะกวิมิเผย 
ยังสิชิดเชย....................................นิรันดร์กาล 
คงรักตราบเมื่ออวิญญาณ...............สมฤติผิว์ประสาน 
ซึ่งทหัยนาน...................................และยืนยง  ๚ะ๛ 


				
12 กันยายน 2546 08:32 น.

บ่อใจ-ใส่จันทร์

อัลมิตรา


(ญ) ฝากวจีกวีร่าย... 

ก่อนเคยนอนเกยหนุนอุ่นผืนหญ้า 
เหม่อมองฟ้าเห็นดาวพราวเวหน 
ระยิบระยับวับผ่านไปในตำบล 
แสนฉงนจันทร์อยู่ไหนใจรำพึง 

จึงถามเธอว่าจันทรานั้นอยู่ไหน 
ทำอย่างไรจึงเห็นเช่นเงื้อมถึง 
ฤๅปลดม่านราตรีดำที่ขึงตึง 
หอบดาวซึ่งเกลื่อนฟ้ามากล่อมไกว 


(ช) ตอบเอยตอบถ้อย...  

ขอตอบคำจำนรรจ์ว่าจันทร์เจ้า 
อยู่เป็นเงาราตรีที่สดใส 
เป็นเพื่อนฟ้าราตรีที่จริงใจ 
ยังรักใคร่หมู่ดาวพร่างพราวพราย 

อยากเอาจันทร์นั้นไว้ในอ้อมรัก 
มิยากนักถึงกับลับสลาย 
ต้องตักตวงลวงล่อขุดบ่อทราย 
ยามจันทร์ฉายในบ่อที่ล่อมา 

เห็นแหล่งน้ำทำเงาเจ้าจันทร์ไหม 
เชื่อหรือไม่เพราะเล่ห์เสน่หา 
มิต้องถึงดึงผ่านม่านเมฆา 
แล้วทำฟ้าเศร้าสร้อยจนน้อยใจ 

เสน่ห์รักหนักเล่ห์หากเหหัน 
ดุจดังจันทร์เกเรเถลไถล 
ท้องฟ้าหม่นปนโศกถึงโลกไกล 
เพราะฟ้าไร้จันทร์งามยามราตรี 

นอนหนุนหญ้าคว้าไขว่ทำไมเล่า 
ปล่อยฟ้าเขาคู่จันทร์นั้นสุขขี 
มาหนุนแขนแสนชื่นเถิดคนดี 
ให้เป็นที่ปรารถนาประสาเรา..
 				
11 กันยายน 2546 08:10 น.

คืนวันพระจันทร์พ่าย

อัลมิตรา

ญ..เพ้อ 
  
พึงสดับ ณ ค่ำหนึ่ง .............ให้คำนึงถึงวันวาร 
ข้างขึ้นจันทร์ตระการ............สานแสงส่องข้าเดียวดาย 
รำพึง โอ้ ! อกหนอ................รันทดท้อมิเว้นวาย 
มีข้าลำพังกาย .....................กับแสงเดือนเป็นเพื่อนยล...

ช..ครวญ
 
อย่าหมองมองจันทร์ฉาย........เหงาเดียวดายให้สับสน 
แสงเดือนเตือนกมล..............อย่าหมองหม่นนะคนดี 
จันทร์แรมแกมขึ้นบ้าง..........ไม่เคยร้างห่างราศี 
ท้องฟ้ายามราตรี..................ฟ้ายังมีที่ชื่นชม 
เช่นเธอที่เหม่อหา.................ให้รู้ว่าข้าขื่นขม 
เดียวดายกายใจตรม.............มิสุขสมภิรมย์ใจ 
วันวารที่ผ่านมา...................คิดเถิดหนาคราสดใส 
โศกศัลย์ลืมมันไป................เก็บเอาไว้ในสิ่งงาม.... 

 				
7 กันยายน 2546 20:54 น.

๏ ..หัก.. ๏

อัลมิตรา


๏ สับสนกลยั่วเย้า.................แยบยล 
แฝงเล่ห์เหลี่ยมเกินทน.........ทดท้อ 
อกโหยคร่ำครวญจน.............จริตฟั่น เฝือเฮย 
โอษฐ์เอ่ยโอดโอยพ้อ.............พ่างเพี้ยงสาปสรวง ๚ 

๏ ไมตรีครั้นล่วงแล้ว.............เลือนกัน 
ศักดิ์ก่อศรีสำคัญ..................คาดค้ำ 
การณ์บ่งม่งเหยียดหยัน........หยามหลู่ 
บางปล่อยกองลงห้ำ..............หักเหี้ยนกำแหง ๚ 

๏ ปานแจรงประดิษฐ์ถ้อย.......กระทบคำ 
ฤๅล่อหลงความนำ.................เหนี่ยวคล้อง 
ชะรอยคติจับจำ...................จรุงจิต มิตรเฮย 
โทสะโมหะพ้อง....................พ่ายแพ้มโนธรรม ๚ 

๏ อัตตาก่อกีดกั้น.................กำจาย 
เหตุวิวาทะหมาย..................มั่นแม้น 
เพียงพจน์อักษรกลาย............ก่อเหตุ 
ประดิษฐ์คุคำแค้น................ครอบค้ำหทัยถวิล ๚ะ๛ 				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา