2 มิถุนายน 2546 23:27 น.

...ฒ..ผู้เถ้า(เฒ่า)...

อัลมิตรา



แสงแดดจ้าตาจ้องหมายมองหา
กายชราใจยังแกร่งเรี่ยวแรงเหลือ
นึกถึงคราวสาวหนุ่มยังคลุมเครือ
ยังคงเหลือในภวังค์ยามนั่งตรอง

สองมือนี้คราวนั้นขยันนัก
เคยสานถักเสื่อตะกร้ามาใส่ของ
ข้าวเหนียวนึ่งกระติ๊บน้อยชะรอยปอง
ตกใส่ท้องอิ่มแท้เหลียวแลงาน

มาบัดนี้มือน้อยพลอยเหี่ยวแห้ง
เคยแข็งแรงคราจับทั้งหยาบกร้าน
ที่เบาหวิวหิ้วยกวิตกนาน
แสนสะท้านหนักแท้แม้ชายตา

สองขาซูบเดินเซเถลไถล
ก่อนทางไกลลำบากหากมิว่า
เดินตัดทุ่งมุ่งเถียงเลาะเลี่ยงนา
กลับอ่อนล้าโรยแรงดุจแกล้งกัน

ต้องพลัดบ้านผ่านเมืองดุจเรื่องเล่า
ปล่อยผมเผ้ารุงรังดังผวนผัน
ไร้จุดหมายญาติมิตรสนิทกัน
สู่เมืองฝันรุ่งฟ้าสุดกล้าเกิน

ยังหิวโซโอ้ว่า...สวรรค์สาป
ดุจตราบาปคุมขังครั้งห่างเหิน
สองขาเร่งขยับย่างทางดำเนิน
มิเพลิดเพลินเมืองกรุงเพียงมุ่งไป

แสวงหาขุมทรัพย์อันลับยิ่ง
ของใครทิ้งข้างทางยังฝันใฝ่
กล่องกระดาษกลาดเกลื่อนยังเตือนใจ
แลกเปลี่ยนไปเป็นเงินมากเกินพอ

ขนมหนึ่งตกอยู่ดูไร้ค่า
หากมวลหมามาเห็นน้ำลายสอ
คว้าขบเคี้ยวสักคราวครั้นเข้าคอ
ก็เพียงพอต่อแรงสำแดงมี

อีกมากมายชายตาแสนล้านัก
ลูกหลานจักเล็งเห็นเข้าไหมนี่
อย่าดูแคลนแม้นพบประสบที
เพราะแม่นี้ทำเพื่อเจือตัวเอง

ไม่อยากให้เจ้านั้นพลันลำบาก
แม้นแม่จากบ้านมาใช่ว่าเก่ง
ไม่อยากเป็นภาระอีกว่าเกรง-
เจ้าข่มเหงด้วยคำอันย่ำยี

แก่ชราใช่ว่าจะดีนัก
ยังประจักษ์ในจิตทุกทิศที่
หวังมาตายดาบหน้าขอลาที
ใช่อวดดีอันใดจงใคร่ครวญ

แสงแดดจ้าทรงกลดปรากฏแจ้ง
ดุจเสแสร้งแผดเผาเศร้ากำสรวล
กองขยะน่าแขยงกลิ่นแรงชวน-
ให้ปั่นป่วนคลื่นไส้ไร้กำลัง

หากชีพยั้งอยู่ได้เพราะไขว่คว้า
อีกสองตาจับจ้องของตามถัง
อาจมีเงินมีทองข้าวของบัง
คงจักนั่งยิ้มย่องแสนผ่องใจ

โอ้วันนี้อ่อนล้าแขนขาท้อ
ยังตัดพ้อเพ้อพร่ำคร่ำครวญไข้
ปราศญาติมิตรชิดเชื้อจุนเจือใด
แสนยากไร้แม้นหมาไม่มามอง

เสื้อตัวเก่ามือคว้ามาลูบหน้า
ซับน้ำตาเหงื่อโซมชะโลมหมอง
แม้นเหม็นบ้างยังดีกว่ามีทอง
ผู้คนมองมากมาย..เหตุใดกัน ?

ฤาฉันเป็นเช่นผีหรือนี่หนอ
คงหัวร่อเริงร่าพาขำขัน
นึกดูถูกเหยียดหยามย่ำยีพลัน
เพียงเพราะฉันเฒ่าชรา..ไร้ค่าฤา ?

โอ้ว่าร้อนแสนร้อนสะท้อนอก
ให้วิตกครุ่นหาคว้าของถือ
ของมากมายก่ายกองเต็มสองมือ
เสียงเลื่องลือเอ็ดอึงยังอึ้งฟัง 

เอ้ย !!..อีแก่สกปรกคนตกต่ำ
อย่ามาทำจับเจ่าเขาจะนั่ง
จงหลีกไปดีกว่าคนน่าชัง
ขืนเจ้ายังอยู่นี่...เจอดีกัน 

โอ้น้ำใจไมตรีเพียงนี้หรือ
หรือสองมือมอมแมมแถมเส่าสั่น
ไปแปะป้ายเสื้อผ้าภูษากัน
จึงเดียดฉันท์ชิงชังยังเศร้าใจ 

ค่าของคนอันใครได้กำหนด
ฤๅปรากฏข้อความนิยามไหน
เพราะคนรวยสูงศักดิ์ยศมากใด
จักมีไครตอบถ้อยจักคอยฟัง

ลมกรรโชกอกพรั่นสะท้านว่า
มากเมฆามืดมัวสลัวตั้ง
เสียงฟ้าร้องคำรามย้ำเสียงดัง
ข้าวของยังกองสุมแทบคลุมตัว

กลิ่นไอฝนปนสาบซึ่งจับจิต
ผลุนผลันคิดไขว่คว้ามาคุ้มหัว
ยังยากแท้สุดสะท้านสั่นระรัว
ให้เกรงกลัวลมฝนบนนภา

ก่อนทำนาคราฝนเบื้องบนเอื้อ
สุขใจเหลือเกินร่ายหมายเปรียบว่า
ชโลมเล่นเย็นฉ่ำร้องรำนา
หากฝนฟ้ามาเยือนเปรียบเหมือนพร

โอ้คราวนี้...หนาวเนื้อเหลือจะอด
ร้าวรันทดเหนื่อยล้าแขนขาอ่อน
ฝนกระหน่ำเนิ่นนานใจสั่นคลอน
ขอวิงวอนฝนฟ้าอย่าแกล้งกัน

สายฝนซ้ำซัดสาดมาดข่มเหง
สองขาเร่งอ่อนแรงแย้งใจฉัน
หมายก้าววิ่งเกรงล้มระบมพลัน
แต่ขานั้นกวัดแกว่งแจ้งความจริง

อันสิ่งของมากมายวางไว้ก่อน
จากรุ่มร้อนกลับหนาวราวผีสิง
คว้ากระติ๊บเพียงหนึ่งซึ่งประวิง
ข้าวของทิ้งเกลื่อนทางยังเฝ้ามอง

ตาละห้อยใจเพลียละเหี่ยแล้ว
อันขวดแก้วลังเก่าอีกข้าวของ
สัมภาระเสื้อผ้าคราเปียกนอง
ยังนั่งมองเพียงหมายไปขนมา

หวังแลกเงินค่าข้าวคราวหิวโหย
ไยฝนโปรยกระหน่ำย้ำหนักหนา
คงไร้ซึ่งปราณีมีเมตตา
คำสาปฟ้าสั่งให้คล้ายลงทัณฑ์ 

คิดแล้วล้าใจท้อหนออกเอ๋ย
เกินเปรียบเปรยรจนาถ้ารังสรรค์
แสนลำบากยากแค้นแม้นตรองกัน
อย่าว่าฉันทุเรศราวเศษคน 

ค่าของคนอ้างอิงสิ่งใดหรือ
ใครยึดถือข้อบัญญัติอาจสับสน
คงคุณธรรมล้ำเลิศบังเกิดตน
คนหนอคนเขาวัดที่...ความดีเลว...ฯ				
2 มิถุนายน 2546 21:19 น.

@..พ้อ

อัลมิตรา


ช่างมืดฟ้ามัวฝนลมบนล่อง
เกิดเสียงก้องเกริกหล้าเวหาหาว 
เลื่อมแสงสีอัสนีมีลางคราว
ดุดันราวเข้าข่มให้ตรมใจ 

ลมรำเพยเคยเย็นดังเช่นก่อน
มายอกย้อนพัดโบกวิโยคใส่ 
ให้หนาวเนื้อเหน็บนักปักทรวงใน
โอ้เหตุใดคล้ายคลึงคะนึงครวญ

ต้นไม้น้อยพลอยพลิ้วลมลิ่วล่อง
ยามเพ่งมองตรอมตรมเมื่อลมหวน 
ลู่โอนเอนเห็นแอบอิงแนบมวล-
แมกไม้ล้วนรวมเหล่าคราวลมแรง 

ที่ดอกบานพลันร่วงเป็นห่วงนัก
ลมทายทักเพียงนี้มีเลศแฝง 
ฤๅหมายโค่นมุ่งข่มด้วยลมแรง
ให้เปลี่ยนแปลงเป็นไปดังตายพราย* 

ที่โปรยปลิวลิ่วฟ้าจากลาต้น
ต่างระคนดั่งแปลกผิดแผกหาย 
พเนจรร่อนเคียงเคล้าเรียงราย
จักพลัดหายพรากร้างเหินห่างไป 

โอ้บุบผาพฤกษาสะคราญเจ้า
ก่อนหลงเฝ้ายลยวนให้ชวนใคร่ 
ชมกลีบงามยามกรุ่นละมุนใจ
ให้ฝันใฝ่หมายดอมมุ่งหอมนาน   

ยามลมโกรกกรรโชกกรากมาพรากแล้ว
คงคลาดแคล้วลอยคว้างช่างหักหาญ 
ฤๅปล่อยใจให้ลอยชะรอยทะยาน
กลีบเบ่งบานโบยบินสิ้นอาลัย 

อยากทักท้วงหวงห้ามยามเจ้าพลิ้ว
เริงละลิ่วล้อลมภิรมย์ไฉน 
ยากหวงแหนแน่นนักปักหทัย
ยามเจ้าไกลใจคร่ำระกำเกิน ฯ 


				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา