17 กรกฎาคม 2546 17:26 น.
อัลมิตรา
.....ขลุ่ยร่ำยามดอกท้อ................กลีบเผย
ขับกล่อมลำนำเปรย....................เพรียกฟ้า
แสงจันทร์แจ่มดุจเฉลย...............โศลกทัก- ทายแฮ
ลมลู่แมกไม้ท้า...........................แซกซ้อนเสียงผสาน ฯ
.....สุขโศกโลกมากล้น.................ชิงชัง
ยศศักดิ์ยุทธจักรยัง....................ยุ่งด้วย
วางดาบขับขลุ่ยขลัง....................เสนาะโสต
เคียงแม่นางตราบม้วย................สุขล้นพันทวี ฯ
.....เป็นมารคนครั่นคร้าม............บูรพา นามแฮ
โอ้..!! ช่างตั้งสมญา....................ดั่งแกล้ง
ชมจันทร์ร่ำสุรา.........................เริงสุข จริงเวย
มิคิดสู่โลกแล้ง...........................หลบลี้ชนผอง ฯ
17 กรกฎาคม 2546 00:45 น.
อัลมิตรา
(๑๑)
เสียงหัวเราะเฮฮามาประสาน
อีกร่างคลานหนีภัยจากชายเหวย
หญิงแผดร้องดิ้นรนคนก่ายเกย
เสียงหอบเย้ยตอกย้ำหยามเอ็ดอึง
(๑๒)
ร่างน้อยเพลียชายผลัดประกาศบาป
เรียงขนาบหนุ่มแก่แห่ห้อมขึง
ดุจนกแร้งรุมเหยื่อเพื่อจิกดึง
จนร่างหนึ่งเงียบงันหยุดสั่นเทา
(๑๓)
คนหื่นหอบชอบใจที่ได้บ้าง
เพื่อนฝูงข้างมาเลยชมเชยเขา
ที่งานเลี้ยงเชิญชวนล้วนคนเมา
ของแกล้มเหล้าคือคนระคนกาม
(๑๔)
ร่างนั้นนิ่งพิงหลังประทังโหม
ความเสื่อมโทรมแห่งจิตติดล้นหลาม
มากด้วยบาปฉาบจิตคิดเลวทราม
หากตรองตามคงเห็นเช่นคดี
(๑๕)
จากสุดสวยเป็นศพมิจบสิ้น
ยังได้ยินคนหื่นข่มขืนผี
ตาดวงน้อยเบิกโพลงบ่งทันที
พวกอัปรีย์..นึกเฉลียวพลันเหลียวมอง
(๑๖)
เหล่าชายโฉดฉุกคิดพินิจเพ่ง
ต่างยืนเล็งดูร่างอันหมางหมอง
มือลูบคลำชีพจรก่อนไตร่ตรอง
โวยวายร้อง..แท้จริงหญิงสิ้นลม
(๑๗)
นึกกลัวผิดเข้าคุกขนลุกซู่
หากใครรู้คงด่าอย่างสาสม
ที่เมามายพลันสร่างพลั้งอารมณ์
เสียงระงมด่ากันประจานตัว
(๑๘)
บ้างก็โยนความผิดที่คิดแผน
บ้างแก้แค้นเพื่อนกันนั้นพาชั่ว
ต่างไม่รับเวรกรรมที่ตามตัว
แท้ต่างชั่วเทียมกันทั้งนั้นเอง
(๑๙)
ต่างช่วยกันถือขาคว้าแขนศพ
หวังเพียงหลบความผิดคิดรีบเร่ง
ฉุดกระชากลากร่างอย่างกลัวเกรง
ศพนั้นเคว้งโยกย้ายส่ายไปมา
(๒o)
เสียงรถไฟกังวานสะท้านทั่ว
ที่สลัวกลับสว่างช่างเจิดจ้า
ได้แผนการแยบยลพ้นอาชญา
เอาศพมาวางพาดอาจเข้าที
17 กรกฎาคม 2546 00:36 น.
อัลมิตรา
...แหวนเดียว...เหลียวทั้งภพ...........มารผยอง
แหวนหนึ่ง...อาจครอบครอง...........โลกไว้
แหวนวง...ศักดิ์สิทธิ์สนอง..............ฤทธิ์ฉกาจ
แหวนเลื่อม...อาจเผาไหม้...............ภพหล้ามลายสูญ ฯ
...แหวนเดียว...เพียงนิ้วแม่.............นวลงาม
แหวนหนึ่ง...อาจบ่งความ...............รักแท้
แหวนวง...ประดับยาม...................พราวพร่าง ดัชนีแม่
แหวนเลื่อม...คงค่าแล้...................ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ
16 กรกฎาคม 2546 12:09 น.
อัลมิตรา
(๑)
ข้างรางเหล็กรถไฟร่างกายแหลก
เกินจำแนกเนื้อหนังและมังสา
กระจัดกระจายใครเห็นเป็นหลับตา
อาจผวาอกหวั่นครั้นเมียงมอง
(๒)
อันรางเหล็กชโลมไล้ไว้แดงฉาน
เหมือนประจานแจ้งให้ได้สยอง
มองผิวเผินไม่แผกแปลกครรลอง
ร่างนอนกองกลิ่นคาวราวอำพราง
(๓)
เป็นหญิงหนึ่งนอนขวางอย่างมีเลศ
ผิดประเภทเกินไปในแบบอย่าง
หากเมามายไยเห็นเช่นถูกวาง
หากก้าวย่างโดยประมาทมิอาจจริง
(๔)
กลางทุ่งเปลี่ยวเช่นนี้หามีบ้าน
ไยซมซานนอนหงายคล้ายผีสิง
ร่างบอบช้ำรอยข่วนชวนติติง
อันความจริงคงแจ้งแย้งภาพลวง
(๕)
ช่างท้าทายความหมายให้เฉลย
โอ้ใครเลยมาท้าอาญาหลวง
วิปลาสฆาตกรรมย้ำทั้งปวง
โทษหนักหน่วงควรได้ใช้เวรกรรม
(๖)
ชันสูตรพลิกศพกลบสงสัย
เหมือนมีใครรุมโทรมโหมกระหน่ำ
ใช่เพียงหนึ่งหรือสองร่องรอยทำ
แสดงย้ำยอกย้อนสะท้อนใจ
(๗)
โอ้ความจริงปรากฏรันทดแท้
ข่มขืนแน่เกินอ้างครั้งคราไหน
ช่างโหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ไพร
ปราศหัวใจปรานีมีให้กัน
(๘)
มีรอยคล้ำรอบคอพอสันนิษฐาน
บ่งอาการบีบไว้มิให้หัน
ฤๅนางนั้นดิ้นรนก่นด่ามัน
จึงโรมรันรัดแน่นด้วยแค้นใจ
(๙)
ต้นข้าวโพดเรียบราบราวกับว่า
มีคนมาคับคั่งยังทุ่งไร่
มากรอยเท้าขวดเกลื่อนเหมือนจงใจ
บ่งบอกไว้จึงรู้ดูแปลกตา
(๑o)
รอยมือควานขาขวางอย่างขัดขืน
รอยยันพื้นเข่าข่มจมดินหนา
อีกร่องรอยเลอะเทอะเปรอะกามา
เวทนาเกินเทียบคำเปรียบเปรย
14 กรกฎาคม 2546 11:42 น.
อัลมิตรา
๏ ขุนโคลงครุ่นคิดค้น..............คำคม
ใครขุ่นเคืองคงข่ม...................ขัดแข้ง
ขึงขังคลั่งความขม...................ความขัด-
ขบคิดโคลงคะแคว้ง*................คลุกเคล้าโคลงเขลา ฯ
๏ ขุนโคลงโยงผูกถ้อย...............อีกครา
บ่ หมดซึ่งปัญญา.....................คิดค้น
ปราศเมฆเบื้องนภา..................ใช่ปลด- วสันต์นา
ความสื่ออาจมากพ้น..................เล่ห์นี้คงเฉลย ฯ
๏ ตามรสบทฟ่องฟ้า..................เฟือนฝัน
ร่ายเรื่องลิขิตอัน.......................อะคร้าว
คำครูแต่ปางบรรพ์....................เพียรบ่ง สอนเฮย
โคลงร่ำลำนำน้าว.......................เนื่องซร้องสืบสาน ฯ
๏ ขุนโคลงคงคิดค้น...................ความฝัน
แก้วกาพย์กาจรำพัน...................สืบถ้อย
อาศรมเฉกอภินันท์.....................ลานเอนก
อารักษ์อักษรร้อย........................สื่อได้นัยหมาย ๚ะ