16 พฤษภาคม 2546 13:17 น.

วาดฝัน..ปันจินตนาการ

อัลมิตรา

 ฉันเป็นคนช่างฝันตลอดเสมอมา 
ได้แต่คอยติดตามมโนภาพของตนเอง 
ฉันเกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่ง.. 
ของถ้อยความต่างๆ ในบทเพลงหนึ่ง แล้ววาดฝันเป็นวิมาน 

ฉันเชื่อในการจบลงอย่างสุขสันต์ 
แม้ว่าฉันเพียงแค่เคยรู้มาบ้างเล็กน้อย 
เพราะมันช่างหายากนักหนา... 
เหมือนกับดาวตกอันเจิดจ้า 
ไม่รู้เหมือนกันว่า จะมีวันนั้นหรือเปล่า 

บางครั้ง.. 
โลกทั้งโลกอาจดูเหมือนแสนไร้มิตรภาพ 
และถนนเบื้องหน้าแสนจะไร้จุดจบ 
อีกความฝันก็อยู่แสนไกลออกไป 

บางคราว.. 
ในยามที่ฉันเกือบจะต้องพ่ายแพ้ 
ครั้นแล้วฉันก็หยุดและนึกขึ้นได้ว่า 
ฉันยังมีอะไรบางอย่างที่ต้องค้นหา 
เพื่อคอยกู้วันเวลาของฉันไว้ 

บ่อยครั้ง.. 
ที่จินตนาการ... 
นำฉันมุ่งออกไปไกลเกินขนาด 
พอฉันพลาดพลั้ง ฉันก็ได้รับคำปลอบโยน 
และหัตถ์แห่งความปรานี 
หลังจากทุกสิ่งที่มีผู้ช่วยเหลือฉัน 
ผ่านมากับความรักที่ได้รับมอบอย่างเสรี 
ในทุกย่างก้าวไปตลอดหนทาง 

บางครา.. 
ผู้คนถามว่า อะไรนะที่ทำให้ฉันยังคงวาดฝันและปันจินตนาการ 
และในความเป็นจริงนั้น , ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอย่างไรดี 
				
14 พฤษภาคม 2546 23:41 น.

ชวนต่อโคลง(ผวน)

อัลมิตรา

 
...มำกือ...ท้างย่างเส้า..............ไสปัน
คลึงโหน่ง...ไบกะวีทัน.............ล่าเลื้อง
มักริด...ไม่สายยัน..................ลิดนะ  ฮะ...ฮะ
ติดเจ็ม...ร่าฝันเกลื้อง.............ฟ่องฟิ้นฟ่องด้า ฯ

...มือกำ...เท้าย่างสร้าง.............สรรค์ไป
โคลงหนึ่ง...บันกวีไทย.............เลื่องหล้า
มิตรรัก......มั่นสายไย...............ละนิด...ฮะ...ฮะ...
เต็มจิต...เรื่องฝันกล้า...............ฟ่องฟ้าฟ่องดิน ฯ

  				
12 พฤษภาคม 2546 17:52 น.

…..นิราศนีลรัตนชาติคูหา…ตอนที่ ๕..( นิราศถ้ำมรกต )…..

อัลมิตรา


๔๑. 
.....รัศมีสูรย์ส่องหล้า-....................รามสาง 
แสงเรื่อเรืองรางชาง*......................เฉิดเช้า 
สายโศภิษฐ์คัคนางค์......................ขจ่างจิต 
ใจร่ำคำนึงเหน้า............................นาฏน้องนางเสมอ ฯ 

๔๒. 
.....ลูกลม*ลอยหลากล้น.................เรียงราย 
ลมล่องละลิ่วหลาย.........................ลุ่ยลี้ 
ลรรลุงร่ำไรร่าย.............................ฤๅรัก-  เริดฤา 
ระลึกเรียมแล้วรี้............................เลื่อยล้าละล้า-  ละลัง ฯ 

๔๓. 
.....บทจรตอนทุกข์พ้น...................คูณทวี 
ทวิช*เพรียกขรมไพรมี....................มากแท้ 
ทฤฆชาติ*อาจราวี..........................รัดฉก  ดับนา 
นักขอีกพยัคฆ์แม้...........................มาดขย้ำถวัดวาย-  ปราณเฮย ฯ 

๔๔. 
.....หิวโซโถอกข้า ฯ.......................เข็ญใจ 
ผลสุกลูกไม้ไพร............................พรั่งน้อ 
คาวหวานกรุ่นกลิ่นใน....................ปลายจวัก  แม่นา 
ปรากฏดุจพรายล้อ........................หลอกให้ตรมเหลือ ฯ 

๔๕. 
.....มองหามะพร้าวหล่น..................รนราน 
เห็นอยู่มากมหาศาล........................สุขแท้ 
ฤๅเทพยดาปทาน...........................โปรดลูก-  ช้างนอ 
หินทุบฟันกัดแล้............................ฉีกกล้อนเปลือกหาย ฯ 

๔๖. 
.....เขย่าลูกมะพร้าวเงี่ย...................ฟังเสียง 
น้ำกลอกกลิ้งคราวเอียง...................โยกย้าย 
มือจับมะพร้าวเหวี่ยง.......................ลงโขด-  หินนา 
ขบแทะแก้มตุ่ยคล้าย.......................บ่างเก้งกินผล ? ฯ 

๔๗. 
.....ควานหาเศษไม้เพื่อ..................สุมเพลิง 
มือปั่นกิ่งไม้เถิง.............................เร่าร้อน 
บังเกิดอัคคีเริง-.............................อย่างยิ่ง   
หอบเปลือกมะพร้าวซ้อน.................กิ่งให้ไฟโหม ฯ 

๔๘. 
.....หมอกควันอาจลอยคลุ้ง...............ตามลม  แม่เอย 
หากจิตสนิทสนม.............................เนื่องเจ้า 
คงหมายใฝ่ชื่นชม-..........................นุชนาฏ   
ไกลห่างยังรุมเร้า.............................แนบเนื้อเรียมสงวน ฯ 

๔๙. 
.....สำรวจตรวจภาคพื้น....................พนาสณฑ์ 
พฤกษ์ชาติพิลาสปน.........................แปลกบ้าง 
เถาวัลย์รัดรึงจน..............................ขวักไขว่ 
เกาะกลุ่มพุ่มงามค้าง.........................กิ่งเคล้าระคนเคียง ฯ 

๕๐. 
.....ถึงเถาวัลย์เคี้ยวคด......................พัลวัน 
เลี้ยวเลาะเกาะไม้มั่น.........................ครอบไว้ 
หากเทียบจิตมนุษย์อัน......................แฝงเลศ-  นัยนา 
เกินหยั่งเจตนาให้............................แจ่มแจ้งดีเลว ฯ				
9 พฤษภาคม 2546 00:42 น.

…..นิราศนีลรัตนชาติคูหา…ตอนที่ ๔..( นิราศถ้ำมรกต )…..

อัลมิตรา


๓๑. 
.....หนึ่งสองสามสี่ห้า.....................หกเจ็ด 
แขนแกว่งขากวัดเข็ด.....................ขยาดท้อ 
ดำผุดว่ายโผล่เคล็ด.......................ขัดยอก 
เกาะแก่งปานหลอกล้อ....................เคลื่อนย้ายไกลเกิน ฯ 

๓๒. 
.....ถึงโขดหินดั่งพ้น.......................ความตาย 
หลากรูปลักษณ์เรียงราย..................ใหญ่น้อย 
นั่งพักชักตาลาย............................เมาคลื่น 
นอนแผ่จนบ่ายคล้อย.....................ค่ำแล้วแสงสลัว ฯ 

๓๓. 
.....เคยนอนหนุนตักน้อง................เนืองนิจ  แม่เอย 
หอมกลิ่นนวลจับจิต.......................เคลิบเคลิ้ม 
เพลงขับกาพย์กล่อมนิท-.................ราร่าย  ใดนา 
หวานแว่วยังหยาดเยิ้ม....................ไป่ร้างกังวาน ฯ 

๓๔. 
.....เสียงคลื่นเยือนฝั่งก้อง...............อื้ออึง 
ลมพัดกิ่งพร้าวถึง..........................โยกย้าย 
เทียบจิตพี่คำนึง............................ก้ำกึ่ง  นาแม่ 
เสียงเพรียกใจภักดิ์คล้าย.................ร่ำร้องครวญหา ฯ 

๓๕. 
.....เดือนดาวพราวพร่างฟ้า..............คืนเพ็ญ 
แมงป่องสิงโตเห็น..........................สุกแท้ 
ดาวไถลูกไก่เป็น............................ปรากฏ 
คราวก่อนเคยเคียงชะแง้..................เพ่งจ้องปองเชย ฯ 

๓๖. 
.....ดาวตกโอ้อกสะท้าน...................ทันใด 
ฤๅรักจากแปรไป............................อื่นบ้าง 
ดาวเคลื่อนเลื่อนหล่นใน.................คืนหนึ่ง  นาแม่ 
ขออย่ามาแอบอ้าง..........................จิตน้องดั่งดาว ฯ 

๓๗. 
.....คงมั่นรักภักดิ์พร้อม-..................เพรียงรตี  แม่เอย 
สุกสว่างดั่งศศี................................ส่องหล้า 
คืนหม่นพร่ารัศมี............................หลบเมฆ 
จักเรื่อเรืองรุ่งฟ้า.............................หากพ้นมลทิน ฯ 

๓๘. 
.....โอหนอป่านฉะนี้แม่....................ดรุณี 
หากเพ่งมองจันทร์ศรี.......................เพริศแพร้ว 
คำนึงซึ่งคราวที่...............................ชวนแม่ -  ชมเฮย 
มุ่งมาดสรรพสิ่งแล้ว.........................เอ่ยย้ำคำขอ  ต่อจันทร์ ฯ 

๓๙. 
.....กระเวนไพรไก่ซ้อง......................ขรมเสียง 
นกแสกนกฮูกเยี่ยง............................ขู่ย้ำ 
สยายปีกหลีกหลบเลี่ยง......................ปองภักษ์  ฤๅหนอ 
ขออย่ามาลอบล้ำ...............................ข่มให้ใจหวาม ฯ 

๔๐. 
.....เพียงจิตครวญคร่ำนี้......................เกินพอ 
ไยจึ่งมาบั่นทอ*.................................ทุษฐ*ซ้ำ 
ขวัญหนีอกดีฝ่อ.................................ฝืนจิต 
โงกง่วงริมฝั่งน้ำ.................................หลับคล้อยอสัญญี ฯ				
8 พฤษภาคม 2546 00:35 น.

คืนเดือนดับ

อัลมิตรา


.....เดียวดายใต้ฟ้ามืด.............เดือนดับ
หายห่างฤๅฟ้าหับ....................ห่มไว้
อกเคยชื่นกลายกลับ................หดหู่
ยืนอยู่เดียวเปลี่ยวไห้ ..............หักสะอื้นคืนเหงา ฯ

.....เดียวดายไยฟ้าพร่า.............คืนแรม
หายลับกับเมฆแซม..................ซ่อนเร้น
เพรงกาลพร่างพราวแวม-..........วับร่าง
หมองหม่นไยเดือนเว้น.............เลื่อมหล้านภาสลัว ฯ

.....ย่ำค่ำรินเหล้าดื่ม................ไร้สหาย
ใจคิดคงเปล่าดาย....................อยู่บ้าง
ลมแผ่วผ่านผิวกาย...................ยิ่งสะทก
อกอุ่นสุธาร้าง..........................โลกรู้คืนเหงา ฯ 				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา