19 มีนาคม 2546 17:16 น.
อัลมิตรา
(๑)
.....หอมเอยเผยกลิ่นคลุ้ง..................จรุงใจ
บานเบ่งเพรงกาลไกล.......................ไป่ร้าง
กลีบดอกออกประไพ........................เพรียกหมู่- ภมรฤา
หมายชื่นชระมื่นอ้าง......................เยี่ยมเย้ายลโฉม ฯ
(๒)
.....เผลอใจหมายเหนี่ยวโน้ม...........ชมเชย
พลั้งจิตจริตเผย...............................เพลี่ยงพล้ำ
พิศมัยใดใคร่เฉลย..........................ร่ายพจน์ ชมแฮ
หากแต่คำโคลงย้ำ...........................ไป่อ้างเสมือนจริง ฯ
(๓)
.....เครือเถาราวสร้อยพร่าง..............สังวาลย์
งามยิ่งอิงโฉมสคราญ......................กลีบแย้ม
ใบสดงดงามนาน..........................ไสววับ- วาวนอ
เกาะเกี่ยวเพรียวพันแฉล้ม...............สลับล้อเริงลม ฯ
(๔)
.....กลีบดอกออกซอกซ้อน.............แซมสลวย
กลิ่นกรุ่นละมุนระรวย...................เฟื่องฟุ้ง
หอมหวลป่วนลมระทวย................เทียมทิพย์- สุคนธ์นา
หากแต่ดอกคละคลุ้ง.....................มุ่งให้คืนหอม ฯ
(๕)
.....การเวกเฉกเช่นน้อง.................นวลลออ แม่เอย
แผกแต่การเวกพอ........................รุ่งเช้า
หอมใดจักกลายชลอ......................จางกลิ่น
หากแม่ยังหอมเย้า........................ชื่นแท้นิจจกาล ฯ
(๖)
.....เด็ดดอกดังบอกให้..................คงความ
หอมนักหากหลงยาม....................เยี่ยมใกล้
หอมนวลดั่งชวนหวาม..................ไหวติด เสน่ห์ฤา
ขอร่ายโคลงชมให้.........................แน่งน้อยคลายเหงา ฯ
19 มีนาคม 2546 13:50 น.
อัลมิตรา
...คำของใครใคร่คล้อง.............คงความ
ขอแค่เคียวคมขาม..................ข่มแค้น
ขัดขืนขื่นขมคร้าม..................ขอดค่อน
คลายคร่ำครวญคงแคว้น..........คู่คล้องเคียงคลอ ฯ
...คำหวานใครหว่านใว้............หวาดเชียว แม่เอย
หลงติดพจน์ชายเฉลียว............เปล่าน้อง...???
มวลมดซดตาลเพียว................อาจมุ่ง- เมานา
ชมชื่นคำหวานพ้อง.................อาจให้ใจตรม ฯ
...คำคนคำข้นแค่น..................คดเคียว
หยามเหยียดเฉียดใจเชียว.........หยั่งใว้
ดาบใดใคร่เฉือนเสียว...............กายฉีก
หาเทียบเปรียบคำไร้-................จิตย้อมสัจจ์จริง ฯ
14 มีนาคม 2546 11:07 น.
อัลมิตรา
เกิดเป็นคนแต่ไยหัวใจทาก
เฝ้ากาฝากเสาะแสวงแหล่งโภคผล
หรือสังคมของเราเข้าตาจน
จึงแต่งกลกาฝากทากเหลือบไร
หวังจะไปไต่สูงมุ่งภูผา
เพียงเดินช้าใจท้อรอไม่ไหว
จึงแปลงร่างพรางตัวเปลี่ยนหัวใจ
เกาะขาคนหัวใครไต่ตะบึง
รู้บ้างไหมคืนวันพระจันทร์โศก
เห็นร้อนโกรกกรีดกราดโลกขาดผึง
กลิ่นอายพิษแผ่ไปไพรรำพึง
น้ำตาเดือนจะเตือนตรึงถึงผู้ใด
ก็ไปเถิดหากไต่แล้วใจสุข
ไปวางทุกข์ธารกลีให้ปรี่ไหล
จะปัดแข้งแกล้งขัดเชิญปัดไป
เธอเพียงผู้เหยียบบันไดมิใช่ดาว
14 มีนาคม 2546 11:06 น.
อัลมิตรา
จะบินไกลไยจ้องแถมร้องลั่น
ดึงขาฉันทำไมใครมาฉวย
แค่ยืมหัวเหยียบหน่อยจะต่อยมวย
เถิดน่าช่วยฉันก่อนจะย้อนคืน
ด้วยไม่ลืมกันหรอกจะบอกให้
เขาทำกันถมไปใครจะขืน
อุปถัมภ์พร่ำฝากถึงยากกลืน
แต่ก็เห็นยิ้มชื่นระรื่นชนม์
เมื่อชาติก่อนฉันหนาพญาทาก
หน้าแข้งใครขนมากจ้องถากขน
จนเสียงลือเล่าอ้างทั้งตำบล
ว่าลิ้นยนต์เจาะยางบางต้องยอม
ปล่อยฉันก่อนเหลือบริ้นขอบินสูง
แล้วค่อยจูงมือมาถ้าจะหอม
ดึงกันไปดึงกันมาจะพางอม
ตกลงไปตัวปลอมเขาพร้อมแซง
13 มีนาคม 2546 23:45 น.
อัลมิตรา
หญิง..
...เพราะความรักมักบังเกิดอย่างเพริศแพร้ว
งามอย่างแก้วเนื้อบางสว่างใส
ส่องประกายแวววับจับในใจ
หาสิ่งใดยากเปรียบมาเทียบกัน
...แก้วกังวานปานเสียงสำเนียงเสนาะ
ฟังไพเราะแว่วหวานปานสวรรค์
ร่วมเรียงร้อยถ้อยคำแจ้วจำนรร
ร่วมสร้างฝันกลั่นจากใจไว้เคลียคลอ
...สุขนั้นสุขเกินกว่าจะหาไหน
ทุกข์นั้นทุกข์หากวันใดใจเกิดท้อ
รักนั้นรักยามเคียงเขาเฝ้าพนอ
รอนั้นรอวันเราเข้าคู่ควง
...นี่เพราะเป็น มหัศจรรย์วันแห่งรัก
ค่อยฟูมฟักฝากฝันสวรรค์สรวง
กระจ่างใจไขว่คว้ามาทับทรวง
ยามติดบ่วงรักร้อยคอยหากัน
+.*~*+::~..*~*...*~* ..**~*+.~*+.
ชาย ..
คงเป็นเพราะฟ้าเบื้องบนท่านด้นไว้
กำหนดให้ดวงชีวันนั้นสุขสม
ขีดชะตาพาประสบจบภิรมย์
ล้วนสร้างสมสืบสานตำนานใจ
แก้วใดเอ๋ยเฉลยนัยแก้วใจข้า
เอ่ยวาจาแว่วหวานเปรียบตาลได้
ร่วมร้อยเรียงขับขานกังวาลไป
รังสรรค์ไซร้จากห้วงจินต์ให้ยินดี
สุขนั้นสุขเกินกว่าหาใดเทียบ
ทุกข์ยากเปรียบเปรยใดมาแทนที่
รักนั้นรักมั่นคงยืนยงทวี
รอวันที่หนทางรักประจักษ์วาง
นี้เพราะเป็นมหัศจรรย์วันแห่งรัก
ที่ฟูมฟักดวงหทัยมิให้หมาง
จากสองกายรวมหนึ่งใจมิอำพราง
ร่วมรอยสร้าง......รักนั้นมหัศจรรย์จริง